บุบผาร้อยเสน่ห์ – ตอนที่ 484

ตอนที่ 484

บทที่ 484 พ่อแม่เป็นห่วง

ในตอนแรกเรื่องเจรจาสงบศึกที่นางแพร่ข่าวออกไป ในความเป็นจริงนั้นต้องการผลักให้ซูพ่านเอ๋อเป็นแพะรับบาปแทน

แทบไม่ได้ระบุเวลาแน่ชัดด้วยซ้ำ ทว่าตอนนี้อ๋องจิ้งพาคนมารอที่หน้าประตูเรียบร้อยแล้ว ถ้าไม่ไปละก็ ในทางกลับกันก็จะมีความเคลือบแคลงว่าพวกนางชาวเอ่อตานถ่วงเวลาตอนทำศึก สุดท้ายแล้วมันไม่เป็นผลดีต่อความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ

แต่หากฉูหลี่และหยุนหว่านรู้ว่าตนจะออกไปพร้อมกับซ่านจินจื๋อ…

ขบคิดอย่างถี่ถ้วนสักพัก กู้อ้าวเวยรู้สึกแต่ว่าหัวโต จึงทำได้เพียงเขียนจดหมายปิดผนึกไปให้ฉีหรัวหนึ่งฉบับ “เจ้านำจดหมายนี้ไปให้ซ่านจินจื๋อ รอประเดี๋ยวข้าจะคิดหาวิธีให้เขาเข้ามารอในเมือง อย่าก่อเรื่องอะไรเด็ดขาดจึงจะเป็นการดี”

“ข้าไม่ควรมาเลย” สีหน้าฉีหรัวเปลี่ยนไป “อ๋องจิ้งเกลียดข้าเข้ากระดูกเสมอมา ทุกครั้งที่ติดตามท่านก็มักจะทำเรื่องมากมาย เหตุใดท่านถึงได้คิดคำนวณคนตั้งมากมายขนาดนั้น แต่กลับคะเนความคิดของอ๋องจิ้งคนนี้ไม่ได้เลยสักที”

มีแค่สวรรค์รู้ว่าเหตุใดนางจึงไม่เข้าใจทุกคำพูดและการกระทำของซ่านจินจื๋อ ถ้าหากว่าเขามาด้วยอุบายอึมครึมแผนพิศวงบางทีตนก็อาจจะรับรู้ได้ แต่เขามุ่งหน้ามาทางประตูตรง ๆ ทางโค้งยังไม่เลี้ยวเลย

ฉีหรัวลอบไปส่งจดหมายเงียบ ๆ วินาทีต่อมา ฉูหลี่ก็ผลักประตูห้องออก น้ำเสียงเข้มงวด “รถม้าของนางเข้ามาในเมืองแล้ว ข้าควร…”

“ให้ข้าไปพบนางก่อน ท่านให้อ๋องจิ้งนำทหารเข้ามาในเมืองก่อน หากว่าเกิดความแตกแยกกับชางหลานด้วยเหตุนี้มันจะไม่ดีแน่ ๆ” หลังจากกู้อ้าวเวยกล่าวจบ ก็ชิงออกไปนอกประตูด้วยจิตใจระส่ำระส่าย

ในเวลานี้ฉูหลี่ถูกความดีอกดีใจที่จะได้พบกับหยุนหว่านทำให้สับสนวุ่นวายแล้ว และไปทำตามคำพูดของกู้อ้าวเวยด้วยความงุนงง

โรงเตี๊ยมที่สองแม่ลูกพบกันอยู่ถัดไปนี่เอง กู้อ้าวเวยจัดแจงอาภรณ์ให้เรียบร้อย และนั่งรออยู่ในห้องหรูหราแห่งนี้

หลังจากครู่หนึ่ง ก็ได้ยินเสียงห้ามปรามของฉีหลินและกุ่ยเม่ย บานประตูถูกเปิดออก หยุนหว่านที่ยังคงสวมชุดดำทั้งกาย คลุมหน้าด้วยผ้าดำโปร่งเดินเข้ามาแล้ว ไม่รอกู้อ้าวเวยหยัดตัวลุกขึ้นเอ่ยปาก หยุนหว่านก็ฉุดข้อมือของนางเอาไว้ ดึงลูกสาวมาที่ข้างกาย มองสำรวจขึ้นลงเป็นเวลาเนิ่นนานจึงปรนลมหายใจลงบ้าง พลางเอ่ยเสียงทุ้มต่ำ “เจ้าช่างไม่กลัวฟ้ากลัวดินเลยจริง ๆ สินะ คำพูดก่อนหน้านี้ของแม่เจ้าก็ทำเป็นหูทวนลมจนหมดสิ้นแล้ว”

“ท่านแม่ ข้าเองก็ไม่มีหนทาง ตอนนั้นซ่านจินจื๋อทำแผนของข้าพัง ล่ายเสวียนรู้ว่าข้าเคยเป็นพระชายาจิ้ง ข้าทำได้เพียงยืมมือของพระองค์จึงจะสามารถทำให้ทางฝั่งเจียงเยี่ยนคลายความระแวะระวังกับพวกเราได้” กู้อ้าวเวยรีบร้อนอธิบาย

“หุบปาก!” เสียงโกรธเคืองของหยุนหว่านตัดบทของนาง ปลดผ้าคลุมหน้าลงพลางกล่าวเสียงเย็น “ข้าไม่สนใจว่าใต้หล่าจะเป็นอย่างไร วันหน้าก็จะไม่สร้างเรื่องเคืองแค้นอะไรทั้งนั้น ขอเพียงเจ้าอยู่ข้างกายข้าอย่างว่าง่ายก็พอ เจ้าอยากยึดอาชีพหมอต่อไปก็ดี หรือจะหาสาวงามสักคนให้กุ่ยเม่ยก็ดี ขอเพียงไม่ยุ่งเรื่องใต้หล้าประเทศชาติพวกนี้ ทุกอย่างมันก็ดีทั้งนั้น…”

“แต่ว่าข้า…”

“อย่าเลียนแบบท่าทางแบบเดียวกันกับพ่อของเจ้าเชียวนะ แม่เองก็ไม่สามารถอยู่ยงคงกระพันได้ หากไม่มีเจ้าแล้ว ข้าควรจะมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ต่อไปอย่างไรกัน” หยุนหว่านเอ่ยถึงตรงนี้ ดวงตาก็แดงก่ำ สองมือโอบรอบหัวไหล่ของกู้อ้าวเวย กดแนบนางเข้าสู่อ้อมอกของตนอย่างแผ่วเบา กล่าวด้วยเสียงอ่อนโยน “ประเทศราชใต้หล้านี้มักจะแปรเปลี่ยนไปเสมอ เจ้ากับข้าเป็นเพียงแค่หยดน้ำในมหาสมุทร ไยต้องสนใจด้วยเล่า”

ร่างกายของท่านแม่ยังคงสั่นระริกอยู่เลย

ทว่ากู้อ้าวเวยรู้ว่าตนปลอดภัยอย่างยิ่งในเอ่อตาน บัดนั้นจึงเอ่ยถ้อยคำโต้แย้งอะไรไม่ออกเลย กู้อ้าวเวยกลับไม่สามารถรับกลับถ้อยคำของท่านแม่ได้เลย ทำได้เพียงกอดตอบท่านแม่เบา ๆ หนึ่งทีอย่างเงียบงัน

ฉีหลินและกุ่ยเม่ยยืนอยู่ด้านข้าง ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรงด้วยซ้ำ

ฮูหยินฉุนเฉียวก็แยกร่างได้เหมือนกันเลยเชียว

เพียงแต่ความอบอุ่นเช่นนี้มักจะแสนสั้นเสมอ เสียงมีดดาบดังลอยขึ้นมาจากด้านล่างตึกทำเอากู้อ้าวเวยนิ่งงันไปเล็กน้อย

กุ่ยเม่ยเปิดหน้าต่างออกจากนั้นสีหน้าพลันเปลี่ยนไป ส่วนกู้อ้าวเวยเหลียวหลังกลับไป มองเห็นสองคนที่กำลังต่อสู้พัวพันกันอยู่ด้านนอก ดาบยาวในมือสวนกันไปฟาดกันมา นางไม่สนใจปลอบขวัญท่านแม่อีกต่อไป มุ่งหน้าพลิกตัวออกไปจากบานหน้าต่าง ยืมพลังของกุ่ยเม่ยกระโจนลงจากชายคา

ไม่ได้ไปดึงฉูหลี่เอาไว้ หากแต่ไปยืนมั่นอยู่ข้างกายของซ่านจินจื๋อ คว้ามือของเขาที่กำดาบยาวเอาไว้ พลางกล่าวเสียงทุ้มต่ำ “ข้าไม่ยักรู้เลยว่าท่านยังสนใจจะฟาดฟันดาบกับผู้อาวุโสด้วย”

เดิมฉูหลี่ยังคิดจะสาวฝีเท้าก้าวไปข้างหน้าเพื่อดึงลูกสาวกลับมา แต่ตอนที่มองเห็นคนผู้นั้นที่อยู่ริมหน้าต่างชั้นสอง บัดนั้นพลันแน่นิ่งอยู่กับที่

รอยแผลเป็นน่าหวาดกลัวรอยนั้นถูกเขามองเห็นได้อย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง หลังจากงุนงงอยู่ครู่หนึ่ง หยุนหว่านจึงสวมผ้าคลุมหน้าเอาไว้ด้วยความลนลานตื่นตระหนก ทั้งสองคนกลับไม่ได้ขยับเขยื้อนเลยสักนิดเดียว ก็เป็นเพราะลูกสาวอยู่ข้าง ๆ นี่เอง

ฉีหรัววิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาจากด้านข้าง ได้ยินเสียงเอะอะพอดี ดาบยาวในมือของซ่านจินจื๋อเก็บเข้าไปในฝัก ยืนอยู่ด้านข้างของกู้อ้าวเวยด้วยสีหน้าราบเรียบดังเดิม บนหน้ายังเจือแววไม่สบอารมณ์เสี้ยวหนึ่งอีกด้วย “ข้ารับปากเจ้าว่าจะไปทำเรื่องราวพวกนั้น แต่เจ้ากลับไม่ได้กลับมาอยู่ข้างกายของข้าเลยด้วยซ้ำ”

“ครั้นข้ากลับไป ซูพ่านเอ๋อไม่ตายก็ต้องบาดเจ็บ” กู้อ้าวเวยหัวเราะเย็นชาพลางถอยหลังหนึ่งก้าว มรสุมฝันร้ายที่เกี่ยวกับซ่านจินจื๋อโดยมากทำให้นางมักจะมีสีหน้าไม่สู้ดีนัก “ข้าไม่อยากโต้เถียงเรื่องพวกนี้กับท่านอีก ข้ากระทั่งไม่อยากเอ่ยถึงชื่อของนางด้วยซ้ำ แต่พอนึกถึงว่าถึงตอนนั้นข้ายังต้องท่องชื่อของนางเอาไว้เพื่อจะส่งนางไปที่เครื่องตัดหัว กลับดีใจอย่างยิ่งเลยเชียว”

“เจ้าทำแบบนั้นไม่ได้หรอก” กล่าวจบ ตอนที่ซ่านจินจื๋อมองเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของกู้อ้าวเวยนั้น การเคลื่อนไหวพลันชะงัก

“ข้าทำได้สิ” กู้อ้าวเวยมองที่เขาอย่างจริงใจ รอยยิ้มที่มุมตาเรียวคิ้วนั้นยังเคลือบแฝงด้วยแววเย็นชาเสี้ยวหนึ่ง “รอข้าจัดการเรื่องราวในมือให้เสร็จก่อน ย่อมต้องกลับไปพร้อมกับท่าน ข้าจะทำให้ท่านมองซูพ่านเอ๋อถูกหิ้วขึ้นไปบนเครื่องตัดหัวตาปริบ ๆ เลย”

“ดังนั้น จงพับเก็บความรักที่จอมปลอมเหล่านั้นของท่านไว้เสีย ครึ่งชีวิตที่เหลือของพวกเราคงทำได้เพียงทรมานกันและกันเท่านั้นแหละ”

กู้อ้าวเวยเหลือทิ้งหนึ่งประโยคโหดร้ายนี้เอาไว้ แววตาเย็นชากวาดมองเฉิงซานและเซียวไห่ที่อยู่ข้างกายของเขาคล้ายกับจะเป็นคำเตือน ทางนี้กลับสาวเท้าเดินไปถึงข้างกายของฉูหลี่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ฉุดดึงเขาขึ้นไปด้านบนของตึกโดยไม่พูดไม่จาเลยสักแอะ

เรื่องราวพวกนี้จำต้องจัดการทีละอย่างจึงจะได้การ

เซียวไห่รู้ว่ากู้อ้าวเวยฉลาดมากพอ แต่กลับไม่รู้ว่าตอนนี้กู้อ้าวเวยก็พูดประโยคโหดร้ายเช่นนี้ออกมาเป็นด้วยเช่นเดียวกัน

“ไม่สู้ข้าขึ้นไป…”

“ไม่ต้อง ตรงนางอยู่ที่นี่นั่นแหละ” ซ่านจินจื๋อกำหมัดแน่นอย่างเอาเป็นเอาตาย แต่กลับคลายมันออกกะทันหัน

กู้อ้าวเวยไม่เคยเห็นมาก่อน แต่กลับไม่มีแก่ใจจะไปจัดการเรื่องราวระหว่างบิดามารดาอย่างใจจดใจจ่อได้ ทำได้เพียงพาฉูหลี่เข้ามาในห้อง จากนั้นจึงเริ่มปริปากอย่างระมัดระวังท่ามกลางความเงียบโรยตัว “ข้าจำต้องไปชางหลานสักเที่ยว”

“เป็นไปไม่ได้!”

“ล้มเลิกความคิดได้เลย!”

ทั้งสองกล่าวอย่างพร้อมเพรียง ฝ่ามือตบผิวโต๊ะส่งเสียงดังปึงในเวลาเดียวกัน

จบแล้ว ทั้งสองคนสบตากันโดยมีผ้าคลุมหน้าสีดำโปร่งคั่นอยู่ แต่ในขณะเดียวกันก็สูญสิ้นความเย่อหยิ่ง ฉูหลี่กระทั่งไม่กล้าอ้างตัวว่าเป็นหัวหน้าครอบครัวต่อหน้าของหยุนหว่าน เห็นเพียงไต่หยุนหว่านถือแก้วแล้วกระแทกเกิดเสียงเพล้งที่ผิวโต๊ะ “เจ้าคิดจะไรกันแน่ ถึงขั้นคิดจะออกไปพร้อมกับเขาเชียว”

“ข้าจะสังหารกู้เฉิงและซูพ่านเอ๋อเสีย” ดวงตาของกู้อ้าวเวยค่อย ๆ หรี่ลง

ภายใต้ท่าทีเชื่อฟังพ่อแม่ก่อนหน้านี้ที่ถูกฉีกทำลายลง เปิดเผยรากเหง้าดั้งเดิมที่สุด กุ่ยเม่ยห้ามเอาไว้ไม่ทันเลยสักนิด กระทั่งคุ้นชินกับท่าทีซึ่งทำเอาผู้คนหวาดกลัวที่นางมักจะเผยออกมาบ่อยครั้งนี้เสียแล้ว

สายตาของกู้อ้าวเวยคมกริบราวกับคมดาบ เล็บมือจิกลึกเข้าไปในฝ่ามือเป็นเวลาค่อนข้างนานเริ่มมือสีเรื่อแดงกระตุ้นประสาทของนาง “ทำให้ใต้หล้าแห่งนี้ทัดเทียมกัน ต่อให้ต้องฆ่าคน คิด ๆ ดูแล้วหลังจากความตายก็ไม่ว่าจะไม่ตกนรกเลย”

บุบผาร้อยเสน่ห์

บุบผาร้อยเสน่ห์

Status: Ongoing

ฟิ้ววว นางข้ามพภแล้ว!!!แพทย์โดดเด่นทันสมัยกู้อ้าวเวยข้ามภพกลายเป็นลูกสาวคนโตของเฉิงเสี้ยง อยากฆ่าข้าหรือ?มีดผ่าตัดของข้าสามารถทำให้เจ้าพิการทั้งตัวเลยนะ เปิดร้านยา ช่วยชาวบ้าน ถึงจะเป็นฮ่องเต้ก็อยากมาคบหาข้า นี่ท่านอ๋องชายเลว เจ้ากำลังแกล้งข้าอยู่รึ?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท