บทที่ 496 ข่าวโคมลอย
ฟ้าเริ่มสว่าง หลิ่วเอ๋อร์ก็ออกจากห้องมา
กู้อ้าวเวยก็ยังเปิดหน้าต่างตำยา แล้วก็ยังคงเปิดหนังสือตำรายาที่เห้อจิ้นหล่างเอามาให้ พอหลิ่วเอ๋อร์เดินมาใกล้ก็บอกว่า “อรุณสวัสดิ์”
“คุณหนู เจ้ามีใจให้อ๋องจิ้งมากแค่ไหน?” หลิ่วเอ๋อร์ถาม
“ข้าคิกกับเขาง่ายๆ แต่ไม่อาจจะบอกอีกฝ่ายว่าเชื่อใจแค่ไหน ข้ายังต้องเก็บไม้ตายไว้ เขาเองก็คงไม่ใจกับข้าเต็มร้อย” กู้อ้าวเวยหันมามองหนังสือ แล้วพูดต่อ “ถึงแม้ท่านแม่จะให้เจ้ามาดูแลข้า แต่เรื่องนี้ข้าตัดสินใจแล้ว ไม่ว่าผลจะเป็นอย่างไร ก็จะไม่เสียดาย”
คุณหนูดูเหมือนว่าจะมองทะลุปรุโปร่ง เดินหน้าอย่างไม่ถอย และต้องจัดการกับโชคชะตาของตนเองให้ดี
“ถึงแม่เจ้าไม่ให้ใจทั้งหมดกับอ๋องจิ้ง แต่ความสัมพันธ์นี้มันก็คือความจริง”
หลิ่วเอ๋อร์เข้าห้องมา แล้วก็เอายาจากมือนางออกมา “นายท่านกังวลอาการของเจ้า แต่ข้าคิดว่า ชีวิตคนเรา เราต้องเลือกเอง”
“น้อยครั้งจะให้เห็นเจ้าพูดจริงจังแบบนี้” กู้อ้าวเวยค่อยๆ นั่งลง “วันนี้องค์ชายสามก็กลับมาจากแคว้นเจียงเยี่ยนแล้ว ต้องให้เจ้ามาช่วยแต่งตัวไปงานเลี้ยงในวัง”
“ไม่เท่านั้น ผิงชวนมีเรื่องที่จะต้องกลับเมืองเย่น วันนี้ข้าจะเข้าวังไปกับเจ้าด้วย”
“ได้” กู้อ้าวเวยหยักหน้า ถึงแม้นางจะยุ่งกับการทำงาน แต่แม่ของนางถูกฮ่องเต้กักตัวไว้ งานที่นี่ก็จะไม่มีคนทำ
“ฝ่าบาทกักตัวท่านแม่ไว้จริงหรือ?” กู้อ้าวเวยหันมามอง แล้วก็วางพู่กันลงอย่างแรง
หลิ่วเอ๋อร์ตกใจ พูดว่า “ใต้เท้าคนนั้นบอกว่าถ้าเจ้าไม่กลับไป ก็จะไม่ให้ท่านแม่เจ้าออกมา ท่านแม่เจ้าคิดว่าเป็นแผนที่ดี ก็เลย…….”
กู้อ้าวเวยเดาไม่ออกว่าพ่อของตนเองเป็นห่วงตนเองหรือจะอยากจะเอาท่านแม่ไปอยู่ข้างกาย รู้เพียงว่า ยิ่งอยู่ที่นี่นาน ท่านแม่ก็จะทำงานได้มากขึ้น
พอนึกถึงจุดนี้ นางก็เริ่มปวดหัว
มีท่านแม่อยู่ด้วยก็ดีใจอยู่ แต่นางถูกคนกักตัวไว้ แล้วนึกถึงตอนที่อยู่จวนอ๋องจิ้ง นางไม่อยากพูดกับใคร และไม่รู้จะจัดการอย่างไร
พอเห็นกู้อ้าวเวยเหม่อ หลิ่วเอ๋อร์ก็เอามือมาปัดๆ “ถ้ามัวมาคิดจุดนี้ เจ้ารีบคิดดีกว่าว่าจะรับมือกับองค์ชายสามอย่างไร เพราะตอนแรกเจ้าอยู่ฝั่งเขา”
“ตอนนี้ข้าก็อยู่ฝั่งเขา แต่ข้ากลัวเขาไม่รู้ใจของฮ่องเต้”
กู้อ้าวเวยคืนสติ แล้วก็ถอนหายใจ
ตอนที่ทั้งสองคนกำลังยุ่ง เห้อจิ้นหล่างก็เข้ามา จางเหยียงซานก็รีบเข้ามาฝังเข็มให้นาง เพราะป่วยมานานแล้ว รักษาได้แค่ตามอาการ
กู้อ้าวเวยก็เปลี่ยนเสื้อผ้าให้สะอาด หลิ่วเอ๋อร์รีบเดินออกมา “ท่านอ๋องให้ท่านไปกินข้าวที่ห้องโถง”
“เดี๋ยวข้าตามไป”
กู้อ้าวเวยเปลี่ยนชุด แล้วก็ค่อยๆ เดินไปห้องโถง
ก็เหมือนทุกวัน เพียงแต่คนรับใช้ของซูพ่านเอ๋อกับกู้จี้เหยาเปลี่ยนไป กู้อ้าวเวยนั่งลง เดิมทีหลิ่วเอ๋อร์ควรยืนในจุดคนรับใช้ แต่กู้อ้าวเวยกลับลากนางมานั่งด้วย แล้วก็พูดกับคนรับใช้ของซูพ่านเอ๋อว่า “เจ้า ไปเอาชามกับตะเกียบมาเพิ่ม”
“โต๊ะอาหารจวนอ๋องจิ้งไม่ให้คนรับใช้มาร่วมโต๊ะอาหาร” ซูพ่านเอ๋อห้ามคนรับใช้ตนเองไว้
“มีระเบียบนี้ด้วยหรือ?” กู้อ้าวเวยดึงคิ้วสูง “แล้วตนเองก็ค่อยๆ ลุกขึ้น แล้วก็เอามือกดไหล่ของหลิ่วเอ๋อร์ ยิ้มๆ พูดว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ วันนี้ข้าก็จะเป็นคนรับใช้ให้กับหลิ่วเอ๋อร์ กับข้าวพวกนี้เป็นของโปรดของเจ้า” ”
“หลิ่วเอ๋อร์รู้สึกนั่งไม่ลง เพราะยังไม่รู้ว่ากู้อ้าวเวยจะทำอะไร”
กู้จี้เหยาเห็นว่าไม่เหมาะ หลายปีมานี้นางเห็นอะไรมาเยอะ ก็เลยพูดว่า “คนกินข้าวเพิ่มมาอีกคนสนุกดีออก ฝ่าบาทนั่งลงเถิด”
คำว่าฝ่าบาททำให้กู้อ้าวเวยใจชื้นขึ้นมา แต่กู้จี้เหยาก็ไม่ได้จะพูดดีด้วยอะไร แต่นางเองก็นั่งลง คนรับใช้ของซูพ่านเอ๋อร์ก็ต้องไปเอาตะเกียบมาเพิ่ม
ซูพ่านเอ๋อร์ก็โมโหมองซ่านจินจื๋อ เขาเองก็มัวฟังเฉิงซานพูดอยู่ ไม่ได้สนใจเรื่องบนโต๊ะอาหาร
อ้าวเวยคีบกับข้าวให้หลิ่วเอ๋อร์แล้วพูดว่า “ข้าได้ยินข่าวมาอย่างหนึ่งว่า”
“อะไรหรือ?” หลิ่วเอ๋อร์ตั้งใจฟัง แล้วก็จ้องมองนาง
“กู้อ้าวเวยสีหน้ายิ้มๆ พูดว่า “ข้าเคยผ่านหมู่บ้านหนึ่ง ว่ามีคนหญิงสาวคนหนึ่งไปฆ่าเด็กตาย บอกว่าวางยาพิษเด็ก”
ใบหน้ายิ้มๆ แต่พูดเรื่องน่ากลัว หลิ่วเอ๋อร์มือค้างนิ่ง แล้ววางลง
“คุณหนู กำลังกินข้าวทำไมพูดเรื่องนี้?”
“คนที่เล่าก็เล่าตอนกินข้าวนี่แหละ อีกอย่าง ถ้าเขาไม่ถล่มลงมา ก็คงไม่พบศพเด็กคนนั้น ทางการไปตรวจสอบพบว่ามีนาพิษอยู่ไหนึ่ง ข้าสนใจก็เลยขึ้นไปดูมา…..”
ตะเกียบของซูพ่านเอ๋อร์ตกพื้น แล้วก็เลิ่กลั่ก
ซ่านจินจื๋อก็มองมา กู้อ้าวเวยก็แอบมองเล็กๆ “ยาพิษนั้น เป็นแค่หญ้าและผลไม้มีพิษใส่รวมกัน คนในหมู่บ้านต่างรู้กันหมด ข้ายังให้คนของทางการไปตรวจสอบเพิ่มอีกด้วย”
หลิ่วเอ๋อร์ดูเหมือนว่าจะเข้าใจในสิ่งที่นางทำ “คุณหนู เจ้าไม่น่าไปยุ่งเลยนะ”
“อย่างน้อยก็เป็นชีวิตคนนะ อีกอย่างเด็กสาวคนนั้น ตอนนี้คงโตแล้ว ถ้าไม่จัดการกลัวว่าจะไปทำเรื่องไม่ดีอีก อีกอย่าง พ่อของเด็กคนนั้นยังเป็นช่างฝีมือชั้นยอดอีก ทำเข็มเงินเก่งมาก ข้ายังเคยสั่งมาเลย เดี๋ยวจะไปเอาของแล้ว” กู้อ้าวเวยเล่าไปกินไป “เขาทำเข็มเงินให้ข้า ข้าให้ทางการช่วยตรวจสอบการตายของลูกเขา ข้าไม่ได้ยุ่งอะไรมาก”
“ทำไมเด็กสมัยนี้น่ากลัวมาก” หลิ่วเอ๋อร์ขมวดคิ้ว “แล้วก็คีบกับข้าวให้กู้อ้าวเวย”
สีหน้าซูพ่านเอ๋อไม่สู้ดี กู้จี้เหยาก็มองออก ซ่านจินจื๋อก็เห็นแค่กู้อ้าวเวยมองมา แล้วก็อดกลั้นความโกรธไว้ แล้วก็เอามือมาจับซูพ่านเอ๋อ “พ่านเอ๋อคงจะกลัว องค์หญิงไม่ต้องเล่าแล้วนะ”
กู้อ้าวเวยดึงคิ้วสูง “งั้นข้าไม่เล่าแล้ว ท่านพี่อยู่ในจวนอ๋องจิ้งแต่เล็ก คงจะทนฟังสิ่งน่ากลัวแบบนี้ไม่ได้”
พูดจบ กู้อ้าวเวยก็จ้องมองซูพ่านเอ๋อ
ทำให้ซูพ่านเอ๋อเหงื่อแตกไหลย้อย ส่วนซ่านจินจื๋อก็อยู่ข้างๆ หน้านิ่งๆ
กู้อ้าวเวยไปรู้เรื่องอะไรมานะ?