บุบผาร้อยเสน่ห์ – ตอนที่ 572

ตอนที่ 572

บทที่ 572 ความกรุณาและความรับผิดชอบ

นั่งอยู่ในรถม้า มุ่งหน้าไปเพื่อรายงานเรื่องเกี่ยวกับซูพ่านเอ๋อ  

เห็นซ่านจินจื๋อจ้องมองตนเองอย่างไม่ละสายตา กู้อ้าวเวยเริ่มชักสีหน้าอย่างทนไม่ไหว “ทำไมจ้องมองข้าแบบนี้”

“เจ้าต้องการจะไปจัดการกับความเละเทะของตำบลเหยสุ่ยจริงหรือ”

“รับปากไว้แล้วก็ต้องทำให้ได้” กู้อ้าวเวยพยักหน้า เป็นการยากนักที่จะเห็นซ่านจินจื๋อทำสีหน้าเฉยเมยอย่างที่เคยเป็น มองเขาอย่างตึงเครียดเช่นกัน “ตรงกันข้ามพี่ชายของเจ้าให้เจ้าสะสางความเละเทะยุ่งเหยิงนี้ เจ้าก็ควรจะรู้ต้องทำอย่างไรจึงจะไม่ทิ้งร่องรอยไว้…”

ซ่านจินจื๋อจ้องมองขัดจังหวะคำพูดอีกสี่คำของนาง – ตัดรากถอนโคน

บางทีซ่านจินจื๋ออาจจะไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้จริง ๆ แต่กู้อ้าวเวยกลับรู้วิธีแก้ปัญหาความยุ่งเหยิงนี้  

ตำบลเหยสุ่ยเป็นสถานที่ไม่มีกฎของกษัตริย์ และยังเป็นสถานที่ซึ่งฮ่องเต้ใช้ฝึกคนเป็นการส่วนตัว ตอนนี้พวกตระกูลหยุนที่อยู่ด้านนอกเดินทางไปได้เจ็ดสิบแปดสิบเปอร์เซ็นต์ ไม่มีใครสามารถรับประกันได้ว่าคนของตำบลเหยสุ่ยจะต่อสู้ได้อีกหรือไม่หลังจากหยุนหว่านจากไป ดังนั้น นี่อาจจะเป็นเพราะไฟเผาไหม้แล้วล่ะ”

กู้อ้าวเวยต้องการที่จะจัดการกับเรื่องราวและผู้คนที่นี่ และก็ดูจะลำบากอยู่ไม่น้อย

“พวกเขาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเจ้า อย่าคิดเข้าไปยุ่งเรื่องไม่ควรยุ่งเลย” น้ำเสียงของซ่านจินจื๋อมีความโกรธเล็กน้อย

“เจ้าทำให้ข้าต้องอึดอัดที่ต้องพาพวกทหารไปตาย แม้ว่าพวกเขาจะเป็นทรชน แต่มันก็คือชีวิตคนชีวิตหนึ่ง ข้าฆ่าคนที่สมควรถูกฆ่า หากไม่สมควรฆ่า ข้าก็ไม่ยอมให้เจ้าลงมือ”

กู้อ้าวเวยยกคางขึ้นเล็กน้อย ตาทั้งสองคู่สบตากัน เปลวไฟก็ลุกโชนทันที

ความคิดเห็นแปลกแยกกันอีกครั้ง มันอาจจะเป็นมาตั้งแต่ต้น พวกเขาสองคนมีพื้นฐานที่แตกต่างกัน  

ผู้ชายคนนี้มีวิสัยทัศน์ยาวไกล หากนับชีวิตเป็นตัวเลข บางทีซูพ่านเอ๋ออาจจะทำอะไรผิดพลาดในเวลานี้ หากแต่เขายังไม่ใช่คนที่มองเห็นชีวิตคนเป็นผักเป็นหญ้า และไม่ฆ่าพลเรือนคนสามัญ จะฆ่าคนแต่ในสนามรบและลงโทษอาชญากรเท่านั้น  

และภายใต้สายตาอันเฉียบแหลมของผู้หญิงอย่างกู้อ้าวเวย มีคนที่ฆ่าได้ มีคนที่ไม่ควรฆ่า ไม่สามารถคำนวณออกมาเป็นตัวเลขได้ นางยิ่งไม่เกรงกลัวว่าจะมีวันเวลาที่ยาวนาน แต่กลัวการฆ่าคนโดยไม่ได้ตั้งใจจะฆ่า  

“อย่างนั้นหากว่าตอนนี้มีเมืองหนึ่งล้วนเต็มไปด้วยคนบ้า ข้าไม่ต้องฆ่าล้างเมืองหรือ” ซ่านจินจื๋อพูดขึ้นอย่างทันทีทันใด ด้วยสีหน้าท่าทางเย็นชา

“หากเจ็บป่วย ก็รักษา หากบ้าคลั่งกระหายเลือด ก็สังหาร” กู้อ้าวเวยพูดพลางยกคิ้วขึ้นเบาๆ

“ตำบลเหยสุ่ยล้วนมีแต่คนถูกเนรเทศจำนวนมากมาย”  

“พวกคนถูกเนรเทศทำอะไรได้มากกว่าที่เจ้าคิด” กู้อ้าวเวยบอกเขา “ที่อยู่ในมือเจ้า พวกอาชญากรที่ถูกเนรเทศอาจกลายเป็นทหารหน่วยกล้าตาย อาจถูกคนอื่นใช้ประโยชน์จากความหยิ่งผยอง แต่หากส่งเขาไปสู่ปรโลกโดยตรง กระดูกและเนื้อที่อยู่บนโลก ก็จะเป็นสิ่งที่เจ้าไม่สามารถชำระล้างไปได้ตลอดชีวิต”

ซ่านจินจื๋อถึงกับนิ่งผงะไปชั่วขณะ ยังไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองใด ๆ กู้อ้าวเวยได้เดินมาอยู่ด้านข้างของเขาแล้ว นั่งลงบนตักของเขา วางมือทั้งสองข้างบนใบหน้าของเขา มองเขาด้วยสายตาจริงจัง “ซูพ่านเอ๋อสอนให้เจ้ากระหายที่จะเข่นฆ่า แต่ข้ากลับจะสอนให้เจ้าอยู่กับความอดทน เพื่อทำประโยชน์ให้ดีที่สุด”

รถม้ากระแทก ชายคนนั้นเอื้อมมือออกไปเพื่อคว้านางมาไว้ในอ้อมแขน

“เจ้าต้องการให้ข้าใช้ประโยชน์จากพวกเขา เช่นเดียวกับในตอนนั้นที่เจ้านำพวกทาสนั่นกลับมาด้วย”  

“ใช่ ข้าเคยบอกไปแล้วว่าข้าไม่ใช่คนดีอะไร มันไม่เกี่ยวกับการช่วยชีวิตผู้คน ข้ามีความปีติยินดีที่ได้ช่วยชีวิตผู้คนที่มีประโยชน์ หากช่วยพวกขี้แพ้ก็จะรู้สึกเป็นความอัปยศ” กู้อ้าวเวยผ่อนความแข็งแกร่งของนางลง ใช้สายตาจ้องมองในดวงตาเขาอย่างละเอียด รวมถึงขนตา แล้วพูดต่อไป “พวกหมอเรียนวิชาการแพทย์ก็เพื่อช่วยคน เพื่อคำว่าความรับผิดชอบ ไม่ใช่เพื่อความเมตตากรุณา”

“เจ้าทำเพื่อข้าใช่ไหม” ซ่านจินจื๋อลูบเอวของนาง  

“คิดมากแล้ว เป็นแค่การใช้นำมาใช้ใหม่ให้เกิดประโยชน์” กู้อ้าวเวยยกมือขึ้นตบแก้มเขา “เมื่อถึงเวลาที่อยู่ต่อหน้าของซูพ่านเอ๋อ อย่าได้เผยธาตุแท้ เพียงแต่เจ้าแค่แสดงว่าปฏิบัติต่อข้าดีมากขึ้นก็ได้แล้ว”

ไม่ว่ากู้อ้าวเวยจะพูดอะไรในเวลานี้ ซ่านจินจื๋อได้แต่พยักหน้าเห็นด้วย  

ตลอดเส้นทางนี้ทั้งสองคนก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ราวกับได้ย้อนกลับไปยังวันที่สงบสุขเมื่อก่อนหน้า นอกจากการทะเลาะวิวาทกันเป็นครั้งคราว ทุกอย่างก็เป็นเหมือนเช่นปกติ

……

ด้านของซูพ่านเอ๋อที่ถูกขังอยู่ในจวนกลางเมือง กลับเต็มไปด้วยความทุกข์  

ในที่สุดนางก็บอกเรื่องของหยุนหว่านให้กับกู้เฉิง ต่อมาก็ได้เซียวไห่ช่วยเหลือพาตัวออกมา แต่กลับไม่คาดคิดว่ามาถึงที่นี่ แต่กลับต้องมาถูกจับตัวจนถึงตอนนี้ เซียวไห่ไม่มีข่าวคราวใด จดหมายที่ให้คนเอาไปส่งให้กับซ่านจินจื๋อก็หายต๋อมเหมือนหินหล่นไปในทะเล

ทุกวันนี้นางผอมลงเรื่อยทุกวัน แต่เพื่อจะรักษาท่าทีเอาไว้ จึงยังคงทำตัววางท่ากับคนรับใช้ในจวน  

หลังจากนั้นไม่กี่วัน ก็ถูกสาวใช้คนหนึ่งหงุดหงิดรำคาญใส่นำถ้วยเปล่าเขวี้ยงไปตรงหน้านาง “ไม่กินก็ไม่ต้องกิน! เจ้าคิดว่าตัวเองยังเป็นพระชายาจิ้งงั้นเหรอ! ไร้อำนาจไร้อิทธิพล!”

“ข้ายังเป็นพระชายาจิ้ง รอให้ท่านพี่จื๋อมาก่อน เจ้าเจอดีแน่!”

ซูพ่านเอ๋อลุกขึ้นยืน เอาชิ้นส่วนชามที่แตกโยนออกไปทีละชิ้น ทันใดนั้นมือของนางก็เต็มไปด้วยเลือด

สาวใช้ที่ถูกเศษเหล่านั้นลอยมาโดนตัว ร้องตกใจและวิ่งไปด้านนอก พลางด่าทอสาปแช่งสั่งให้คนใช้ปิดประตู 

และซูพ่านเอ๋อไม่ได้สนใจต่อบาดแผลที่มือของนาง ถึงกับหยิกไว้แน่น หวังเพียงเมื่อซ่านจินจื๋อมาถึงจะได้เห็นความเจ็บทรมานของนาง

ไม่ต้องพูดถึง สถานการณ์ที่แปลกในตอนนี้ นางยังคงกังวลใจเกี่ยวกับเรื่ององค์ชายสามและองค์ชายหกที่ฟื้นคืนชีพอย่างน่าประหลาดมาจับมือกับซ่านจินจื๋อช่วยกันแก้ปัญหา หากเป็นเรื่องจริง การกลับมาของนางก็ดูจะไม่มีความเป็นไปได้เลย

แต่นางกลับไม่รู้ว่าจะต้องอยู่ที่นี่ไปอีกนานแค่ไหน  

ผ่านไปครู่หนึ่ง ประตูก็ถูกเปิดออกอีกครั้ง แม่ทัพน้อยที่จับนางมาขังไว้ที่นี่ได้นำเสื้อผ้าที่สวยงามมาให้นาง อีกทั้งยังส่งคนมารักษานางด้วย เปลี่ยนอาหารที่ดีให้ พูดอย่างเมตตา “เป็นเพราะข้าน้อยมีตาแต่หามีแววไม่ วันพรุ่งนี้อ๋องจิ้งจะมาแล้ว ขอพระชายาจิ้งได้โปรดพักผ่อนเถอะ”

ซูพ่านเอ๋อพยักหน้าพร้อมกับเลิกคิ้ว แสดงสีหน้ายอมรับ กลับคิดเอาไว้แล้วในใจ เมื่อถึงเวลาจะฟ้องท่านพี่จื๋อ จากนั้นก็จะสั่งสอนบทเรียนให้กับคนรับใช้พวกนี้

วันรุ่งขึ้นแต่งเนื้อแต่งตัวเรียบร้อย ซูพ่านเอ๋อไม่ได้เดินก้าวออกไปจากจวน ได้แต่ยืนรออยู่ที่ประตู 

รถม้าค่อยค่อยหยุกลงตรงหน้าประตู ปกติแล้วซูพ่านเอ๋อจะไม่ได้เห็นม้าสีดำที่ดูสง่าแบบนี้ กลับเห็นกู้อ้าวเวยกระโดดลงมาจากรถม้า เมื่อมองเห็นนางก็ได้แต่ยิ้มเล็กน้อย “ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะกลับมาแคว้นชางหลานด้วยหรือ”

ใบหน้าของซูพ่านเอ๋อถึงกับชาไปเล็กน้อย แต่เมื่อนึกถึงข้อตกลงก่อนหน้านี้ของนางกับตนเอง ก็ต้องระงับความโกรธเอาไว้ “ท่านพี่จื๋อล่ะ”  

“คงจะอยู่ข้างหลัง ข้าเพียงแต่มาก่อน เพื่อมาหาซื้อหนังสือและวัตถุดิบตัวยา” กู้อ้าวเวยยิ้มเบาๆ ไม่ลังเลที่จะโบกมือลา นางกำลังคิดถึงห้วงเวลาที่จะอ่านหนังสือและจัดเตรียมวัตถุดิบตัวยาจริง ๆ

“องค์หญิง ขอได้โปรดให้มีคนติดตามสักสองสามคน” เฉิงซานพูดอย่างยุงๆ และยังจัดคนให้ติดตามไปสองสามคน  

ซูพ่านเอ๋อเห็นเฉิงซานตามตามอยู่ด้านหลังของกู้อ้าวเวย นางยิ่งพูดขึ้น “เฉิงซาน ตอนนี้เจ้าไม่ทำงานให้ท่านพี่จื๋อแล้วหรือ จะมาตามหลังองค์หญิงต่างด้าวนี่ทำไม”

เฉิงซานนำคำพูดที่เตรียมไว้ก่อนหน้าพูดออกไป “ฮ๋องเต้ให้นำตารางงานขององค์หญิงมามอบให้องค์ชายจัดการ และเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ด้วย จึงต้องส่งให้ข้าตามไปดู”

ซูพ่านเอ๋อเริ่มมีสีหน้าเปลี่ยนไป แค่คิดอยากจะต่อว่าออกไปสักสองสามคำ แต่เมื่อเห็นซ่านจริงจื๋ฮกำลังเดินมา ความโกรธบนใบหน้าจึงคลายลงทันที พูดออกไปด้วยรอยยิ้ม “ท่านพี่จื๋อ!”

แต่ซ่านจินจื๋อกลับมาหยุดตรงหน้ากู้อ้าวเวย

บุบผาร้อยเสน่ห์

บุบผาร้อยเสน่ห์

Status: Ongoing

ฟิ้ววว นางข้ามพภแล้ว!!!แพทย์โดดเด่นทันสมัยกู้อ้าวเวยข้ามภพกลายเป็นลูกสาวคนโตของเฉิงเสี้ยง อยากฆ่าข้าหรือ?มีดผ่าตัดของข้าสามารถทำให้เจ้าพิการทั้งตัวเลยนะ เปิดร้านยา ช่วยชาวบ้าน ถึงจะเป็นฮ่องเต้ก็อยากมาคบหาข้า นี่ท่านอ๋องชายเลว เจ้ากำลังแกล้งข้าอยู่รึ?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท