บทที่ 564 ไม่มีความรู้รอบตัว
“เช่นนั้นวิธีที่ดีที่สุดตอนนี้ก็คือคงกำลังแบบนี้ไว้ก่อนงั้นหรือ?”
กู้อ้าวเวยแปลกใจ แล้วก็มองซ่านจินจื๋อ
นางก็แค่ฟังไม่กี่คำ คงจะแยกแยะความหมายไม่ออก ถ้าเข้าใจผิดไปจะแย่เอาได้
ซ่านจินจื๋อเห็นว่าตอนที่กู้อ้าวเวยตั้งใจมากๆก็น่ารักดี แล้วก็แกล้งไอแล้วพูดว่า “คงกำลังไว้แบบนี้ดูเหมือนจะตรึงเครียด จริงๆแล้วมันเป็นวิธีที่ดีที่สุด และตอนนี้พวกเราตั้งค่ายที่นี่ ก็เพื่อที่จะเชื่อเส้นทางจากด่านเจิ้งสุ่ยมายังที่นี่ ตามเส้นทางน้ำขึ้นไปก็จะเป็นดินแดนแคว้นเอ่อตานแล้ว เป็นเส้นทางการค้าทั้งสองแคว้นอย่างดี แล้วก็ได้กำจัดโจรป่าด้วย”
ถึงว่าจึงต้องอยู่ที่นี่นานหน่อย แต่กู้อ้าวเวยก็นึกไม่ถึง ว่าตนเองนั้นไม่ได้ข่าวอะไรเลย พอรู้ความจริงก็จ้องมองเขาเขม็ง “เจ้าไม่บอกอะไรข้าเลยนะ”
“ถ้าบอกเจ้าไป เจ้าต้องขึ้นไปสำรวจทางต้นน้ำเป็นแน่” ซ่านจินจื๋อมองนาง แล้วก็กำมือบนโต๊ะ
กู้อ้าวเวยจะอ้าปากพูด แล้วก็หันหน้าหนีไปไม่พูดจา
ฉีหลินและฉีหรัวก็ตาโตมองกู้อ้าวเวย ไม่นึกว่านางจะฟังคำสั่งของซ่านจินจื๋อ
มีแต่หยินเชี่ยวที่เอาขนมไปยื่นให้นาง แล้วก็พูดกับนางว่า “ได้ยินว่าอ๋องจิ้งตีเมืองเพื่อเจ้าเลยนะ”
กู้อ้าวเวยรับขนมมาอย่างทำตัวไม่ถูก แล้วนางก็คิดว่าควรจะให้นางหุบปากเสีย ก็เลยเดินเข้าไปกระซิบกับนาง หยินเชี่ยวก็หน้าแดงวิ่งหนีออกไป กู้อ้าวเวยก็หัวเราะลั่นจนตัวงอ
ฉีหลินก็รีบตามนางออกไป ฉีหรัวก็มองนาง “เจ้ารังแกนางอีกแล้วนะ”
“น่าสนุกดี ไม่นึกว่าเขาจะอยู่กับฉีหลินมาตั้งนาน ข้าก็แค่คุยกันเรื่องผู้หญิงๆ นางก็เขินวิ่งหนีไปเลย ” กู้อ้าวเวยขำไป แล้วก็นึกถึงของตนกับอ๋องจิ้ง นางเคยแซวหยินเชี่ยวบ่อยๆ แต่ไม่แรงเท่าวันนี้
ฉีหรัวหน้าเจื่อน แล้วก็ทุบไหล่ของนางแรงๆ “นางขี้อาย เจ้าเป็นพี่ก็อย่าไปแกล้งนาง”
พูดจบก็รีบตามไปดูหยินเชี่ยว
พอเห็นหลายคนออกไป กู้อ้าวเวยก็ไม่อยากหัวเราะต่อ เช็ดน้ำตาที่ไหลออกมาตอนขำ แล้วพูดว่า “สาวใช้ของเจ้าเมื่อก่อน ตอนนี้เป็นฮูหยินของคนอื่นแล้ว พริบตาเดียวก็หลายปีแล้ว”
ซ่านจินจื๋อไม่เห็นความโดดเดี่ยวจากสายตาของกู้อ้าวเวย แล้วพูดตอบว่า “แต่เจ้าก็เป็นฮูหยินมาตลอด”
“เจ้าคิดว่าข้าเหมือนหรือ?” กู้อ้าวเวยชี้ตัวเอง “เจ้าอาจจะพูดถูก ฟ้าให้ข้าเกิดมาเป็นหญิง คงไม่อยากให้ข้าทำการใหญ่”
ซ่านจินจื๋อขมวดคิ้วมองนาง แล้วก็ยกมือขึ้นลูบหัวนาง “คนดื้ออย่างเจ้ายังเริ่มน้อยใจในตัวเอง แล้วคนอื่นเล่า”
กู้อ้าวเวยจับหัวตัวเอง แล้วมองเขา “เจ้าไม่ได้หวังให้ข้าเป็นของเจ้าหรอกหรือ? ผู้ชายก็เป็นแบบนี้ทุกคน”
เส้นเลือดขึ้นหัว ซ่านจินจื๋อเอามือจับหัวตนเอง “อย่าเอาข้าไปเปรียบกับอ้ายซู่จือ”
“เจ้าไม่ใช่ผู้ชาย เจ้าเป็นสัตว์ป่า” กู้อ้าวเวยชี้ไปทางแม่น้ำ “เจ้าให้ข้านั่งตกปลาเล่น แล้วเหยื่อปลาเล่า?”
“ก็อยู่ที่กล่องข้างๆไง” ซ่านจินจื๋อเริ่มปวดหัว
กู้อ้าวเวยหัวหน้าไป “นั่นมันเป็นไส้เดือนไม่ใช่หรือ?ข้าเอาไปปล่อยใส่ดินหมดแล้ว เจ้าให้ข้าแก้เบื่อไม่ใช่หรือ?”
“…….” ซ่านจินจื๋อหมดคำพูด แล้วก็ได้ยินเสียงหัวเราะของกุ่ยเม่ยเข้ามาข้างใน เปิดม่านกระโจมเข้ามา แล้วถามนางว่า “ไส้เดือนไม่ใช่เหยื่อตกปลางั้นหรือ?”
“ไส้เดือนก็อยู่ในดินไง ตัวยาวขนาดนั้นจะใส่เบ็ดยังไง? เหยื่อปลาควรจะเป็นชิ้นเนื้อก้อนๆสิ” กู้อ้าวเวย
มองกุ่ยเม่ยแปลกๆ
“เอาตามที่เจ้าว่าก็แล้วกัน” กุ่ยเม่ยหัวเราะเดินออกไป แล้วก็อาเรื่องนี้ไปเล่าแบ่งให้คนอื่นหัวเราะด้วย
ซ่านจินจื๋อนิ่งไปสักพัก แล้วถามนาง “เจ้ารู้เนื้อผ้าบนชุดของเจ้าไหม?”
“ข้าจะรู้ได้อย่างไร ” นางจับแขนเสื้อตัวเองมาดู แล้วก็เห็นซ่านจินจื๋อกำลังหัวเราะ นางก็หัวเสีย “เจ้าเป็นอะไร?”
ซ่านจินจื๋อพานางเดินเข้าไปในครัว พบว่านางแยกของพวกนั้นไม่ออก แม้แต่แปลกขัดกระทะนางก็ไม่รู้จัก แล้วก็พานางทำมะเขือเทศผัดไข่กับแม่ครัว พอจุดไฟ ก็เอาไข่กับมะเขือเทศใส่กระทะลงไปเลย ทำให้แม่ครัวต้องไล่ทั้งสองคนออกมา
“เจ้าไม่มีความรู้รอบตัวเลย ”ซ่านจินจื๋อพูดกับนาง
กู้อ้าวเวยอายจนจับจมูกตนเอง นางไม่ถนัดงานบ้านตั้งแต่เด็ก โชคดีที่เป็นคุณหนู เลยไม่ต้องทำงานอะไรเอง แม้แต่ตอนที่อยู่กับซ่านจินจื๋อและกุ่ยเม่ยก็ไม่ต้องทำอะไรเอง ก็เลยไม่มีใครรู้ว่านางทำไม่ได้
“ขนห่านที่อยู่บนคันเบ็ดไปไหน?” ซ่านจินจื๋อถาม
“ดึงอกไปแล้ว………” กู้อ้าวเวยค่อยมองไปทางเขา
ทั้งสองมองตากัน ซ่านจินจื๋อก็ถอนหายใจ แล้วก็พานางไปแม่น้ำ “ขนห่านทำให้รู้ว่าปลาติดเบ็ดหรือยัง ข้าอุตส่าห์ให้คนมัดขนห่านแน่นๆหน่อย”
“ข้าก็ดึงมันแรงๆอกไป ” กู้อ้าวเวยเริ่มเสียหน้า
ยังไม่ถึงแม่น้ำ กู้อ้าวเวยก็ได้ยินกุ่ยเม่ยและฉีหลินหัวเราะจนหายใจแทบไม่ทัน หยินเชี่ยวกับฉีหรัวก็กำลังจะหัวเราะ แล้วนางก็เอามือมาปิดหน้าตัวเอง “ข้าไม่ได้ตั้งใจ”
“วิชาความรู้ของเจ้าไม่มีเรื่องพวกนี้อยู่ด้วยหรือ?” ซ่านจินจื๋อมองนางไปอมยิ้มไป
“ไม่มีนิ เรื่องพวกนี้ปกติให้คนอื่นเป็นคนทำ ข้าไม่เคยทำเอง ” กู้อ้าวเวยอายมาก ก็เลยจะกลับกระโจมเพื่อหาความรู้เพิ่ม ซ่านจินจื๋อก็จับนางไว้ “ต่อไปเจ้าก็ไม่ต้องรู้หรอก แต่ตอนนี้ พวกเราควรไปได้แล้ว”
“ไปที่ไหน?” กู้อ้าวเวยสงสัย
“ไปตำบลเหยสุ่ยไง แม่เจ้าส่งของมามากมาย แต่ต้องให้นางมาอธิบายกับเจ้าเอง ” ซ่านจินจื๋อพานางเข้าไปในป่า รถม้าก็เตรียมไว้แล้ว ส่วนกล่องไม้ที่ส่งมาเมื่อครู่ก็มีคนนำเอาไปแล้ว เหมือนกับจะเตรียมไปแคว้นชางหลาน
“ท่าเรือแถวนี้ยังทำไม่เสร็จ ต้องไปด่านเจิ้งสุ่ยก่อน ค่อยเดินทางทางน้ำ ” ซ่านจินจื๋อเอานางขึ้นรถม้า แล้วก็เอาเบาะนิ่มๆมาให้นาง
“แล้วพวกฉีหลินล่ะ?”
“พ่อค้าจะต้องทำธุรกิจ ให้พวกเขาได้มาเปิดเส้นทางธุรกิจของตระกูล ” ซ่านจินจื๋อพูดไปแล้วช่วยนางจัดเสื้อผ้าไป “เรื่องนี้องค์ชายสามเป็นคนคิดขึ้น เขาคิดว่ามันเป็นวิธีที่ประชาชนจะได้เกี่ยวข้องกับเรื่องงานราชการ เช่นนี้ พวกนักปราชญ์ทั้งหลายแหล่ก็ไม่ต้องอ่านหนังสือกันเป็นเอาตายอย่างเดียว จะได้มีวิธีอื่นๆมากขึ้น”
กู้อ้าวเวยค่อยๆยิ้ม แล้วก็มองๆสิ่งที่เขาทำ “เช่นนั้นก็ดี ถึงแม้จะยังไม่เท่าเทียมกันทุกคน แต่เท่านี้ก็ถือว่ามันดีมากแล้ว”
ซ่านจินจื๋อพยักหน้า แล้วก็สั่งลูกน้องออกเดินทางไปยังด่านเจิ้งสุ่ย
อีกด้าน มือของกู้อ้าวเวยก็จังไปที่แผ่นหลังของเขา ค่อยๆเอนตัวไปหาเขาเล็กน้อย “ข้าไม่อยากเจอเรื่องแบบนั้นอีก เจ้า……….”
“ข้าจะไม่ให้เจ้าพบเจอมันอีก ” ซ่านจินจื๋อก็เอนๆตัวใส่นาง แล้วก็บรรจงจูบลงบนจมูกนาง “ข้าเองก็จะลองเป็นคนโรแมนติกดูบ้าง”
กู้อ้าวเวยก็วางใจ นางไม่อยากจะเป็นคนน่ากลัวแบบนั้นอีก