บทที่ 597 กังวลใจ
“ข้าไม่มีอะไรจะรายงาน แผนการปกติดี นอกเสียจากแผนของท่าน ไม่ใช่ว่าท่านได้ยินมาหมดแล้วงั้นรึ?”
กู้อ้าวเวยขมวดคิ้วถามกลับพลางทอดสายตาไปยังตำหนักกู่เซิงด้านหน้า ท่อนแขนข้างเอวยกกระชับขึ้นราวกับไม่กลัวถูกคนเห็น
“ปกติก่อนหน้านี้มักจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับท่านอาสอง” เขาจงใจจิกกัดท่านอาสอง ซ่านจินจื๋อรอให้นางจากไปจนไม่แทบไม่ไหวจึงพูดโพล่งถามเอาคำตอบ
“ท่านอาสองคำนี้ เดิมที่ข้าควรใช้เรียกขานท่าน แต่วันนี้ข้ากับองค์ชายสามเกี่ยวดองเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว จะให้ข้าเรียกว่าท่านอาคงผิดไปแล้วกระมัง?” กู้อ้าวเวยเผยรอยยิ้มมุมปาก มือทั้งสองข้างตบลงที่ไหล่ของเขา “ไม่ว่าท่านเลือกที่จะเชื่อข้าหรือไม่ เพียงแค่ท่านต้องเชื่อมั่น เมื่อถึงเวลานั้นข้าก็คงได้ไปจากกู่เซิงเสียที ทีนี้ชิงจือก็ฝากฝังให้ท่านดูแลแล้ว”
“นี่ก็นับเป็นการลงโทษอย่างนั้นหรือ?” ซ่านจินจื๋อย่นคิ้ว ในขณะที่กู้อ้าวเวยเองก็อาจหาญก้มลงมาประทับรอยจูบแผ่วเบาบนหน้าของเขาเช่นกัน จนเจ้าตัวไม่รู้จะอย่างไรจึงได้แต่ปล่อยไปให้เลยตามเลยไป “นั่นซู่พ่านเอ๋อ…..”
“ในตอนที่จะออกเดินทาง ข้าไปเองได้แท้ ๆ แต่กลับต้องไปพึ่งพาสองขาของท่าน” กู้อ้าวเวยมองลงมาด้วยแววเย็นยะเยือก แม้ว่าจะเป็นการกระทำของซ่านจินจื๋อแต่ก็รู้สึกแปลกประหลาดอยู่ไม่น้อย “เดิมทีชิงต้ายก็ไม่ได้ละเอียดลอออะไรนัก….”
“ข้ารู้” ซ่านจินจื๋อลูบด้านหลังศีรษะของนาง ปล่อยให้นางเงียบงันภายใต้อ้อมแขนของเขาแล้วกล่าวเสียงต่ำลง “เรื่องนี้ยังไม่จำเป็นต้องให้เจ้าลงมือด้วยตนเอง รอข้ากลับมาก่อน แล้วเจ้าจะได้เห็นสิ่งที่เจ้าต้องการ”
แม้ว่าแผงอกของชายหนุ่มจะทำให้รู้สึกสงบลงบ้าง แต่กู้อ้าวเวยกลับส่ายหัวอย่างดื้อดึง ผละตัวเองเดินออกมาจากอ้อมกอดของชายหนุ่ม แล้วหันกลับไปหาชายหนุ่มด้วยสายตาขบขัน “นอกเสียจากเรื่องของชิงต้าย ยังมีเรื่องของท่านอีก ลงโทษเพียงเท่านี้ไม่เท่าไหร่หรอก”
“งั้นก็ดี รอเจ้ากลับมาแล้วค่อยลงโทษข้าคนนี้ยังไงก็ได้ ” แท้จริงแล้วในใจของซ่านจินจื๋อเองก็รู้สึกต่อเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน
หากปีนั้นเขาลงมือฆ่าชิงต้ายละก็ เหตุผลส่วนหนึ่งคงเพราะชีวิตเบื้องหลังของชิงต้ายนั้นต่างออกไป และที่เป็นสาเหตุใหญ่ไปกว่านั้นคือการพายเรือตามน้ำของซูพ่านเอ๋อ หากไม่เป็นเช่นนี้ เดิมทีเขาเองก็คงไม่ถึงกับทรมานชิงต้ายเช่นนั้น
เรื่องราวต่าง ๆ ในปีนั้น อย่างไรเสียมันก็คงเป็นอย่างนั้นอยู่ดี มิอาจกล่าวโทษว่าเป็นความผิดของแค่ซูพ่านเอ๋อคนเดียว
กู้อ้าวเวยหันกลับแล้วเยื้องย่างไปยังตำหนักกู่เซิง พลันมองไปที่กู่เซิงที่หล่อนรีบอยู่ภายใต้เชิงชายก่อนแล้ว นางกุมมือแน่นอย่างกระวนกระวายใจ ไม่วายยังถอยหลังไปอีกก้าว ทอดสายตาไปยังซ่านจินจื๋อที่ยังทิ้งห่างออกไปได้ไม่ไกลนัก
บางที ในภายภาคหน้าซ่านจินจื๋ออาจจะต้องมาบ่นพึมพำที่ด้านหน้าหลุมฝังศพของนาง
คิดได้เช่นนี้แล้ว นางยกมือขึ้นปาดไปที่ดวงตาอันสั่นเทาของเขา “การลงโทษที่ท่านมอบให้ข้า เมื่อวันข้างหน้ามาถึงท่านจะมาเอาคืนข้าไม่ได้นะ”
“ไปกันเถอะ” ซ่านจินจื๋อผายมือเชื้อเชิญ การกระทำที่เขาทำต่อนางนั้นช่างไร้มารยาทเสียจริง
แววตากลอกไปมาในขณะที่ห่างออกไป กู้อ้าวเวยในสายตาของเขาได้ก้าวเข้าไปสู่ตำหนักของกู่เซิงแล้ว หัวใจดวงนี้เต้นผิดจังหวะโดยไร้เหตุผล
ดูเหมือนว่าจะมีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้น…..
กู้อ้าวเวยพักแรมอยู่ที่ตำหนักของกู่เซิงแทบจะทั้งคืน ในระหว่างที่พูดคุยถึงเรื่องต่าง ๆ ไปไม่น้อย กู่เซิงตัดสินใจเป็นมั่นเป็นเหมาะแล้วว่าจะกลับเมืองช่วงที่ออกจากพระราชวังในวันถัดไป ในเมื่อให้เวลาท่านซูตัดสินใจไม่ถึงวัน นางจึงได้แต่ใช้พลังทั้งหมดของตัวเองอย่างสุดความสามารถเพื่อบอกสิ่งต่าง ๆ แก่ท่านซู
นอนไม่หลับตลอดทั้งคืน หย่อนกายาไปพักหนึ่งรอกระทั่งฟากฟ้าแจ่มกระจ่าง กลางใจของกู้อ้าวเวยยังคงเจ็บแปลบขึ้นมาอย่างไม่อาจควบคุมได้ ทานยาเม็ดลงไปจำนวนมากแล้วจึงฝืนผลัดอาภรณ์ ยามที่ออกมายังเผชิญหน้ากับกู่เซิงที่หมายขอตัวลาพอดี “อรุณสวัสดิ์”
“หมกตัวอยู่ใต้ชายคาแบบไร้ซึ่งการป้องกันใด ๆ เยี่ยงนี้ ข้ายังกังวลใจแทนคนรักของท่านจริง ๆ เลย” กู่เซิงหิ้วกล่องไม้มาพลางส่ายหน้า ในขณะเดียวกันก็เจือความจริงใจที่กู่เซิงมีต่อชางหลาน ทำเพื่อรวมเจียงเยี่ยนเป็นปึกแผ่นอีกครั้ง เขาย่อมเต็มอกเต็มใจก้มหน้าเป็นเมืองขึ้นต่อชางหลานและเอ่อตานอยู่แล้ว ขอเพียงสถานการณ์สันติภาพแค่ยี่สิบปีเท่านั้น
ทว่าซ่านต้วนโฉงรับปากให้ความช่วยเหลือหรือไม่ ก็คงขึ้นอยู่กับวาทศิลป์ในการพูดของกู่เซิงเสียแล้ว
กู้อ้าวเวยแน่นิ่งก่อนเป็นอันดับแรก สิ่งที่คิดในสมองกลับเป็นกฎเกณฑ์ต่าง ๆ นานาภายในกล่องไม้นั่น รอกระทั่งกู่เซิงเดินไปไกลแล้วจึงนวดเรียวคิ้ว พลางถามย้ำกับสาวใช้ที่อยู่ข้างประตู “เมื่อวานชิงจือนอนกับอ๋องจิ้งหรอกหรือ?”
“เจ้าค่ะ อ๋องจิ้งเป็นคนอาบน้ำชำระกายให้ท่านอ๋องน้อยด้วยตัวเองในตอนเช้า ตอนนี้บอกว่าจะไปคอกม้าเพื่อเลือกสรรลูกอาชา วันหน้าจะมอบให้เป็นพาหนะแก่ท่านอ๋องน้อยเจ้าค่ะ” สาวใช้พยักหน้าอย่างจริงจัง ก่อนยกมือขึ้นจัดแจงอาภรณ์ให้นาง “บ่าวเป็นคนที่อ๋องจิ้งส่งมา ภายในบ้านพักภูเขานี้หากมีคำบัญชาใด ๆ ให้เรียกข้าได้เลยนะเจ้าคะ”
กู้อ้าวเวยทำเพียงพยักหน้าสองสามหน พลางหาวอย่างเกียจคร้านหนึ่งที “เตรียมรถม้า ข้าจะเข้าไปตอนนี้ บางทีอาจจะร่วมทานมื้อเที่ยงด้วยเลย”
“เจ้าค่ะ” สาวใช้รีบกำชับคนให้ไปตระเตรียม
โรงม้าอยู่ไม่ไกลนัก แต่นางนั่งรถม้ากลับไม่อาจควบปุเลง ๆ ได้มากเกินไปนัก และยิ่งต้องเจาะเลือดออกเล็กน้อยบนรถม้า อ่านตำราแพทย์ ซึ่งก็เพียงพอแล้วสำหรับเช้าวันหนึ่ง
แต่น่าเสียดายที่ยังไม่ทันถึงโรงม้า กลับถูกลูกดอกหนึ่งอันแหวกม่านรถม้าเข้ามา ร่วงอยู่ข้างมือของกู้อ้าวเวยอย่างจัง ทำเอานางตกใจตัวสั่นเทิ้ม ทว่ายามที่มองเห็นคนด้านนอกชัดเจนแล้ว กลับเยือกเย็นลง “หยุดรถ”
คนขับเกวียนหยุดรถลงอย่างว่าง่าย กู้อ้าวเวยรีบร้อนวางข้าวของพลางกระโดดลงจากรถม้า เห็นซ่านต้วยเฟิงควบบนหลังม้ากำลังมุ่งหน้าเข้ามาทางนี้ เห็นนางแล้วก็ไม่ยอมลงจากม้า ทำเพียงประสานมือคารวะน้อย ๆ และกล่าวอย่างเฉยเมย “ขออภัย”
“ท่านเกือบจะทำร้ายข้าเสียแล้ว แค่คำขอโทษกระจ้อยร้อยคงไม่อาจลบล้าง” กู้อ้าวเวยช้อนสายตาขึ้นอย่างเกียจคร้าน ยกหนังสือในมือขึ้น ค่อย ๆ โปรยลงบนหัวม้าซึ่งอยู่ใต้อาณัติของเขา “ม้าตัวนี้อาจนำมาเป็นของขวัญแทนคำขอโทษได้”
ซ่านต้วยเฟิงหัวเราะเย็นชา คนรับใช้ด้านหลังปริปากเอ่ย “พระองค์หญิง นี่คือวายุนิลที่องค์ชายรักมากที่สุด ไหนเลยจะยกให้กันได้ง่าย ๆ ”
“เช่นนั้นข้าในฐานะองค์หญิงเอ่อตาน ก็เป็นคนที่พวกเจ้าอยากจะข่มขู่ก็ข่มขู่ได้ง่าย ๆ เชียวหรือ?” กู้อ้าวเวยริบหนังสือในมือกลับคืน เดินดุ่ม ๆ ตรงไปที่ข้างกายของซ่านต้วยเฟิง พลางกระดิกนิ้วให้เขา “พูดมา อย่าลืมว่าข้ากับซู๋ฮองเฮาเคยเป็นถึงสหายกัน อย่าได้ปฏิบัติต่อข้าเฉกเช่นอาสะใภ้ของท่านจริง ๆ เชียว”
ถ้อยคำนี้กล่าวได้อย่างกำกวม ผู้ที่ไม่รู้อาจจะคิดว่านางมีความสัมพันธ์ที่ดีกับฮองเฮาจริง ๆ
ทว่าซ่านต้วยเฟิงย่อมรู้อยู่แล้ว กู้อ้าวเวยคนนี้เคยใช้ยาอมตะหลอกใช้ฮองเฮา ทำให้นางต้องปกป้องนางไปไม่น้อยเลย ตอนที่อ๋องจิ้งเอาแต่คิดจะฆ่านางให้ตายในแต่ะละวันนั้น ก็ได้ฮองเฮาและฮ่องเต้คอยรักษาความปลอดภัยให้นาง ทว่าท้ายที่สุด นางกลับไม่เคยทำอะไรเพื่อฮองเฮาเลยแม้แต่อย่างเดียว
“ผู้ที่วาจาไร้สัจจะ ไยต้องขอโทษต่อท่านด้วย?” ซ่านต้วยเฟิงรั้งบังเหียนเอาไว้ แต่กลับจับข้อมือของนางด้วย “นังปีศาจอย่างท่าน หากมีฝีมือแย่งวายุนิลของข้าไปได้จริง ๆ ไยต้องเอ่ยปากร้องขอด้วย”
“สูตรยาอมตะสูญหายพร้อมกับไฟภูเขานั่นไปแล้ว ต่อให้ข้าอยากมอบให้ก็ไร้หนทาง” สีหน้าของกู้อ้าวเวยยังคงดูเกียจคร้านตามเดิม ทว่าช่วงที่ไม่ทันตั้งตัว มือของนางพลันออกแรงเต็มเหนี่ยว จนสามารถลากซ่านต้วยเฟิงลงมาจากหลังม้าได้อย่างง่ายดาย และพลิกตัวขึ้นบนหลังม้าท่ามกลางเสียงร้องอุทานของฝูงชน ก่อนมองไปที่เขาอย่างเนือย ๆ ตามเคย “นิสัยไม่พึงประสงค์นี้ของท่าน ควรจะเปลี่ยนได้แล้วนะ”
น้ำเสียงสิ้นสุด นางพลันสะบัดบังเหียนเต็มแรง ควบม้าวายุนิลตัวนี้ตะบึงหน้าไป
ซ่านต้วยเฟิงตะกายขึ้นมาจากพื้นด้วยเรือนร่างซวนเซ คนรับใช้ที่อยู่ข้าง ๆ อดเอ่ยคำไม่ได้ “ฮองเฮาหวังว่าท่านจะไม่ยั่วโมโหนาง เหตุใดองค์ชายถึงไม่ฟังเลย”
“จะให้ข้ากลัวผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งเชียวหรือ” ซ่านต้วยเฟิงปล่อยให้คนข้างกายปัดเศษฝุ่นบนเรือนร่างออก ดวงตาสองข้างแดงก่ำ “หญิงใจง่ายที่เหยียบเรือสองแคมคนนี้ จะทำอะไรได้ ฆ่าทิ้งไปเลยก็สิ้นเรื่อง”
คนรับใช้ด้านข้างกลับเอ่ยเสียงแผ่ว “หากนางตายไป ชีวิตนี้ก็น่าจะแบกอยู่บนกายของท่าน แต่หากว่า…”
“หากว่าอะไร” สายตาซ่านต้วยเฟิงวาววับ
“หากว่าให้นางทำประโยชน์แก่ท่าน มันคงจะดีไม่น้อยเลยทีเดียว” คนรับใช้ก้มหัวงุด บนหน้ากลับเจือรอยยิ้มบ้าคลั่ง สีหน้าของซ่านต้วยเฟิงก็เปลี่ยนไปด้วย ท้ายที่สุดก็หัวเราะออกมา “เอาเถิด กลับตำหนักกัน ถือเสียว่าวันนี้ข้ามอบอาชาล้ำค่าเป็นของกำนัลแก่องค์หญิงเอ่อตานสักตัวแล้วกัน”