บทที่548 ช่วงเวลาแห่งความสงบ
“ฮ่าๆ” ซูพ่านเอ๋อหัวเราะเยาะ “ตอนนี้เจ้าอยู่เพียงลำพัง ไม่มีคนรับใช้ติดตามรึ?”
กู้อ้าวเวยแสร้งทำเป็นหูทวนลม จากนั้นมือก็ค่อยๆเพิ่มความแรงขึ้นจนทิ้งรอยนิ้วไว้บนหน้าของนาง น้ำเสียงก็เต็มไปด้วยความดูถูกเหยียดหยาม “ถ้าเป็นเช่นนั้น เจ้าสามารถฆ่าข้าเพื่อปกปิดความลับของเจ้าได้รึ? อย่าลืมว่าข้ากับเจ้ามีค่าเหมือนกันในสายตาของกู่เซิง”
กู่เซิงเห็นด้วยกับมุมมองของกู้อ้าวเวยเป็นอย่างมาก ไม่ต้องพูดถึงแผนการอื่นๆระหว่างพวกเขา
ชักนำซูพ่านเอ๋อให้ไปแคว้นเจียงเยี่ยน ด้วยนิสัยของซูพ่านเอ๋อเป็นไปไม่ได้เลยที่จะปฏิบัติต่อกู้เฉิงด้วยความจริงใจ เมื่อถึงเวลาจะให้ความสำคัญกับกู้เฉิง หลังจากนั้นซูพ่านเอ๋อก็สามารถอยู่ได้เพียงในแคว้นเจียงเยี่ยน จากนั้นทุกอย่างก็จะมีเหตุผลของมัน
รอจนกว่าทุกอย่างจะคลี่คลาย ชีวิตของซูพ่านเอ๋อก็จะกลับมาอยู่ในกำมือของนาง
ซูพ่านเอ๋อกำหมัดแน่น “ข้าสัญญากับเจ้า แต่เจ้าต้องรับประกันว่าข้าจะไม่ได้รับบาดเจ็บ และเจ้าต้องเลือกที่จะร่วมมือกับกู่เซิง”
“มีสิทธิ์อะไร?” กู้อ้าวเวยแสร้งทำเป็นไม่พอใจ
“เพราะเขาสามารถรับประกันความปลอดภัยของข้า แต่เจ้ากลับทำไม่ได้” ซูพ่านเอ๋อยิ้มเยาะ
กู่เซิงและกู้อ้าวเวยมองหน้ากันและรู้สึกว่าซูพ่านเอ๋อไม่ได้โง่
“ถ้าเช่นนั้น เจ้าต้องการให้ข้าช่วยกู่เซิงอย่างไร?” กู้อ้าวเวยวางมือลงแล้วถามต่อ
“เขาต้องการที่จะกำจัดกู่เซิงเช่นกัน และข้าก็ยังรู้อีกว่าม้าศึกพันตัวของกบฏล่ายเสวียนเกี่ยวข้องกับเจ้า หากเจ้าสามารถช่วย
ล่ายเสวียนได้ ถ้าเช่นนั้นก็เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่สามารถนำของบางอย่างส่งให้กู่เซิง”
“ได้” คราวนี้กู้อ้าวเวยตกลงอย่างใจเย็น ยิ่งทำให้ซูพ่านเอ๋อมั่นใจว่าตอนนี้นางอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่มีคนรับใช้ติดตาม
เมื่อกู้อ้าวเวยตอบตกลง และมีสถานะของการตราวสอบและการถ่วงสมดุลอำนาจระหว่างทั้งสาม ซูพ่านเอ๋อจึงผ่อนคลายลงเล็กน้อยแล้วพูดว่า “แต่ข้าต้องกลับไปที่แคว้นชางหลาน ไม่เช่นนั้นกู้เฉิงจะคิดว่าข้าไร้ประโยชน์”
กู้อ้าวเวยพยักหน้าแล้วชี้ไปในทิศทางที่อยู่ไม่ไกล “รถม้าพร้อมแล้ว เจ้าควรรู้ว่าตัวตนใดที่เจ้าควรจะใช้เพื่อเข้าใกล้
แคว้นเจียงเยี่ยน”
ซูพ่านเอ๋อครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็เดินไปขึ้นรถม้า
กู่เซิงก็ไม่ได้มีแผนที่จะอยู่ต่อ เพียงแค่สบตากับกู้อ้าวเวย แล้วเขาก็จากไป
มีเพียงซูพ่านเอ๋อเท่านั้นที่คิดว่าพวกเขาทั้งสามอยู่ในสถานะของการตรวจสอบและถ่วงดุลอำนาจ
เมื่อทั้งสองจากไป ซ่านจินจื๋อก็เดินเข้ามาอย่างช้าๆ “เจ้าจะให้ข้าหลบนางตลอดรึ เมื่อถึงแคว้นชางหลานจะหลบนางได้นานแค่ไหน?”
“ไม่จำเป็นต้องหลบ สิ่งที่สำคัญคือนางต้องการที่จะหลบภัยในแคว้นเจียงเยี่ยนหรือกู่เซิง” กู้อ้าวเวยรินน้ำชาให้ตัวเองแล้วยิ้ม “เมื่อนางกลับไปที่แคว้นชางหลาน กู้เฉิงจะไม่มีทางเชื่อนาง ตราบใดที่พวกเขายังไม่บรรลุข้อตกลงการเจรจาต่างๆ ทุกอย่างก็จะเป็นไปตามคาด”
“นี่คือเจ้าแก้แค้นนาง?” ซ่านจินจื๋อเข้ามานั่งข้างๆนาง
“ข้าสามารถทำลายร่างกายของนางได้ตามต้องการ แต่ถ้าหากต้องการทำลายหัวใจที่เย่อหยิ่งนั้นให้หมดสิ้น ก็จำเป็นต้องมีสิ่งของอีกมากมาย” กู้อ้าวเวยเหลือบมองเขา “ข้าไม่ต้องการให้นางติดหนี้อะไรข้า”
ซ่านจินจื๋อทำได้เพียงส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้
แต่ซูพ่านเอ๋อคิดว่าซ่านจินจื๋อไม่รู้อะไรเกี่ยวกับนางเลย
รถม้าของซูพ่านเอ๋อจะกลับไปเมืองเทียนเหยียนจากถนนสายอื่น แต่กู้อ้าวเวยกับซ่านจินจื๋อจะกลับไปที่เมืองหลวงของแคว้นเอ่อตาน กู้อ้าวเวยยังคงต้องหาวิธีที่จะทำให้ทุกอย่างในทิงเฟิงเก๋อตกอยู่ในมือของฉูห้าว เพื่อใช้ประโยชน์ในภายภาคหน้า
ต้องแยกทิงเฟิงเก๋อออกจากคว้นชางหลาน แต่ซ่านจินจื๋อต้องให้แน่ใจว่าทั้งหมดนี้จะได้รับการสะสาง แม้ว่าทั้งสองแคว้นจะมีความสัมพันธ์ที่ดี แต่ก็ไม่มีเหตุผลที่จะต้องแบ่งปันข่าวกรอง
ทั้งสองคนควรมีคววามรับผิดชอบของตัวเอง
เมื่อมาถึงเมืองหลวงไม่มีทางที่จะได้พักผ่อน นับครั้งไม่ถ้วนที่จะต้องลงจากรถม้าเพื่อไปเจรจา ฉูหลี่กังวลว่าทั้งสองจะทำเพื่อประโยชน์ทางธุรกิจจนลืมเรื่องส่วนตัว เป็นผลให้ในวันแรกทั้งสองคนนั่งอยู่ข้างๆห้องหนังสือ โดยกิจการงานทั้งหมดที่อยู่ในมือได้รับการปฏิบัติอย่างเป็นระเบียบ
แม้ว่ากู้อ้าวเวยจะไม่รู้เรื่องการเมืองเท่ากับซ่านจินจื๋อ แต่ก็มีฉูห้าวอยู่ข้างๆเพื่อไกล่เกลี่ย
ที่ข้างประตูหยุนหว่านได้เห็นทัศนคติของทั้งสองในการเจรจาก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก “เนื่องจากต้องการให้ทิงเฟิงเก๋อเป็นแคว้นของเอ่อตาน ในอนาคตจึงไม่สามารถแทรกแซงแคว้นชางหลานได้ ภายในไม่กี่วันจะกลับไปด้วยตัวเอง”
ดวงตาของฉูหลี่เปล่งประกาย “หลังจากเรื่องนี้……”
“ข้าจะใช้ชีวิตแบบปกปิดตัวตนในแคว้นเอ่อตาน” หยุนหว่านไออย่างผิดธรรมชาติและเดินออกไปอย่างรวดเร็วภายใต้ดวงตาที่เต็มไปด้วยความสุขของฉูหลี่
กู้อ้าวเวยอ่านหนังสือในมืออย่างละเอียด “การหมุนเวียนของสินค้าเป็นไปได้ด้วยดี แต่มีโจรม้าจำนวนมากและชนเผ่าบางกลุ่มอยู่ระหว่างทาง ซึ่งตอนนี้แคว้นเจียงเยี่ยนและแคว้นซินได้ยกเลิกรูปแบบนี้แล้ว และตอนนี้ชายแดนก็เกิดความวุ่นวายมากขึ้น การรับมืออย่างหนักเป็นการแก้ปัญหาระยะยาว”
“การกวาดล้างไม่ใช่นโยบายที่ดีที่สุด ครั้งนี้ข้าแคว้นชางหลานจะเชิญผู้คนจากทุกแคว้นมาพูดคุยรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องนี้และจะทำให้ทหารแคว้นเอ่อตานทอยทัพไป30ลี้ มิฉะนั้นแคว้นชางหลานจะได้รับอันตราย” ซ่านจินจื๋อกล่าว
กู้อ้าวเวยเลิกคิ้วแล้วหันไปที่ฉูห้าวที่อยู่ข้างๆ
ฉูห้าวมองไปที่ทั้งสองอย่างหมดหนทาง “สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่สิ่งที่พวกเราทั้งสามจะตัดสินใจได้โดยตรง พวกเราคุยเรื่องนี้มาเป็นเวลานานแล้ว พวกเราควรจะพักผ่อนกันสักสองสามวัน”
“มีสิ่งใดที่ยังค้างคาอีกหรือไม่?” กู้อ้าวเวยเหลือบมองเอกสารในมืออีกครั้ง
“สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงสิ่งเล็กน้อย ประเด็นสำคัญคือสิ่งที่พงกเราหารือเป็นสิ่งเดียวกัน” ฉูห้าวยืนขึ้นแล้วมองสภาพอากาศ “ตอนนี้เป็นช่วงต้นฤดูหนาว ลุงของข้าพบสถานที่ดีๆที่ชานเมือง หมู่ตึกบนภูเขาเพิ่งจะสร้างเสร็จในวันนี้ สามารถไปแช่น้ำพุร้อนได้และยังมีสมุนไพรอีกมากมาย พวกเจ้ามารถผ่านไปพักผ่อนได้ และเป็นการดีที่จะไปดูว่าคนที่นั่นแอบอู้งานหรือไม่”
ฉูห้าวพูดชักชวนโดยไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อย เพียงต้องการให้พวกเขาได้พักผ่อนอย่างเต็มที่
ซ่านจินจื๋อนึกถึงสุขภาพของกู้อ้าวเวยที่ไม่ค่อยดี จึงพยักหน้าเห็นด้วยทันที
“เจ้าชอบแช่น้ำพุร้อน?” กู้อ้าวเวยแปลกใจ
“ใช่” ซ่านจินจื๋อตอบ เพียงแค่ได้ยินว่าชาน้ำพุร้อนก็ดูเหมือนว่าจะมีประโยชน์ต่อร่างกาย
กู้อ้าวเวยคิดสักพัก แล้วก็พยักหน้าเห็นด้วย
เมื่อออกจากเมืองหลวง นางไปที่โรงหมอเพื่อเตรียมสมุนไพรมากมาย นางคิดว่าควรจะรักษาตัวเองและซ่านจินจื๋อเพราะร่างกายของนางอ่อนแอและซ่านจินจื๋อก็ยังไม่สามารถควบคุมร่างกายได้ เมื่อมีการต่อสู้ก็ไม่รู้ว่าจะควบคุมอย่างไร ถึงแม้ว่าตอนนี้จะยังไม่เกิดขึ้น แต่มันอาจจะเกิดขึ้นในภายภาคหน้า
เมื่อทั้งสองจากไปตามลำพัง กู้อ้าวเวยก็ยังคงแบกสัมภาระเล็กน้อย
“ข้าเรียนนวดมา เจ้าอยากลองไหม?” กู้อ้าวเวยถามขณะที่อยู่บนหลังม้า
ซ่านจินจื๋อที่ตามมาอย่าใกล้ชิดกอดนางไว้ในอ้อมแขนแล้วคว้าบังเหียน “เรียนตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“เคยเรียนตั้งนานแล้ว แต่ยังไม่มีใครให้ลอง” กู้อ้าวเวยไม่กล้าบอกว่า นางเคยเรียนมาตั้งแต่เด็ก และตอนนี้ก็ลืมไปหมดแล้ว
“ถ้าเช่นนั้น ข้าขอลองดู” ซ่านจินจื๋อดึงบังเหียนแล้วถอยออกไปช้าๆ
กูอ้าวเวยไม่ชอบโคลงเคลงบนหลังม้า เขาจำได้เสมอ