บทที่ 532 โง่ตายเลย
“หรือว่าเจ้าไม่รู้ฐานะของข้าหรือ” ซูพ่านเอ๋อดึงทึ้งคนผู้นั้นมาที่ด้านหน้านางด้วยตนเอง “แม้ว่าข้าจะไม่ใช่ลูกสาวที่กู้เฉิงเอ็นดูที่สุด ยังไงข้าก็เป็นพระชายาจิ้งของชางหลาน……เหอะ……”
ไม่ทันระวังตัวจนถูกนายพลใช้ดาบจู่โจมให้ลงไปกองกับพื้น มือสองข้างที่พยายามกดรั้งตัวเองอยู่บนพื้นนั้นถูกกระแทกให้เลือดไหลออกมา
นางหายใจเสียงต่ำ แต่กลับแลกมาด้วยคมมีดที่อยู่บนคอ “เจ้าเกือบทำให้แคว้นซินของข้าเสียหน้าจนหมดสิ้น ท่านผู้นำบัดนี้ได้ออกตัวว่าแคว้นซินจะไม่มีทาสรับใช้อีกต่อไป ได้มีความสำเร็จเฉกเช่นนี้ เจ้ากลับทำให้แคว้นซินของพวกเราเสียหน้าอย่างหนัก บัดนี้ยังยั่วแคว้นชางหลานอีก มีองค์หญิงแบบเจ้าเช่นนี้ ช่างทำให้คนคลื่นไส้อาเจียนเสียจริง
ซูพ่านเอ๋อเคยถูกพูดคำพูดเช่นนี้ใส่มาก่อนหน้านี้เสียแล้ว เดิมทีควรจะลุกขึ้นมาแสดงความโมโห
แต่คมมีดทิ่มเข้าไปที่ผิวหนัง เป็นความรู้สึกที่สัมผัสได้เช่นนี้ ได้แต่พกเอาแรงกำลังที่มีทั้งหมด ได้แค่ขยับถอยหลังไป “พวกเจ้าไปส่งจดหมายให้อ๋องจิ้ง เขาจะ……”
“บัดนี้อ๋องจิ้งและองค์ชายหกได้ปกป้องดูแลชายแดน แคว้นซินของข้ามีศึกในไม่จบสิ้น แค่เอาพละกำลังไพร่พลมาตามหาเจ้าก็หมดเวลาแล้ว ที่ไหนจะมีเวลาไปสนใจเรื่องของเจ้ากับอ๋องจิ้งกัน” นายพลเห็นนางดูเชื่อฟัง จึงเอาดาบใส่เข้าฝัก หัวเราะเสียงเย็นชาออกมาหนึ่งคำ “ยิ่งไปกว่านั้นเจ้าคิดว่าชางหลานจะยอมให้ท้ายคนที่ไร้ยางอายเช่นเจ้าแบบนี้หรือ”
โดนพูดด้วยคำพูดเช่นนี้ ซูพ่านเอ๋อได้เพียงจัดแจงเสื้อผ้าให้ดีแล้วเอนกายลง ไม่เคยรู้สึกว่าไม่ได้รับความไม่เป็นธรรมเช่นนี้มาก่อน
ขาที่ได้รับบาดเจ็บแอบเจ็บปวดอยู่ค่ำคืนหิมะตกเช่นนี้ ข้างกายล้วนเป็นทหารที่นับไม่ถ้วน นางได้เพียงอดทน
เกลียดชังจนอยากจะฆ่าฟันกู้อ้าวเวยให้เป็นหมื่นเป็นพันครั้ง กลับไม่มีแรงที่จะทำได้
คนรักที่อยู่ข้างกายนาง ที่แท้แล้วเป็นใครกันแน่
……
ที่พำนักของท่านปู่อยู่ทางใต้ของแคว้นเอ่อตาน
สถานที่นี้เป็นแค่เมืองเล็กๆ แห่งหนึ่งที่อยู่ถัดไปจากป้อม มาอยู่ที่นี่ก็มีหลายปีแล้ว หยุนชิงหยางก็มีครอบครัวอยู่ที่นี่ซึ่งเป็นครอบครัวที่ผู้คนรู้จักกันดี แม้แต่คนรุ่นหลังของตระกูลหยุนส่วนหนึ่งก็ลงหลักปักฐานที่นี่ อีกทั้งยังเชิญชวนคนรับใช้หลายครอบครัวไม่น้อย ยังมาเปิดโรงเตี๊ยม หอนางโลมอยู่ที่นี่อีก
ตอนที่กู้อ้าวเวยลงรถ ยังคุมผ้าปิดหน้าบางๆ ไว้ด้วย
รุ่งเช้าหิมะก็ตกอีก ณ ที่เดิม บัดนี้ลมหิมะไม่หยุด ระหว่างทางกู้อ้าวเวยแค่นอนหลับไปหนึ่งคืนก็ป่วยแล้ว ซ่านจินจื๋อโมโหจนเอานางซุกอยู่ในที่นอนสองชั้นไม่ให้ลุกขึ้น วันนี้มาถึงในหมู่บ้านแล้ว ในที่สุดก็สามารถลงไปเดินด้วยตนเอง ผู้ชายที่อยู่ด้านหลังกลับไม่ปล่อยเอวนางเลย
“แบบนี้ข้าจะเดินได้อย่างไร” กู้อ้าวเวยหยิกเข้าไปที่ต้นแขนของเขาหนึ่งที
“ขาไม่ปวดแล้วหรือ” ซ่านจินจื๋อมองนางอย่างราบเรียบ หากรู้มาก่อนว่าที่จริงแล้วนางไม่ได้ลงมาเดินนานมากแล้ว วันนี้ลงจากรถแล้วก็ควรจะต้องนั่งรถเข็น
กู้อ้าวเวยไม่มีวิธีการใด ไม่รู้ว่าจะทำเช่นไร ได้แต่ยอมให้เขาพาตนเองเดินไปด้านหน้า
บนถนนในหมู่บ้านเล็กๆ ท่ามกลางลมหิมะเกือบจะไม่มีคนเดิน ตลอดทางซ่านจินจื๋อยังได้รับจดหมายไม่น้อยเลย ส่วนมากมาจากกู้จี้เหยา กู้อ้าวเวยก็ได้เห็นบ้างผ่านตา ซ่านจินจื๋อกลับเอาจดหมายเหล่านี้เก็บขึ้นมา บอกนางว่า “รอข้ากลับไป ก็จะหาภรรยาที่ดีให้นาง”
กู้อ้าวเวยอดไม่ได้ที่จะหันหน้าไปมองซ่านจินจื๋อ รู้สึกเหมือนกับว่าเขาจะดูเป็นผู้ใหญ่ไม่น้อยเมื่อเทียบกับเมื่อก่อน
เดินมาถึงหน้าประตูใหญ่ของโรงเตี๊ยมหลิว คนรับใช้สองคนที่อยู่ข้างประตูกำลังปัดมือไปมา เห็นกู้อ้าวเวยเดินมาพร้อมกับซ่านจินจื๋อ ก็รีบเข้าไปต้อนรับ “ท่านหญิงท่านชายมาเยี่ยมเยียนนายท่าน หรือว่ามาหาหมอ”
“มาหาท่านปู่ของข้า รบกวนพี่ชายช่วยไปแจ้งให้หน่อย”
กู้อ้าวเวยยกมือเอากระดิ่งเหล็กที่ถูกกำจัดพิษออกไปนานแล้วมอบให้กับมือของคนรับใช้นั้น
คนรับใช้ถือกระดิ่งเหล็กนั้นเข้าไปอย่างแปลกใจ อีกทั้งยังพาคนออกมาต้อนรับอย่างยิ่งใหญ่ “ข้างนอกลมหนาวแรงนัก คุณหนูรีบเข้าไปเร็วเถอะ”
กู้อ้าวเวยค่อยๆ หัวเราะออกมาหนึ่งคำ ได้แค่ปลีกตัวออกมาจากในอ้อมอกของซ่านจินจื๋อแล้วเดินเข้าไป
สองคนคนหนึ่งอยู่ด้านหน้าคนหนึ่งอยู่ด้านหลังเดินมาถึงห้องโถง หยุนชิงหยางพอได้เห็นกู้อ้าวเวย ดวงตาทั้งสองข้างก็ดูมีชีวิตชีวาขึ้นเยอะเลย กู้อ้าวเวยก็เดินขึ้นมาอย่างยินดียิ่งนัก ที่ไหนจะสนใจที่จะนั่งบนเก้าอี้กัน ได้แต่เดินมุ่งตรงไปที่ข้างกายของหยุนชิงหยาง นั่งลงบนพื้นอย่างว่าง่าย โน้มตัวลงไปบนหัวเข่าของหยุนชิงหยางเฉกเช่นเมื่อก่อนนั้น
“ท่านปู่สุขภาพร่างกายแข็งแรงก็ดี”
“เจ้ายังคงเอาแต่ใจเหมือนเมื่อก่อน ไม่มีลักษณะของคุณหนูเลย” หยุนชิงหยางปลายจมูกฟึดฟัดแล้วก็ตบไปที่ไหล่ของกู้อ้าวเวย แล้วก็มองไปที่ซ่านจินจื๋อ “ไปๆ มาๆ เจ้าก็เดินมาอยู่ด้วยกันกับเขา”
กู้อ้าวเวยจึงเงยหน้าขึ้นมามองเขา “ข้ายังไม่ให้อภัยเขาเลย”
ใครจะไปรู้ว่าซ่านจินจื๋อก็พยักหน้ารับอย่างจริงจัง จู่ๆ ก็ค่อยๆ โบกมือไปทางหยุนชิงหยาง “ท่านปู่ไม่ได้เจอกับเวยเอ๋อมานานแล้ว ข้าอยู่ที่นี่จะเป็นการรบกวนซะเปล่าๆ รอจนตอนที่จะจากที่นี่ไป ข้าค่อยมารับเวยเอ๋อ”
คำขอโทษที่คุยกันไว้ดีแล้วล่ะ
กู้อ้าวเวยมองเขาชั่วครู่อย่างไม่เข้าใจ หยุนชิงหยางกลับโบกมือขึ้นแล้วพูดว่า “โรงเตี๊ยมในหมู่บ้านนี้ส่วนใหญ่เป็นของข้าที่เปิดไว้ ผู้ที่ไปๆ มาๆ ล้วนอยู่บ้านของตนเอง ให้คนไปจัดแจงให้เจ้าสักหลังหนึ่งน่าจะดี”
คนรับใช้พาเขาออกไปอย่างเข้าใจ เหลือเพียงกู้อ้าวเวยกับหยุนชิงหยางที่ย้อนรำลึกความหลังด้วยกันอยู่ตรงนั้น
คำทักทายต่างๆ ถูกพรั่งพรูออกมา กู้อ้าวเวยรู้ว่าท่านปู่รักษาผู้คนอยู่ในหมู่บ้านเล็กๆ แห่งนี้ ก็หาเงินได้ไม่น้อย เงินที่หาได้เหล่านี้ก็ล้วนเก็บไว้ในคนรุ่นหลังของตระกูลหยุนทั้งนั้น อีกทั้งยังหาลูกศิษย์ที่จะถ่ายทอดวิชาการแพทย์ได้ไม่น้อยเลยในที่แห่งนี้
“หากวิชาแพทย์ของตระกูลหยุนพวกเรานั้นสามารถช่วยคนได้จริง เป็นใครมาเรียนก็ตามล้วนไม่แตกต่างกัน”
หยุนชิงหยางพูดเช่นนี้กับนาง “โดยปกติเจ้ามักจะเอาแต่ใจตัวเอง หลายปีนี้ผ่านไป ได้ยินข่าวคราวเรื่องที่เจ้าทำ รู้สึกยินดีมาก”
เมื่อเทียบกับหยุนหว่านฉูหลี่ หยุนชิงหยางกลับจะสามารถปล่อยวางกู้อ้าวเวยได้มากกว่า
อยู่ที่นี่เพียงแค่ไม่กี่วัน กู้อ้าวเวยกลับรู้สึกผ่อนคลายเป็นตัวของตัวเอง คิดแค่จะต้องไปเป็นเพื่อนชิงจือดูหิมะให้ทันเวลา นี่ก็เตรียมที่จะจากที่นี่ไปแล้ว แต่ตอนที่จะแยกจากนั้น หยุนชิงหยางกลับดูเชื่อมั่นต่อซ่านจินจื๋อเป็นอย่างมาก “อย่าให้ข้าต้องมีปัญหากับเจ้า”
“ข้าจะดูแลนางอย่างดี” ซ่านจินจื๋อได้แค่ยิ้มเบาๆ กับสิ่งนี้ ราวกับว่ากู้อ้าวเวยไม่รู้เรื่องที่ทั้งสองคุยกันก็ไม่ปาน
ไม่ง่ายเลยที่จะปีนขึ้นรถม้า กู้อ้าวเวยหอบอุปกรณ์การแพทย์ไปหนึ่งห่อใหญ่ ท่านปู่ยังให้เข็มเงินมาอีกสองชุด แยกออกไปยังมีขนมเปี๊ยะที่อยู่ในกล่องข้าวใหญ่อีกสองกล่อง ทำให้กู้อ้าวเวยดีใจมาก
คนรับใช้ทั้งหลายเห็นแล้วก็ได้แต่อดทนเก็บอาการหัวเราะไว้ คุณหนูที่อายุมากแล้วผู้นี้ยังมีจิตใจที่เป็นเด็กอยู่
ซ่านจินจื๋อก็ไม่ได้สนใจ ได้แต่กำชับคนให้รีบเร่งม้าให้กลับเมื่องหลวง ด้านนี้ก็พูดอีกว่า “ซูพ่านเอ๋อน่าจะถึงแคว้นซินแล้ว ยังถูกแต่งตั้งให้เป็นองค์หญิงอีก”
“ท่าทางของกู้เฉิงเร็วดี”
กู้อ้าวเวยกำลังกินขนมเปี๊ยะอยู่ ไม่ได้สนใจกับสิ่งนี้ “ข้ากลับแปลกใจ เจ้ากล่อมท่านปู่กับแม่แท้ๆ ของเจ้าได้อย่างไร มักจะรู้สึกว่าพวกเขาทั้งสองจู่ๆ ก็วางใจเอาข้ามอบให้กับเจ้าแล้ว”
“ตอนนี้เพิ่งจะรู้ตัวหรือ” ซ่านจินจื๋อเอาข้อมือของตนเองยื่นออกไป
กู้อ้าวเวยแปลกใจ เอามือค่อยๆ จับลงไป หลังจากนั้นไม่นานก็สีหน้าก็เปลี่ยนไป ดึงเสื้อของซ่านจินจื๋อเข้ามาในรถม้า “นี่มันคือยาพิษ”
“สามารถแลกมากับความเชื่อของพวกเขา ควรค่านัก” ซ่านจินจื๋อเอาข้อมือที่เล็กๆ ของกู้อ้าวเวยโอบเข้าในมือ “แค่เจ้ามีน้ำมีนวลขึ้นมาสักหน่อยเมื่อไหร่ ท่านน้าก็จะช่วยถอนพิษให้ข้า”
“เจ้า” กู้อ้าวเวยจู่ๆ ก็ไม่มีคำพูดใดออกมา นิ่งเงียบไปนานมาห นางจึงพูดต่อว่า “ตอนกลางคืนเจ้ารู้สึกว่าปวดก็ยังนอนหลับหรือ พิษนี้แม้แต่วิธีการที่จะถอนออกข้ายังไม่รู้เลย กลับไปข้าจะบอกท่านแม่……”
“ปวดก็เป็นสิ่งที่ข้าควรจะได้รับ” ซ่านจินจื๋อดึงคนเข้ามากอดบนกายอย่างเป็นปกติ เอาคนเข้ามาอยู่ในอ้อมอก “เจ้าทนไม่ได้ที่จะเอาคืนข้า ยังไม่ยอมให้แม่ของเจ้ากับท่านปู่เอาคืนข้าหรือ”
“โง่ตายเลย” กู้อ้าวเวยดึงรั้งผมของเขาไปทีหนึ่งอย่างรุนแรง