บทที่ 399 ฮูหยินลึกลับ
กู้อ้าวเวยค่อยๆ อึ้งไป กลับมองไปทางคนที่ปิดผ้าคลุมหน้านั้น ทำตัวไม่ถูก “หรือว่าอาจจะเป็นฮูหยินผู้นั้น…..”
“ฮูหยินของข้านี่แหละ” เด็กน้อยทำหน้าเข้ม
คนที่ผ้าคลุมปิดหน้ารีบจับแขนของเด็กน้อยเอาไว้แน่น ดูเหมือนว่าจะเงยหน้ามามองกู้อ้าวเวยสักหน่อย กู้อ้าวเวยก็มองนาง ตะเกียบในมือก็ยังไม่หยุด คีบอาหารคำใหญ่ขึ้นเข้าไปในปาก เคี้ยวไปหนึ่งคำ
กู้อ้าวเวยได้เห็นแค่มือของฮูหยิน แน่นอนว่าดูอะไรไม่ออก
นิ่งเงียบอยู่นาน ฮูหยินผู้นั้นราวกับว่าจะรักษาท่าทีเช่นนั้นไม่ขยับไปไหน เด็กน้อยนั้นมองแววตาของนางแล้วก็ค่อยๆ แปลกใจขึ้นมา
กินซุปกระดูกหมูรากบัวจนเกลี้ยง กู้อ้าวเวยก็ไปล้างมือที่ด้านหลัง และนั่งลงตรงรัศมีข้างฮูหยินผู้นั้น ยื่นมือออกไป “หากฮูหยินไม่รังเกียจ ลองให้ข้าตรวจดูหน่อยจะดีกว่า”
นาทีต่อมา ข้อมือของฮูหยินผู้นั้นก็วางอยู่บนฝ่ามือของนาง
กู้อ้าวเวยก้มก้าลงตรวจดูอย่างละเอียด ดูยังไงฮูหยินผู้นี้ก็ไม่เหมือนกับคนที่อยู่ในตระกูลสูงศักดิ์ ฝ่ามือดูผิวหนังด้านๆ บนหลังมือยังมีรอยแผลเป็นอีก ดูไปแล้วราวกับว่าถูกของมีคมทำร้ายถูก
จับชีพจรไปมา กู้อ้าวเวยก็รู้สึกว่าน่าแปลกมาก จึงเอามีดเล็กออกมา
“เจ้าจะทำอะไร” เด็กน้อยรีบลุกขึ้นมา เถ้าแก่เนี๊ยก็จ้องมองมีดเล็กที่อยู่ในมือนาง ไม่วางสายตาไปไหน
“แค่จะขอเลือดเล็กน้อย หากถูกพิษจริงดังว่า ข้าเพียงแค่จับชีพจรแล้วเกิดความผิดพลาดขึ้นจะทำเช่นไร” กู้อ้าวเวยก็จ้องไปที่เด็กน้อยเช่นกัน ดึงมือของฮูหยินผู้นั้นมา เอาเลือดบนนิ้วมือออกมาสองสามหยด หยดลงหยกอันน้อยที่พกอยู่บนตัว
เลือดสองหยดถูกแยกจากกันเป็นสองก้อนบนหยกชิ้นนี้ กู้อ้าวเวยก็เอาผงยามาย้อมบนเข็มเงิน ลองดูอีกครั้ง ขมวดคิ้ว “พิษนี้ควรจะมีสักสิบปีได้ คิดว่าน่าจะไม่ใช่พิษที่จะฆ่าชีวิตได้ เพียงแค่ปกติแล้วฮูหยินไม่ดูแลรักษาสุขภาพร่างกายให้ดี จู่ๆ อาการก็เลยกำเริบขึ้นมามากเช่นนี้ พิษนี้ก็เลยเกิดอยากจะเอาชีวิตขึ้นมาโดยทันใด ข้าพูดถูกหรือไม่”
“ถูก” ฮูหยินผู้นั้นในที่สุดก็ยอมปริปากพูด
เด็กน้อยก็ไม่ตื่นเต้น นั่งลงมา มองกู้อ้าวเวยตาปริบๆ
กู้อ้าวเวยเช็ดเลือดสองหยดนั้นให้สะอาด แล้วนำหยกเล็กชิ้นนี้เก็บเข้าไปในกล่องยาอย่างระวัง อีกทั้งยังพูดกับฮูหยินอีกว่า “ให้ข้าตรวจดูดวงตาและอากัปกิริยาของฮูหยินได้หรือไม่ ข้าจะได้คำนวณปริมาณการใช้ยาในแต่ละครั้งได้แม่นยำ”
“เจ้ามียาถอนพิษหรือ” เด็กน้อยตื่นเต้น
“ไม่มี แต่ข้าสามารถทดสอบให้ดูตรงนี้ได้” กู้อ้าวเวยแบมือออก ที่จริงกลับอยากจะใช้รากของเลือดมังกร (ต้นหญ้า) มาลองดู คิดดูแล้วควรจะได้ผล
“ตามข้ามาในห้อง” ฮูหยินผู้นั้นกลับเปิดปากพูดออกมาอย่างเบาๆ
เด็กน้อยรีบประคองนางเดินไปด้านบน กู้อ้าวเวยจำใจ ได้แต่เดินตามไป
มาถึงในห้อง ฮูหยินผู้นี้จึงถอดผ้าคลุมหน้าออกมา ในที่สุดกู้อ้าวเวยก็เข้าใจทันทีว่าทำไมจะต้องมาในห้อง
ฮูหยินผู้นี้มีรูปโฉมที่งดงาม แต่บนใบหน้ากลับมีรอยแผลเป็นที่ยาวมาก ตั้งแต่บนจมูกไปจนถึงด้านล่างติ่งหูซ้าย น่าหวาดกลัวเป็นอย่างมาก
ฮูหยินผู้นั้นกับเด็กน้อยมองนาง กู้อ้าวเวยก็ลากเอาเก้าอี้มานั่งลง หลังจากมองสำรวจดวงตาของนางชั่วครู่แล้ว ก็เริ่มสำรวจสีหน้าของนางอย่างละเอียด ต่อมาก็ไปเปิดหน้าต่างออก เหม่อมองไปที่ด้านนอก
ตอนที่นางกำลังครุ่นคิดว่าจะถอนพิษนี้อย่างไรดี ดวงตาสองคู่ที่อยู่ด้านหลังกลับมองมาที่นางตลอด นาทีเดียวก็ไม่ห่างไปไหน
ผ่านไปนานมาก กู้อ้าวเวยก็นวดหัวไปมา หยิบพู่กันและกระดาษเมื่อครู่ค่อยๆ เขียนชื่อยาออกมาไม่น้อย ผ่านไปสักครู่ก็รู้สึกว่าไม่ถูกต้อง จึงขยำกระดาษทิ้ง ในที่สุดก็เหลือไว้เพียงหนึ่งใบยา ส่งมอบให้กับมือของเด็กน้อย “เจ้าไปจัดยาตามใบยานี้ก่อน เหล้ายานั้นข้ายังวางไว้ที่บ้าน รอคืนนี้ข้าศึกษาให้ละเอียดอีกหน่อย พรุ่งนี้ค่อยนำมา”
“ได้” เด็กน้อยดูใบยา ตั้งใจมาก
กู้อ้าวเวยแบกกล่องยาของตนเองไว้บนบ่าเตรียมจะจากไป แต่กลับได้ยินฮูหยินผู้นั้นพูดเสียงเบาๆ ว่า “เจ้าเอายาให้ตัวเองกิน ไม่กลัวว่าจะทำร้ายถูกสุขภาพร่างกายหรือ”
กู้อ้าวเวยค่อยๆ อึ้งไป มองฮูหยินผู้นั้น “ที่แท้ฮูหยินก็รอบรู้เรื่องสรรพคุณของยา สามารถดูใบยาออก ยาพวกนี้บนร่างกายข้าก็แค่จำเป็นจึงต้องกินเข้าไป อย่าถือสาเลย”
พูดจบ กู้อ้าวเวยก็จากไป เดินถือโคมไฟไปบนถนน ก็รู้สึกแปลกใจ
ฮูหยินผู้นี้ในเมื่อตัวเองรอบรู้เรื่องยา เหตุไฉนจึงให้ผู้อื่นมาถอนพิษให้อีก
แต่หวนคิดไปมาชั่วครู่ พิษนี้ก็กินระยะเวลานานแล้ว ในนั้นควรจะผสมเข้ากับตัวยาชนิดอื่นอีกไม่น้อย หากต้องการที่จะรักษาให้หายจริงๆ ก็แค่ต้องถอนพิษเร่งด่วนนี้ก่อน วันข้างหน้าก็ค่อยใช้วิธีการอื่นมาบำรุงให้ดีๆ ไม่เกินหนึ่งปี ก็สามารถกำจัดพิษนี้ออกไปได้อย่างสิ้นเชิง
กลับไปถึงที่พักยุ่งตลอดทั้งคืน รอจนเช้าวันถัดไป นางก็มาถึงโรงเตี๊ยม หลังจากกินบะหมี่เอ็นเนื้อหมด ก็มาถึงที่ห้องของฮูหยิน
นางเอาเหล้ายาที่หมักจากรากของเลือดมังกร (ต้นหญ้า) เทลงไปในถ้วยน้ำชา ฮูหยินผู้นั้นก็ถอดผ้าคลุมหน้ามาดม ก็รู้สึกประหลาดใจ “นี่คือเลือดมังกร (ต้นหญ้า) …..”
“ฮูหยินดมออกหรือ” กู้อ้าวเวยก็แปลกใจเช่นกัน เลือดมังกร (ต้นหญ้า) นี้หากดูออกก็เป็นเรื่องดี แต่รากที่หมักอยู่ในเหล้ายาได้เปลี่ยนสีไปนานแล้ว คงจะมีรสชาติของเลือดมังกร (ต้นหญ้า) อยู่บ้าง
แต่รสชาตินี้ สามารถดูออกจากในตำราได้อย่างไรกัน
“เมื่อก่อนมีโอกาสได้เห็นอยู่ครั้งหนึ่ง” ฮูหยินหัวเราะเบาๆ “เจ้าคงจะเป็นลูกหลานของตระกูลหยุนล่ะสิ เพื่อนของข้าคนนั้นก็เป็นคนของตระกูลหยุนเช่นกัน ดังนั้นก็เลยโชคดีที่ได้เห็นสักครั้ง”
“ในเมื่อฮูหยินเป็นเพื่อนที่ดีกับตระกูลหยุน แน่นอนว่าเป็นเรื่องที่ดียิ่งขึ้นไปอีก” กู้อ้าวเวยเอาใบยาสองแผ่นมอบใส่มือนาง “ใบยาเหล่านี้น่าจะเพียงพอ การฟื้นฟูในวันข้างหน้าก็ต้องปรับตามสภาพร่างกายของตัวเองจึงจะเพียงพอ”
เด็กน้อยโผล่เข้ามา ดูใบยาแล้วก็อึ้งไปชั่วครู่
แม้แต่ฮูหยินของตระกูลพวกนางยังรักษาไม่ได้ แต่กลับคิดไม่ถึงว่าพอมา แม่นางที่อายุยังน้อยผู้นี้ก็แก้ปัญหาได้อย่างสิ้นเชิงแล้ว ช่างน่าตกใจไม่น้อยเลยทีเดียว
“เจ้าชื่อว่าอะไรหรือ” ฮูหยินผู้นั้นดูข้อความบนใบยานี้อยู่ครู่หนึ่ง เห็นกู้อ้าวเวยเอาเหล้ายานั้นวางไว้ให้อย่างใจกว้างนักอย่างคาดไม่ถึง ดุไปแล้วก็น่าตกใจไม่น้อยเลย
“ข้าก็เป็นแค่หมอคนหนึ่ง ชื่อก็ไม่ได้เป็นที่กล่าวถึงกันนัก” กู้อ้าวเวยโบกมือไปมา แค่ได้ค่ารักษาจากเด็กน้อยนั้น ก็จากไป
ตามความคิดนางแล้ว นี่ก็แค่เรื่องที่นางทำอย่างตามใจ แน่นอนว่าไม่เอามาใส่ใจ
แก้ไขเรื่องที่อยู่ในมือแล้ว นางก็สงบใจลงได้ หาร้านหมอแห่งหนึ่ง ค่อยๆ คัดลอกหนังสือ
ตอนที่ฟ้าสว่างก็คัดลอกหนังสืออยู่ในร้านหมออย่างเคร่งขรึม บางครั้งก็ดูหมอที่นี่ว่าตรวจอาการคนป่วยเช่นไรกันบ้าง ตอนเย็นก็กลับไปศึกษาค้นคว้าวิธีการรักษาของที่นี่อย่างละเอียด และก็ไม่เคยมีใครถามชื่อของนางอีกเลย
วันนี้เดิมทีนางจะเตรียมตัวนอนเร็วหน่อย แต่พัดกระดูกร่วงหล่นเข้ามา
กู้อ้าวเวยหยิบพัดกระดูกขึ้นมา พูดเบาๆ ว่า “เจ้ามาได้อย่างไรกัน เห็นว่าข้างกายข้าไม่มีใครคอยปกป้องดูแล หรือว่ามีเรื่องอันใดจะให้ข้าช่วยเหลือมิทราบ”
ท่านชายชุดขาวที่อยู่นอกประตูเดินเข้ามา เขามักจะพกรอยยิ้มอยู่บนใบหน้า วันนี้กลับเคร่งขรึมขึ้นมานิดหน่อย ยืนนิ่งอยู่ที่ด้านหน้ากู้อ้าวเวย “คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะไม่เชื่อข้า ยังให้องค์ชายสามสืบข้าอีก”
“ทำไมข้าจะต้องเชื่อเจ้าด้วย ตามความคิดของข้า เจ้าก็แค่มีส่วนเกี่ยวโยงกับทิงเฟิงโหล” กู้อ้าวเวยเอาพัดกระดูกวางกลับคืนใส่ไปในมือของเขาใหม่ ค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมา “เจ้ารู้หรือไม่ว่าท่านแม่ของข้าแท้จริงแล้วอยู่ที่ใดกัน อย่าได้เอาข้ออ้างใดๆ มาโกหกข้าอีก”
“เทียบกับเรื่องนี้แล้ว เจ้าก็ควรจะฟังคำพูดขององค์ชายสามเช่นกัน” ท่านชายชุดขาวรับพัดกระดูกมา เดินไปด้านหลังฉากกั้นห้องโดยไม่มีเสียงอันใด หลบซ่อนลมหายใจไว้