ตอนที่ 364 ภัยน้ำท่วมและโรคระบาด
“เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้? เพราะเหตุใดกันเมื่อก่อนก็ไม่เคยเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น? ”
กู้อ้าวเวยตบโต๊ะยืนขึ้น ป้าจางเร่งรีบเข้าไปหยิบบันทึกประวัติท้องถิ่นมา แต่ไหนแต่ไรมานั้นเรื่องเช่นนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนจริงๆ
พูดถึงตรงนี้ พ่อบ้านก็ขมวดคิ้ว “หมู่บ้านในเขตชานเมืองเหล่านั้นล้วนเสียหายจากการระบายน้ำขององค์ชายแปด องค์ชายแปดอายุยังน้อยฝ่าบาทจึงทรงให้ขงพระองค์ตั้งมั่นที่เมืองใกล้เคียง ได้ยินมาว่าสิบวันก่อนเป็นองค์ชายแปดที่ปล่อยระบายน้ำไปยังหมู่บ้านเขตชานเมือง แต่กลับไม่ทำการเตือน อีกทั้งเมื่อปีก่อนหมู่บ้านเขตชานเมืองเพิ่งเกิดหินโคลนพังลงสกัดทางน้ำที่ระบายมาได้พอดี องค์ชายแปดทรงไม่ทราบ ไปกลับเช่นนี้ฉะนั้นจึง…”
อย่าได้มองว่าพ่อบ้านเป็นเพียงหญ้าลู่ลม แต่สำหรับเรื่องเหล่านี้แล้วกลับเข้าใจทะลุปรุโปร่ง
กู้อ้าวเวยปวดหัวจนต้องกุมขมับ “องค์ชายแปดคนนี้มีความเป็นมาอย่างไร? ยามปกติหาได้ตระหนักถึง”
“หากกล่าวว่าอ๋องจิ้งเป็นที่หนึ่ง องค์ชายหกเป็นที่สอง เช่นนั้นองค์ชายแปดผู้อายุน้อยผู้นี้ก็เป็นที่สาม เฉลียวฉลาดแต่วัยเยาว์ เพียงแค่ไม่เชี่ยวชาญด้านการทหาร” กุ่ยเม่ยพูกดเสียงเบาที่ข้างหูกู้อ้าวเวย
“เช่นนั้นเกิดเรื่องเหลวไหลเช่นนี้ขึ้นมาได้อย่างไร! หมูหมาพวกนี้ตายแต่ไม่จัดการย่อมต้องเกิดเรื่องขึ้นอยู่แล้ว ที่เทียนเหยียนล้วนเป็นขุนนางชั้นผู้ใหญ่และบุคคลระดับสูง หากเกิดความโกลาหลขึ้นมาจริงๆ คนที่จะตายอย่างน่าสังเวชคงมีเพียงผู้ประสบภัยเหล่านั้น” กู้อ้าวเวยเพียงรู้สึกเดือดดาล เดินไปด้านหน้าพ่อบ้าน พูดเสียงหนัก “น่าจะมีคนที่ติดเชื้อเข้ามาในเมืองแล้ว พาข้าไป”
“หากท่านอ๋องทรงทราบ…”
“พาข้าไป” กู้อ้าวเวยมองเขาอย่างเย็นชา มีดตรงช่องเอวยื่นออกมาสองนิ้วมือ
พ่อบ้านเย็นสันหลังวาบ ด้วยรู้นิสัยของกู้อ้าวเวยดีจึงทำได้เพียงพานางเดินออกไปข้างนอก
ป้าจางนำบันทึกประวัติท้องถิ่นมาก็ไม่เจอผู้ใด กุ่ยเม่ยวางชิงจือลงในอ้อมแขนของนาง แล้วก็พรวดพราดตามออกไปติดๆ
ขณะเดินทางกุ่ยเม่ยเห็นนางโมโหจึงรีบพูด “องค์ชายแปดอายุยังน้อย อาจจะทำอะไรหุนหันพลันแล่นไปบ้าง ตอนนี้ท่านวางแผนเพื่อองค์ชายสาม การทำงานกุศลภายใต้นามพระชายาจิ้งในเวลานี้จะเป็นการสร้างอำนาจให้อ๋องจิ้ง”
กู้อ้าวเวยชะงักฝีเท้า พ่อบ้านที่อยู่ด้านหน้าก็หยุดตาม ไม่เข้าใจว่าเหตุใดกู้อ้าวเวยถึงหยุดกะทันหัน
ทว่าผ่านไปชั่วครู่ กู้อ้าวเวยทำเพียงจำใจ “ชีวิตคนสำคัญที่สุด”
พูดแล้วนางก็ก้าวเร็วๆ ตามการก้าวย่างของพ่อบ้าน แต่กุ่ยเม่ยกลับตบหัวอย่างโง่งม
เขากับกู้อ้าวเวยวางแผนกันไปๆ มาๆ เรื่องชีวิตคนสำคัญที่สุดนี้ทำเอาหลงลืมไปโดยสิ้น
ทั้งสองมาถึงที่คฤหาสน์แห่งหนึ่งที่อยู่ด้านข้างเสี่ยวเจด้วยความรีบร้อน ที่นี่ได้จัดหาที่ให้คนที่ติดเชื้อสิบกว่าคนอยู่ พ่อบ้านกับกุ่ยเม่ยชักแม่น้ำทั้งห้ามาพูดถึงจะให้กู้อ้าวเวยห่อตัวมิดชิดเข้าไป ผู้คนข้างในล้วนนอนอยู่บนเสื่อไม้ไผ่ ท่ามกลางในนั้นยังมีหมอของจี้ซื่อถางอยู่อีกคนหนึ่ง
หมอคนนั้นแวบเดียวก็จำกู้อ้าวเวยที่สวมผ้าคลุมหน้าได้ เพิ่งเดินเข้ามา กู้อ้าวเวยก็พูดเสียงเบา “อย่าได้เปิดเผยว่าข้าเป็นใคร เพียงบอกข้ามาว่าสถานการณ์เป็นเช่นไร”
“สถานการณ์แย่นัก ผู้ประสบภัยเหล่านั้นถูกเขาโอบล้อม ถึงกระทั่งมีคนกินเนื้อหมูที่ตายไปด้วยไม่รู้ ยังมีเป็ดไก่ที่ติดโรค ขณะนี้หาได้ขาดยาไม่ ทว่าปัญหาอยู่ที่เรื่องนี้จัดการได้ยากยิ่ง” หมอคนนั้นเล่าสถานการณ์บางส่วนอย่างถี่ถ้วน ยังมีคนที่มีอาการแน่นหน้าอกปวดไหล่ สติเลือนลาง
ขอแค่ติดโรคเกี่ยวข้องกับศพ เรื่องราวล้วนยากต่อการจัดการ
โรคระบาดแบ่งออกได้หลายประเภท ทว่าโรคที่เกิดจากการกินเนื้อหมูที่ตายแล้วและเป็ดไก่ที่ติดโรคนับว่าเป็นเรื่องที่จัดการได้ยากที่สุด
กู้อ้าวเวยไม่พูดมากความ ยุ่งอยู่กับงานอย่างรวดเร็ว ร่วมกับเหล่าหมอช่วยกันปรับเทียบยา
ในขณะเดียวกัน เฉิงเสี้ยงกู่เซิงนำเรื่องนี้รายงานแก่ฮ่องเต้ องค์ชายแปดโดนตำหนิและกักบริเวณ วันรุ่งขึ้นซ่านจินจื๋อและซ่านเซิ่งหานต่างคนต่างส่งข่าวสารกลับมา เรื่องราวเป็นเพราะองค์ชายแปดปิดบังไว้หลายวัน ระแวกใกล้เคียงตึงพัวพันไปด้วย ข่าวจากทั้งสองฝั่งล้วนไม่สู้ดีนัก
องค์ชายสามแอบส่งข่าวมา กุ่ยเม่ยนำจดหมายมาในคืนนั้น “องค์ชายสามกล่าวว่าวิธีขุดลอกทางระบายน้ำ ปลูกต้นไม้และปูพื้นหญ้านั้นไม่เลวเลย พื้นที่ประสบภัยน้อยกว่าปีที่แล้วๆ มาเยอะ”
“โรคระบาดลุกลามไปแล้วหรือ? ” กู้อ้าวเวยถามทั้งๆ ที่ไม่ได้เงยหน้า
กุ่ยเม่ยช่วยอ่านอย่างถี่ถ้วนแล้วขมวดคิ้ว “ดูเหมือนว่าแพร่กระจายไปเล็กน้อย ทว่าโชคดีที่เทียบยาที่เจ้าให้ไปก่อนหน้านี้จะช่วยยับยั้งได้เล็กน้อย ตอนนี้เริ่มควบคุมได้บ้างแล้ว ต้องรอดูสภาพฝนในอีกไม่กี่วันให้หลัง”
“เช่นนั้นข้าก็วางใจ” กู้อ้าวเวยถอนหายใจ นำเทียบยาในมือส่งให้กับหมอที่อยู่ข้างกาย “ลองหญ้าสูนดู แม้ว่าจะเป็นเครื่องเทศ ทว่าในนั้นมีหนึ่งชนิดที่กลั่นออกมาได้ กลั่นหนึ่งรอบเอากากออกมาโยนลงกระถางธูปร่วมกับเทียบยา ไม่ต้องกิน เพียงรมควันน่าจะตัดขาดจะโรคนี้ได้”
“หญ้าสูนยังมีวิธีใช้เช่นนี้ด้วยหรือ? ” หมอคนนั้นตกใจไม่น้อย
“มี” กู้อ้าวเวยพยักหน้า หมอที่นี่คิดว่าตัวยาทุกชนิดส่งเสริมขัดแย้งในตัวเอง ทว่ากู้อ้างเวยกลับรู้ว่าภายในของทุกสิ่งอย่างนั้นส่วนประกอบไม่เหมือนกัน เมื่อส่วนประกอบเหล่านี้รวมตัวกันก็ยิ่งมีประโยชน์
เทียบยาที่นางออกมาตลอดสองวัน เหล่าหมอล้วนไม่เข้าใจ ทั้งยังต้องเรียนรู้การใช้อุปกรณ์ ข่าวดีเพียงหนึ่งเดียวก็คือการแพร่กระจายของสถานการณ์โรคระบาดนี้ไม่ถือว่าเร็วเกินไป ยังพอควบคุมแก้ขัดได้ ยังมีเวลา
อยู่ที่นี่กู้อ้าวเวยยุ่งไม่มีสิ้นสุด และที่ยุ่งไม่มีสิ้นสุดเช่นเดียวกันยังมีที่นี่ที่ซ่านจินจื๋ออยู่
นอกห้องฝนตกหนักไม่ยอมหยุดพัก คนที่ซ่านจินจื๋อส่งไปทั้งหมดที่ต้องยับยั้งน้ำที่ไหลล้นริมแม่น้ำสายนี้นั้นได้พยายามสุดชีวิตแล้ว ซูพ่านเอ๋อยังอยากใกล้ชิดกับซ่านจินจื๋อ ทว่าไม่กี่วันมานี้ปวดหัวตัวร้อน ทั้งยังคอยฟังข่าวสารทุกวันแล้วเสนอข้อคิดเห็น “ท่านพี่จื๋อ กระแสน้ำนี้ไม่อาจยับยั้ง ผู้คนด้านล่างก็ล้วนหลบภัยไป…”
พูดยังไม่จบ ซ่านจินจื๋อก็ส่ายหน้าให้นาง “หากหลีกเลี่ยงได้ ภัยธรรมชาติคงไม่มีอะไรน่ากลัว”
“สิ่งนี้ง่ายมากไม่ใช่หรือ? ให้พวกเขาไปที่สูง…”
“คนนั้นไปที่สูงได้ ทว่าผืนดินที่ถูกน้ำม้วนซัดก็จะไร้ค่า ยิ่งไม่ต้องพูดถึงความเสียหายของบ้านเรือนอีกนับไม่ถ้วน ยังมีซากศพในน้ำที่จะพัดพาภัยพิบัติมาอีกไม่น้อย มิใช่ว่าอยากจะไปก็ไปได้” ซ่านจินจื๋อปวดหัวจนต้องคลึงขมับ ทุกคราที่มาที่นี่มักจะคิดถึงวันคืนที่เคยอยู่ด้วยกันกับกู้อ้าวเวยที่บ้านริมน้ำโล่เสีย
บ้านริมน้ำโล่เสียที่เคยอยู่ กู้อ้าวเวยได้รู้ใจตนเอง ยิ่งได้คิดวางแผนเพื่อช่วยเหลือเขาทำงาน
ซ่านจินจื๋อใจลอยได้ชั่วครู่ เฉิงซานที่อยู่ด้านนอกประตูเร่งรุดเข้ามา สีหน้ามืดครึ้ม “ท่านอ๋อง เขื่อนได้รับความเสียหาย ที่ที่เพิ่งขุดลอกเมื่อไม่กี่วันก่อนก็ใกล้จะพัง…”
“เจ้าตามข้ามา! ” ซ่านจินจื๋อก้าวเร็วๆ ออกไปข้างนอกพลางพูด “ส่งคนมายับยั้งน้ำเพิ่ม แล้วเปิดประตูกักน้ำสายใกล้เคียง! ขุดคูคลองไปยังป่าลึก แบ่งได้เล็กน้อยก็ตามนั้น แล้วขุดเปิดปากทางระบายน้ำเส้นอื่น! ให้ขุนนางเหล่านั้นไปขุดลอก.. ”
ซ่านจินจื๋อเดินไปข้างนอกทั้งๆ ที่พูดไม่หยุด ซูพ่านเอ๋อถือเสื้อคลุมในมือ ท้ายสุดไม่อาจตามออกไปจากที่นี่และม่านฝน ทำได้เพียงมองไปอย่างใจลอย ในใจหดหู่
ซ่านจินจื๋อยิ่งแสวงหาความก้าวหน้าเพื่อราชบัลลังก์ เพื่อให้นางชอบด้วยเหตุผล
ทว่าไม่รู้เพราะเหตุใดซูพ่านเอ๋อกลับรู้สึกว่าซ่านจินจื๋อยิ่งห่างไกลออกไป