บทที่ 485 ไม่เข้าใจท่านพ่อท่านแม่เลย
“ชิงต้ายต้องการเห็นโลกที่ยิ่งใหญ่สารพันนี้ ข้าจึงพยายามคิดหาวิถีทางทำให้โลกนี้สงบสุขและปรับเปลี่ยนทัศนียภาพเพื่อนาง ในเมื่อซูพ่านเอ๋ออยากสังหารข้าให้ตาย ข้าก็จะส่งนางขึ้นเครื่องตัดหัวด้วยมือของข้าเอง ในเมื่อกู้เฉิงต้องการชีวิตเป็นอมตะ ข้าก็จะทำให้เขามีชีวิตอย่างหนอนแมลงไปตลอดกาล”
กู้อ้าวเวยเค้นเสียงทีละคำ ความเหนียวหนืดสีแดงบนเล็บคล้ายกับติดหนึบอยู่ในลำคอ ความเจ็บปวดยากจะทานทน
ท่าทางสงบที่แสดงออกตั้งหลายปีมานี้ แทบจะถูกซ่านจินจื๋อซึ่งร่ายรำดาบหมายจะเชือดเฉือนบิดาฉีกทึ้งออก
นางค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมา คล้ายกับมองเห็นแววสั่นสะเทือนในดวงตาของฉูหลี่อย่างชัดเจน และก็มองเห็นท่าทางมึนงงของหยุนหว่าน ทว่านางกลับทำเพียงรุดหน้าไปครึ่งหนึ่ง สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ หนึ่งเฮือก ก่อนจะเอ่ยเสียงแผ่ว “เรื่องราวส่วนที่เหลือข้าได้บอกเล่าให้คนอื่น ๆ ได้รับรู้หมดแล้ว แผนการเหล่านี้สามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ไม่มีใครรู้ว่าอนาคตจะเปลี่ยนไปอย่างไรบ้าง ข้าคงทำได้เพียงไปชางหลานสักเที่ยวด้วยตัวเองเท่านั้น”
หยุนหว่านกำหมัดแน่นอย่างเอาเป็นเอาตาย แต่กลับยังคงไม่ได้ยื่นมือออกมาฉุดรั้งกู้อ้าวเวยเอาไว้
มีเพียงฉูหลี่ที่ลุกพรวดพราดขึ้นมาเต็มแรง กดหัวไหล่ของนาง “ข้าจะช่วยเจ้าแก้แค้นเอง…”
“แผนการที่ข้าเขียนไว้สำเร็จแล้ววางอยู่บนโต๊ะของฉูห้าว” กู้อ้าวเวยค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมา “ข้าจำต้องไปชางหลานสักเที่ยว เรื่องราวเหล่านี้ข้าจะทำให้ดี ไม่ว่าจะเพื่อเรื่องหัวใจของข้าเอง หรือว่าทำเพื่อเอ่อตานของท่านก็ตาม”
“แผนการอะไร? เจ้าเด็กคนนี้ ถึงขั้นเขียนจดหมายไปให้คนต่อใครตั้งกี่คนลับหลังข้าเชียว”
หยุนหว่านตบผิวโต๊ะพลางลุกขึ้น ทำเอากุ่ยเม่ยตกใจถอยหลังสองก้าว มองไปทางแผ่นหลังของกู้อ้าวเวยอย่างค่อนข้างละอายใจ
คล้ายกับถูกสายตาและการเคลื่อนไหวของหยุนหว่านและฉูหลี่ทำให้ตกใจ ความเคียดแค้นเหล่านั้นในค่อย ๆ ถูกกดทับลงไปบ้างแล้ว แม้แต่น้ำเสียงก็เริ่มแผ่วลงบ้างเช่นกัน “หลายคน แต่ส่วนใหญ่ล้วนเป็นเรื่องราวที่พวกเขาอยากจะทำทั้งนั้น ข้าเพียงแต่คอยผสมโรง”
“เจ้า!” หยุนหว่านโกรธเคืองเต็มที่
ตอนก่อนหน้าที่จะพบลูกสาว นางก็ถูกความรู้สึกดีใจที่หาลูกสาวพบประเดประดังเข้าสู่สมอง ทำเพียงส่งคนไปตามคำพูดของลูกสาวเท่านั้น ทว่าดูจากปัจจุบันแล้ว นางไม่ได้กำลังเล่นปรบมือสนุกสนาน หากแต่ขับเคลื่อนเรื่องราวบางอย่างอยู่เบื้องหลังคนจำนวนไม่น้อย เพื่อนำมาซึ่งเป้าหมายที่แตกต่างกันออกไป
ฉูหลี่เองก็พลอยสีหน้าเปลี่ยนไปด้วย เพราะอะไรเขาจึงไม่เคยได้ยินว่ามีแผนการอะไรมาก่อนเลย?
ก่อนหน้านี้กู้อ้าวเวยหมายจะทำเรื่องใด ๆ ก็ตาม แต่ไรมาไม่เคยรู้จักว่าต้องบอกกล่าวบิดามารดาด้วย ปัจจุบันถูกท่านพ่อท่านแม่ทั้งสองคนมองเช่นนี้ กลับสับสนอยู่เหมือนกัน “ข้าไม่ได้คิดจะปิดบังเสียหน่อย เพียงแต่เรื่องราวพวกนี้ตัวข้าเองสามารถจัดการได้ ไม่จำเป็นต้องให้ท่านแม่เป็นกังวลใจ ความปลอดภัยของข้าก็มีกุ่ยเม่ยคอยอยู่ข้าง ๆ อยู่แล้ว”
ขณะนั้นเอง หยุนหว่านกลับไม่ได้เอ่ยวาจา ทำเพียงทอดถอนใจหนึ่งเฮือกพลางขอบตาเรื่อแดง ฟุบนั่งลงบนเก้าอี้อย่างซังกะตาย ฉีหรีวที่ตามขึ้นมาติด ๆ กลับเลิกหัวคิ้วขึ้น สบตากับฉีหลินแวบหนึ่ง
พวกเขาเหล่าสหายพวกนี้นับว่าปัญหาของกู้อ้าวเวยเกิดขึ้นที่ไหน
ถึงแม้นางจะรู้จักความกตัญญูกตเวที แต่คล้ายกับแต่ไหนแต่ไรมานางไม่รู้ว่าควรจะเข้ากับบรรดาญาติ ๆ อย่างไรดีนั่นเอง
เมื่อเห็นบรรยากาศมาคุเบื้องหน้า ฉีหรัวจึงรีบรุดกระแอมไอเบา ๆ หลายที ก้าวเข้ามาข้างหน้า “ท่านลุงท่านป้า นางเพียงแค่ไม่รู้ว่าควรปรับตัวให้เข้ากับท่านพ่อท่านแม่อย่างไรดี เรื่องบางอย่างก็คิดไม่ค่อยรอบคอบนัก พวกท่านเองก็ทราบ ราชวงศ์มักจะเป็นสถานที่ซึ่งวางอุบายกันไปมาตลอดเวลา…”
“ข้ารู้” หยุนหว่านพยักหน้าอย่างจริงจัง ยิ่งมองไปทางฉูหลี่ด้วยความขุ่นเคืองเต็มกำลัง พลางเอ่ยเสียงต่ำ “เรื่องนี้จะว่าไปแล้วก็ไม่ใช่ความผิดของเวยเอ๋อเลย เพียงแต่พ่อแม่อย่างพวกเราขาดความรับผิดชอบจึงจะถูก”
“ต่อให้เจ้าจะไปชางหลาน ก็ต้องไปในฐานะองค์หญิงเอ่อตาน ถ้าไม่เป็นเช่นนั้น ข้าจะรับประกันความปลอดภัยของเจ้าได้อย่างไรกัน” หลังจากฉูหลี่นิ่งเงียบไป ก็กล่าวด้วยเสียงมาดมั่น
กู้อ้าวเวยไม่เข้าใจว่าหยุนหว่านเจาะจงไปที่เรื่องใด จึงทำได้เพียงพยักหน้าอย่างรวดเร็ว “ข้อนี้ต้องแน่นอนอยู่แล้ว”
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าจะรีบส่งคนไปส่งเจ้ามุ่งสู่ชางหลาน ตอนนี้เอ่อตานถึงแม้ว่างหลานจะสงบศึกด้วย แต่หนึ่งในนั้นจะต้องมีกลอุบายบางอยู่อยู่เป็นแน่ หากว่าเจ้ายังคงจะควบคุมเจียงเยี่ยน อย่างไรก็ให้กุ่ยเม่ยอยู่ที่นี่เพื่อเจรจากับเจียงเยี่ยนเถิด ข้าจะส่งคนไปเป็นเพื่อนเจ้า…”
“ไม่จำเป็น ผิงชวนและหลิ่วเอ๋อจะต้องปกป้องเจ้าได้รอบด้านที่เทียนเหยียนอย่างแน่นอน” หยุนหว่านตัดบทของฉูหลี่ และเอ่ยปากอย่างเป็นห่วงอีกครั้ง “จากนี้หากว่าเจ้าเกิดเรื่องอันใดขึ้น ก็ต้องส่งคนมาบอกข่าวนะ หากว่าจงใจฉายเดี่ยวอีกละก็…”
“ข้ารู้แล้ว ท่านแม่” คราวนี้หัวใจทั้งดวงที่ห้อยต่องแต่งของกู้อ้าวเวยพลันดิ่งลงมา กระทั่งแย้มยิ้มบาง ๆ ให้กับกุ่ยเม่ยอีกด้วย
กุ่ยเม่ยกลับรู้สึกว่าปวดใจยิ่งนัก แต่ก็ยอมตกปากรับคำ
ตอนนี้เรื่องที่เขาอยากจะทำ ก็คือไปปลอบขวัญคนเจียงเยี่ยน บอกพวกเขาว่าเอ่อตานและชางหลานร่วมมือกันเป็นเพื่อเรื่องบังหน้าเท่านั้น ค่อยพูดคุยรายละเอียดปลีกย่อยหนึ่งในนั้นกับฉูหลี่อีกรอบ
หลังจากการสนทนาโดยละเอียด กู้อ้าวเวยก็รีบร้อนนำคนจากไป ไม่รบกวนฉูหลี่และหยุนหว่านอีก
มาถึงบนระเบียง ฉีหรัวชิงดึงนางเอาไว้ก่อนหนึ่งก้าว “ท่านไม่รู้จริง ๆ หรือว่าความผิดที่ท่านทำกับท่านพ่อท่านแม่อยู่ที่ไหน”
“ข้าทำผิดอะไรหรือ” กู้อ้าวเวยยังคงสับสนงงงวย
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงกุ่ยเม่ยที่อยู่ข้าง ๆ ซึ่งก็ค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมา พลางขมวดคิ้ว “ท่านทำผิดเรื่องอะไรอีก?”
“พวกท่านสองคนช่างหัวสมองขี้เลื่อยจริง ๆ เชียว” ฉีหลินชกบนหัวไหล่ของกุ่ยเม่ยหนึ่งที “พ่อแม่ที่ไหนบ้างเต็มใจถูกลูกตัวเองปิดบัง ท่านก็ตัวดี เรื่องส่วนตัวทุกอย่างของตัวเองก็แก้ไขได้แล้ว แต่กลับไม่เปิดเผยให้ท่านแม่ทราบสักครึ่งเสี้ยว ไม่ว่าพ่อแม่คนไหนก็คงหงุดหงิดทั้งนั้นแหละ”
กุ่ยเม่ยลูบกระหม่อม คล้ายกับไม่เข้าใจ
กู้อ้าวเวยนิ่งเงียบไปสักพัก แต่ยังคงงุนงง “แต่ว่าเรื่องพวกนี้ข้าสามารถแก้ไขได้จริง ๆ นี่นา”
“ช่างเถิด อย่างไรเสียท่านแก้ไขเรื่องราวกับซ่านจินจื๋อเถิด ส่วนเรื่องของท่านลุงท่านป้าก็มอบให้พวกเราจัดการเถิด” ฉีหรัวทนมองต่อไปไม่ได้จริง ๆ จึงโบกมือเรื่อยเปื่อยขับไล่คนที่เข้ากับพ่อแม่ตัวเองไม่เป็นคนนี้ไปเสีย
ฉีหลินมองดูแผ่นหลังงุนงงของกู้อ้าวเวยและกุ่ยเม่ย อดเอ่ยถามไม่ได้ “พวกเราจะอยู่ต่อเพื่อออกหน้ารับเรื่องซวยจริง ๆ หรือ ข้าไม่อยากถูกฮูหยินชูมีดทำครัวไล่ฆ่าอีกแล้วจริง ๆ นะ”
“ถ้าเจ้าไม่ช่วยละก็ กลับไปก็รอการสั่งสอนจากหยินเชี่ยวได้เลย” สองมือของฉีหรัวกางออก
ฉีหลินพ่นลมหายใจออกมาหนึ่งเฮือกก้มหน้าอย่างหงุดหงิด แต่กลับทำได้เพียงตกปากรับคำเท่านั้น
……
ส่วนชั้นล่าง ซ่านจินจื๋อเห็นกู้อ้าวเวยและกุ่ยเม่ยเดินเคียงไหล่กันลงมา จากนั้นแววตาพลันเคร่งขรึม
เนื่องด้วยไม่ได้พบเจอกันมานาน กู้อ้าวเวยจึงลอบยัดขวดกระป๋องบางส่วนใส่มือของเขา ซ้ำช่วยเขาจัดแจงเสื้อผ้าอีกด้วย “คิดไม่ถึงว่าตอนนี้ข้าจะมีน้องชายรัชทายาทเพิ่มมาอีกหนึ่งคน วันเวลาเหล่านี้เจ้าเองก็ชั่งตวงอย่างระวังแล้วกัน ถ้ามีเรื่องก็ไปพบรัชทายาทหรือพระองค์ก็ได้ทั้งนั้น”
“ข้าทราบแล้ว” กุ่ยเม่ยรีบฉุดมือของนางอย่างรวดเร็ว “หากท่านยังขยับมือขยับเท้าอีกละก็ ข้ากลัวว่าท่านอ๋องจะสังหารข้าที่ถนนสายนี้อย่างแน่นอน”
“ขยับมือขยับเท้าอะไร นอกจากร่างกายของเจ้านี้ยังมีจุดไหนที่ข้าไม่เคยเห็น ไม่เคยรู้ด้วยหรือ” กู้อ้าวเวยจ้องเขาเขม็งอย่างไม่ยอมแสดงความอ่อนแอ เห็นกุ่ยเม่ยก็มองตนตาขวางปราดหนึ่ง จึงทำได้เพียงชักมือของตนกลับ เปลี่ยนมาตบที่หัวไหล่ของเขาหนึ่งที “ขอให้โชคดีตลอดทาง”
“ท่านเองก็เช่นกัน” กุ่ยเม่ยโบกมืออย่างรู้งานแก่ใจ หมุนกายเดินออกอีกฝั่งหนึ่ง
กู้อ้าวเวยยืนอยู่ใต้ชายคาตลอดจนกระทั่งคน ๆ นั้นหายลับไปที่หัวมุมทางเลี้ยว คราวนี้นางจึงหมุนกายหัวไปทางซ่านจินจื๋อ ยืนมั่นอยู่เบื้องหน้าของเขา “ข้ามาตามนัดแล้ว”
สายตาของซ่านจินจื๋อสลัวเล็กน้อย แต่ยังคงยกมือดึงนางขึ้นบนม้า รวบสู่อ้อมอกของตนเอง “ไว้ชีวิตของพ่านเอ๋อสักครั้ง ข้ารับรองว่าวันหน้านางกับเจ้าจะเป็นดั่งน้ำบ่อไม่ยุ่งกับน้ำคลองอีก”