บทที่ 556 หลีกทางเพื่อนางสักก้าวแล้วมันจะอย่างไร
“คนของอ้ายซู่จือเกือบจะไล่ตามพวกเราทัน ตอนนี้มันเหมาะที่จะเร่งเดินทางด้วยกันเลย”
ตอนที่ผู้ใต้บัญชายื่นอาหารป่าที่ปรุงสุกแล้วให้กู้อ้าวเวย ได้กล่าวเช่นนี้
การเร่งเดินทางซ่อนตัวชนิดม้าไม่หยุดพักเช่นนี้ กู้อ้าวเวยกระทั่งให้คนในเมืองรอบ ๆ คอยระวังคนของอ้ายซู่จือด้วย แต่อาจเพราะสายสืบที่เจียงเยี่ยนเคยใช้ปฏิบัติงานนั้นยังไม่ทันถูกกำจัดจนสิ้นซาก ทุกครั้งล้วนแต่บอกให้อ้ายซู่จือหลบเลี่ยงได้ จนกระทั่งไล่ตามฝีก้าวพวกนางทันจนได้
“เช่นนั้นพวกเจ้าก็แบ่งทหารออกเป็นสามกลุ่ม ข้าปลอมตัวแล้วจะมุ่งหน้าไปชายแดนเพียงลำพัง” กู้อ้าวเวยถูกอ้ายซู่จือคอยไล่ล่า ไม่กล้าใช้แม้กระทั่งนกพิราบส่งสารเลยสักนิด
“ท่านเดินทางเพียงคนเดียวลำพัง มันอันตรายเกินไป” เหล่าผู้ใต้บัญชาทยอยมองเข้ามา
“หากว่าตามขบวนใหญ่ของพวกเจ้าไป ข้ากลับยิ่งเสี่ยงอันตรายมากกว่าอีก ข้าตัวคนเดียว ข้าไม่เชื่อว่าอ้ายซู่จือยังจะมีความสามารถตามหาข้าพบหรอก พวกเจ้าคิดหาวิธีจับตัวอ้ายซู่จือเอาไว้ และมอบให้รัชทายาทจัดการ” กู้อ้าวเวยรีบเร่งทานของป่าในมือด้วยความว่องไว พลางเช็ดปลายนิ้ว “เผื่อกรณีฉุกเฉิน ข้าจะออกเดินทางเดี๋ยวนี้เลย วันพรุ่งนี้พวกเจ้าแบ่งทหารออกเป็นสามกลุ่ม”
ผู้ใต้บัญชาหลายคนยังตระเตรียมควันส่งสัญญาณและถุงน้ำเสบียงอาหารแห้งบางส่วนให้นางอีกด้วย คราวนี้จึงเบาใจให้นางจากไปเพียงลำพัง
กู้อ้าวเวยเองก็รับปากแล้วว่าทุกครั้งที่ผ่านสถานที่หนึ่งแห่งจะแจ้งกับสำนักงานท้องถิ่นให้ทราบด้วย
อ้ายซู่จือตามนางไม่ทันจริง ๆ บางทีอาจแบ่งกำลังคนไปไล่ล่ากองทัพที่แบ่งออกเป็นสามกลุ่มก็ได้
ไม่มีการไล่ตามของอ้ายซู่จือ ความเร็วของกู้อ้าวเวยย่อมเพิ่มมากขึ้นอีกโขเป็นธรรมดา และประจวบกับเพราะทางอ้อมของนาง กุ่ยเม่ยจึงไม่ทันพบร่องรอยของกู้อ้าวเวย จึงมุ่งหน้าไปชายแดนชางหลานโดยตรง พอพบซ่านจินจื๋อแล้ว ก็บอกเล่าเรื่องของหยุนหว่านให้ทราบทุกอย่าง
ซ่านเซิ่งหานได้ยินเรื่องดังกล่าว จากนั้นสีหน้าจึงเย็นเยียบ “ควรส่งคนไปช่วยเหลือทันที”
“ข้าจะนำคนจำนวนหนึ่งรุดหน้าไปด้วยตัวเอง กุ่ยเม่ยเจ้านำคนของเอ่อตานไปเสาะหาแห่งที่อยู่ของทั้งสองคนนั้นอีกที ระยะนี้พวกโจรลักม้านั่นหมายจะฉวยช่วงชุลมุนแอบหยิบของหวานไป ทางฝั่งท่านป้านั้นเป็นไปได้ว่าอาจจะใช้ทางอ้อม และง่ายมากที่จะอยู่ในระหว่างสองประเทศ” ซ่านจินจื๋อหยัดตัวลุกขึ้น เห็นซ่านเซิ่งหานก็อยากตามไปด้วยเช่นกัน สายตาพลันเย็นชา “ข้าจะปกป้องนางเป็นอย่างดี”
“ท่านไม่คู่ควรให้ไว้วางใจ” ซ่านเซิ่งหานมองเข้ามาโดยไม่แสดงความอ่อนข้อใด ๆ พลางกล่าวเสียงเย็นชา “อีกอย่างท่านก็ไม่ได้ใช้มือข้างเดียวบังท้องฟ้า หากชางหลานสูญเสียท่านไปละก็ เช่นนั้นก็เป็นการสูญเสียอันใหญ่หลวงแล้ว”
“ดังนั้นเจ้าจึงคิดว่าคนของเจ้าสามารถตามหากู้อ้าวเวยพบ และต้องการให้ข้าคอยประจันหน้ากับพวกเขาที่นี่ต่อไป?” ซ่านจินจื๋อเลิกหัวคิ้วข้างหนึ่งขึ้น คล้ายกับขอเพียงซ่านเซิ่งหานให้เขาอยู่ต่อ ดาบยาวที่อยู่ช่วงเอวของเขาก็จะพาดอยู่บนลำคอของอีกฝ่ายอย่างไรอย่างนั้น
กลิ่นไอแห่งการเข่นฆ่าที่ประเดปะดังเข้ามาทำเอาซ่านเซิ่งหานตกใจจนต้องถอยหลังหนึ่งก้าว แต่เขายังคงกล่าวอย่างสงบตามเดิม “กู้อ้าวเวยเคยบอกข้า วินาทีนั้นที่ท่านถูกขนานนามว่าเทพเจ้าแห่งสงคราม เรื่องราวมากมายต่างไม่ทันได้ตั้งตัว ท่านเองก็น่าจะรู้ อิงท่าทีในปัจจุบันของจากเจียงเยี่ยนแคว้นซิน พวกเขาอาจบุกโจมตีเข้ามาเมื่อไรก็ได้”
“ต่อให้ไม่มีข้า พวกเจ้าก็เอาชนะได้” ซ่านจินจื๋อเตรียมนำคนเดินออกไปข้างนอก
“สิ่งที่พวกเราต้องการไม่ใช่ชัยชนะ ที่ต้องการคือความมั่นคง ที่นี่มีเพียงท่านที่สามารถทำจุดนี้ได้” ซ่านเซิ่งหานก้าวรุดไปข้างหน้าโดยตรงอีกครั้ง ยืนมั่นอยู่ต่อหน้าซ่านจินจื๋อ “กู้อ้าวเวยเฉลียวฉลาดมาก นางสามารถเปลี่ยนความเสี่ยงเป็นข้อต่อรองได้เสมอมา ท่านควรจะให้ความสำคัญกับสถานการณ์โดยรวมก่อน”
ทั้งสองประจันหน้ากัน กุ่ยเม่ยไม่ได้ต่อต้านในน้ำคำของซ่านเซิ่งหานเลย
หากว่ากู้อ้าวเวยอยู่ที่นี่ คงจะพูดในทำนองเดียวกันออกมา
แต่ซ่านจินจื๋อกับต่างออกไป เขาเคยเห็นท่าทีอันเปราะบางของกู้อ้าวเวยมาแล้ว และรู้ว่านางไม่อาจรับความเสี่ยงได้เหมือนเดิมอีกต่อไป นับประสาอะไรที่เขาจะไม่ยอมให้ตัวเองเห็นนางอยู่เพียงลำพังได้อีกต่อไป
“ข้าไม่ใช่กู้อ้าวเวย ข้ายิ่งไม่ต้องเชื่อฟังตามคำพูดของนางด้วย” เวลานี้ดาบยาวของซ่านจินจื๋อพาดขวางอยู่บนลำคอของซ่านเซิ่งหาน สายตาคมกริบปิดกั้นคำพูดและลมหายใจของซ่านเซิ่งหานเอาไว้ กระทั่งร่างกายยังเริ่มสั่นระริกขึ้นมา
“นางทำเพื่อสถานการณ์โดยรวมมากตั้งมากมาย วันนี้ก็ให้สถานการณ์โดยรวมหลีกทางเพื่อนางสักก้าวมันจะเป็นไรไป”
ครู่ต่อมา ดาบยาวในมือของซ่านจินจื๋อก็เก็บเข้าฝัก สาวเท้ายาว ๆ จากไป เดินปาดไหล่ผ่านข้างกายของซ่านเซิ่งหาน
ซ่านเซิ่งหานหยุดนิ่งอยู่กับที่ เขาไม่เคยเห็นท่านอามีท่าทีเช่นนี้มาก่อนเลย
นับประสาอะไร เขาคิดว่าซ่านจินจื๋อล้างความคิดของกู้อ้าวเวยไปแล้ว ยิ่งไม่เข้าใจไปใหญ่ว่าเหตุใดกู้อ้าวเวยถึงได้หลงรักผู้ชายเลือดเย็นขนาดนี้ได้ลง
ในเมื่อเขาไร้หนทางขัดขวางซ่านจินจื๋อ เช่นนั้นคงทำได้เพียงเรียกซ่านจวนฮ่าวมา และเริ่มวางแผนที่ร้ายที่สุดออกมา
แม้ว่าปากซ่านจินจื๋อจะกล่าวเช่นนั้น ทว่าในความเป็นจริงเขาเพียงนำองครักษ์ลับคนสนิทมาด้วยเพียงสองคนเท่านั้น ส่วนคนอื่น ๆ ล้วนทิ้งไว้ให้ซ่านเซิ่งหาน ตอนนี้ซ่านจวนฮ่าวดูเหมือนว่าจะไม่ได้มีความรู้สึกต่อกู้อ้าวเวยมากมายแล้ว เพียงแต่ทำตามคำสั่งขององค์ชายสามอย่างเย็นชาเท่านั้น
อย่างไรเสียช้าเร็วเขาก็ต้องได้ขึ้นสู่บัลลังก์ฮ่องเต้อยู่ดี
ท่ามกลางความสลัว องค์ชายไม่กี่พระองค์ดูเหมือนจะพัวพันกับกู้อ้าวเวย แต่คนที่ค่อนข้างมีความเกี่ยวข้องกับกู้อ้าวเวยมากหน่อยกลับเหลือเพียงแต่ซ่านจินจื๋อและซ่านเชียนหยวนทั้งสองคนนี้เท่านั้น
ซ่านจวนฮ่าวก็ดี ซ่านเซิ่งหานก็ดี เป็นเพียงแค่ทางผ่านของกู้อ้าวเวยเท่านั้นเอง
ผู้ใต้บัญชาของเยว่มองส่งซ่านจินจื๋อนำคนออกจากสถานที่นี้ได้ ก่อนก้าวเข้ามารายงานต่อซ่านเซิ่งหาน “อ๋องจิ้งออกไปแล้ว องค์ชายสามท่านไม่คิดจะบอกหน่อยหรือว่าได้ส่งคนไปปกป้องตั้งแต่ทีแรกแล้ว”
“เขายินดีไปก็ไปเถิด เพียงแต่เขาลอบมุ่งหน้าไปลับ ๆ ก็น่าจะไม่หวังให้คนอื่นรู้ว่าอ๋องจิ้งได้ออกไปแล้วนั่นเอง ส่งคนไปรักษาความลับ และยังคงให้เฉิงซานเข้าออกกระโจมของอ๋องจิ้งแบบปกติก็พอ”
ซ่านเซิ่งหานออกคำบัญชาโดยไม่เงยหน้า ทว่าเยว่ยังไม่ทันออกไป แต่มองเขาปราดหนึ่งอย่างกังวลใจแทน “องค์ชายสามท่าน…สบายดีหรือไม่”
“ทุกอย่างเรียบร้อยดี” ซ่านเซิ่งหานยกมือขึ้นปกปิดใบหน้าซีดเซียว พลางกล่าวเสียงต่ำ “วันหน้าไม่ต้องเอ่ยถึงเรื่องของกู้อ้าวเวยต่อหน้าข้าอีก นางไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับข้าแล้ว ทุกอย่างต้องทำตามหน้าที่”
“รับทราบ” เยว่พยักหน้า แต่กลับไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรกันแน่ที่ทำให้ซ่านเซิ่งหานปล่อยนางไป
ซ่านเซิ่งหานกลับรู้ตัวเองดี เป็นเพราะน้ำคำของซ่านจินจื๋อนั่นเอง
พวกเขาองค์ชายหลายพระองค์สามารถเติบโตมาจนถึงจุดนี้ในปัจจุบันได้ ถึงจะพูดว่ามีการดำรงอยู่ของกู้อ้าวเวย ทว่าสิ่งที่มากกว่านั้นคือพวกเขาตระหนักถึงเรื่องบางอย่าง และฝนคมเขี้ยวเพื่อจัดการกับสิ่งที่พวกเขาต้องการ
แต่ซ่านจินจื๋อกลับไม่เคยเปลี่ยนแปลง
บางทีอาจเพราะจุดนี้เอง พวกเขาสามพี่น้องถึงยังไม่ทันพบกับสตรีที่จะคอยอยู่เคียงข้างกันเสียที
ในเมื่อไม่ได้รับ เช่นนั้นก็ควรเรียนรู้การรามือ
ซ่านจินจื๋อก็เดาไม่ได้ว่ากู้อ้าวเวยจะไล่ตามหยุนหว่านจากที่ไหนกันแน่ วิธีที่ดีที่สุดก็คือรีบหาหยุนหว่านให้พบก่อนที่ตัวนางจะเกิดอันตราย ๆ ขึ้น เขารวมตัวกับคนของกุ่ยเม่ยซึ่งอยู่สถานที่ไกลจากนอกเมืองไปอีกยี่สิบลี้ ก่อนออกตามหาร่วมกัน
และในเวลานี้ กู้อ้าวเวยที่มาถึงชายแดนเอ่อตานเรียบร้อยแล้วแทบจะห่มหุ้มตัวเองด้วยชุดนักรบ เผยให้เห็นเพียงดวงตาหนึ่งคู่เท่านั้น ตอนที่เดินออกมาจากค่ายทหาร ด้านหลังยังมีหางว่าวขบวนใหญ่ตามมาด้วย “พระองค์ไม่ควรรุดหน้าไปเพียงลำพัง”
“ในเมื่อฮูหยินออกไปแล้ว อิงจากระยะทางแล้วไม่ถึงหนึ่งวันก็สามารถไล่ตามทัน สถานการณ์ด้านนอกตึงเครียด ต่อให้พวกเจ้าไปด้วยแล้วมันจะอย่างไรเล่า” กู้อ้าวเวยมองกลุ่มคนขวบหนึ่งที่อยู่ด้านหลังอย่างปวดเศียร โทษก็แต่ฐานะองค์หญิงที่มันสะดุดตาเกินไปนี่แหละ
และขณะนี้เอง พลทหารนอกประตูเมืองรีบร้อนควบม้าเข้ามา หยุดอยู่เบื้องหน้านายพลซึ่งอยู่ด้านหลังของกู้อ้าวเวย “นายพล โจรลักม้าด้านนอกจู่ ๆ ก็ออกอาละวาดขอรับ”
กู้อ้าวเวยผงะไปครู่หนึ่ง จากนั้นจึงพุ่งออกไป นายพลที่อยู่ด้านหลังจึงรีบกล่าว “รีบตามพระองค์ไปเร็วเข้า และนำทหารไปจัดการพวกโจรลักม้านั่นให้หมดด้วย”