บทที่ 612 กลัว
“เจ้าสิ้นหวังแล้ว” กุ่ยเม่ยกลอกตาขึ้น
“ที่ข้าพูดนี่แหละคือความจริง เจ้าคงลืมไปแล้วสินะว่าเขาเคยเป็นอย่างไร” กู้อ้าวเวยยังคงจำได้ ตั้งแต่ตอนที่ตัวเองแต่งงานใหม่ๆในคืนนั้นสิ่งที่เห็นทั้งหมด และได้ยินคนพูดลือกัน
กุ่ยเม่ยไม่ได้โต้ตอบใดๆ
“แต่ว่าครานี้ตรงชายแดนยังคงไม่แน่ไม่นอน เจ้ายังจะไปไหนมาไหนอีกหรือ?” เจิ้งฉิงคุนปรบมือแป๊ะๆ: “ระหว่างทางองค์ชายสี่ขอให้พวกเราเดินอ้อมไปทางเขา จู่ๆตรงนั้นก็เกิดไฟไหม้ขึ้นมากะทันหัน ถูกเผาไปเป็นครึ่ง องค์ชายสี่รีบนำคนไปดับไฟ ยังพูดอีกว่าที่ตรงนั้นเรียกว่า……เหยสุ่ย?”
ขมวดคิ้ว กู้อ้าวเวยเก็บความสงสัยไว้ในใจ ไม่ได้พูดต่อใดๆ
ในเมื่อซ่านเชียนหยวนรู้เรื่องเกี่ยวกับตำบลเหยสุ่ย ถ้าอย่างนั้นก็หมายความว่า ซ่านจินจื๋อและซ่านเชียนหยวนทั้งสองน่าจะรู้เรื่องอะไรสักอย่าง และในเวลาเดียวกัน ซ่านจินจื๋อคิดจะระดมพลคนในตำบลเหยสุ่ย แต่กลับถูกจับได้
จากที่ดูซ่านต้วนเฟิงมา คนที่เจอคนตำบลเห่ยสุ่ย ก็น่าจะมีแค่ซู๋ฮองเฮา
ทันใดนั้นก็เงยหน้าขึ้น กู้อ้าวเงยสะบัดมือไปมา: “เขียนจดหมายไปตามที่ที่ท่านอ๋องได้กล่าวไป ทำตามคำสั่งการของท่านอ๋องทั้งหมด หากใครไม่ทำตาม ให้ลงโทษทั้งตระกูล และจะไม่อ่อนข้อให้เด็ดขาด มีของบำนาญให้ ไม่รู้สึกเสียเปรียบแน่นอน ซ่อนตัวเองอย่าให้ใครพบเจอ”
“พวกเขาต้องการลายมือที่เจ้าเขียนเท่านั้น” กุ่ยเม่ยยัดอาหารแห้งในมือให้กับนาง
“หนาวเกินไปแล้ว” กู้อ้าวเวยหดตัวเข้าไปยังข้างใน
ตกอยู่ในความเงียบ กุ่ยเม่ยยังคงกลับไปยังที่รถม้า และทำตามที่กู้อ้าวเวยสั่ง
พักผ่อนหนึ่งคืน รถม้าทั้งสองวิ่งสวนทางกัน เจิ้งฉิงคุนตอนเดินไปใกล้ๆเรียกชื่อทหารบางส่วนเฝ้าไว้ และช่วยกันออกแรง
รถม้าค่อยๆขยับ กุ่ยเม่ยอดไม่ได้พูดขึ้นมา: โลกกลมจัง ไปที่ไหนก็เจอแต่คนที่รู้จัก”
“งั้นรึ?” กู้อ้าวเวยที่นอนอยู่ด้านใน ตัวอักษรบนตำราดูไม่เข้าใจสักอย่าง: “ข้าพักสักหน่อย ถึงแล้วเรียกข้าด้วย”
ไม่รู้ว่าเพราะอะไร กู้อ้าวเวยยิ่งอยู่เหมือนยิ่งง่วง เมื่อก่อนนางยังเคยใส่ชุดสบายๆเดินไปทั่ว แต่ในวันนี้ขนาดในฝันนางยังสวมผ้าเรียบร้อย
กุ่ยเม่ยขมวดคิ้ว “นี้ไม่ใช่สัญญาณที่ดี ”
เวลาผ่านไปสองวันในการเดินทาง ในที่สุดก็กลับเข้าเมืองก่อนสองกะ ซ่านเชียนหยวนรีบสวมชุดคลุมออกมา เห็นทั้งสองปลอดภัยถึงได้โล่งใจ: “ท่านอายังสั่งให้ไประดมพลทหารสุดท้ายมาเพิ่ม ข้านึกว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับเจ้าเสียแล้ว……” 。
“เขาไม่ได้บอกอะไรเจ้าหรือ?” กู้อ้าวเวยจัดผมของตัวเอง และเดินตามซ่านเชียนหยวนไปลานกว้างใกล้ๆ
“ไม่หนิ เขาแค่พูดเรื่องผลกระทบของที่นั่น แต่คิดไม่ถึงว่าจะมีคนคิดที่จะทำลายที่นั่น” ซ่านเชียนหยวนไม่ได้พูดชัดเจนอะไรนัก แต่แค่อยู่ตรงหน้าประตูที่กำลังจะปิดลงยกมือขึ้นมาทำท่าให้เงียบๆใส่
มองไปทางกุ่ยเม่ยที่อยู่ข้างๆกำแพงชั่วครู่ หลังจากนั้นเขาก็เดินออกจากในห้องไป
“องค์ชายหกบอกข้าว่าช่วงนี้มีเรื่องแปลกๆเกิดขึ้นในกองทัพ” ซ่านเชียนหยวนทำเสียงกระแฮ่มในลำคอ ในที่สุดก็กล้าเริ่มพูด
“พวกเจ้าตอนนี้อยู่ฝั่งเดียวกันแล้ว” กู้อ้าวเวยยิ้มเบาๆ: “เขาคือคนที่อยากยึดบัลลังก์เท่านั้นเอง”
“เพราะอย่างนั้นข้าเลยกลัวว่าเขาจะคิดเองแสดงเอง แน่นอนว่าต้องร่วมแสดงด้วยอยู่แล้ว” ซ่านเชียนหยวนก็ยิ้มตาม และหยิบกระดาษแผ่นเล็กจากแขนเสื้อส่งให้กับนาง พูดไปด้วยว่า: พูดถึงท่านอายังคงไม่ยอมให้ข้าเข้าร่วมอีกเช่นเคย”
ลูกหลานของกษัตริย์ฉลาดไม่น้อย
กู้อ้าวเวยมองดูตัวอักษรบนกระดาษที่เป็นตัวอักษรของซ่านจินจื๋อเขียนอย่างชัดเจนว่า——ทำตามปกติ ไม่ต้องห่วง ดูแลตัวเอง
“เขาจู้จี้แบบนี้ตั้งแต่เมื่อใดกัน” นางคิดว่าจะมีเรื่องใหญ่อะไร
“สวรรค์รู้” ซ่านเชียนหยวนหัวเราะไม่หยุด: “ว่าแต่เจ้าเถอะ ทุกวันนี้รู้สึกไม่ค่อยอยากอาหารใช่ไหม?”
กู้อ้าวเวยเปลี่ยนเรื่อง: “ไม่พูดเรื่องนี้แล้ว ข้าต้องให้เจ้าช่วยข้าตอบกลับจดหมายให้ซ่านจินจื๋อให้ตรงเวลา และซ่อนที่อยู่ของข้าไว้”
นางยังคงบอกสถานการณ์ของตัวเองที่เก็บไว้ให้รู้ ตามที่ตัวเองตั้งใจไว้
ซ่านเชียนหยวนได้ยินข่าวคราวบางอย่างจากฉีหรัวจริงๆ หลังจากที่ได้ยินแล้วรู้สึกประหลาดใจ: “จากที่เจ้าพูดมารากของถุงน้ำดีหงส์นั้นเป็นพิษที่หายาก แล้วทำไมซูพ่านเอ๋อถึงได้มี”
“เป็นเรื่องยากที่จะจัดการกับรากถุงน้ำดีหงส์โดยไม่ให้ถูกพบ เมี่ยวหารซ่อนความสามารถที่แท้เอาไว้ และซูพ่านเอ๋อก็เชื่อใจเมี่ยวหารมากเช่นกัน กลับไม่รู้เลยว่าพิษนี้คืออะไรกันแน่” แน่นอนว่ากู้อ้าวเวยยังคงจำได้ว่าซูพ่านเอ๋อนั้นแช่งตัวเองอะไรไว้ แต่ ณ ตอนนั้นชีวิตของนางเองตกอยู่ในมือของนาง นางไม่สามารถบอกได้ว่าเป็นพิษอะไรในตอนนั้น และไม่แน่ใจเหมือนกัน
“แล้วเจ้ามีวิธีจัดการอย่างไร……”
“ในเมื่อเขาเจอรากของถุงน้ำดีหงส์ ถ้าอย่างนั้นคงต้องเอาถุงน้ำดีหงส์ไปด้วยแน่ ถึงแม้ว่าในตำราหมอจะเขียนไว้ไม่เยอะสักเท่าไหร่ แต่ถุงน้ำดีหงส์และเลือดมังกรมีอายุไม่เกินยี่สิบปีเหมือนกัน ในมือข้ามีเลือดมังกรและถุงน้ำดีหงส์อยู่ส่วนหนึ่ง และในมือของเมี่ยวหารมีถุงน้ำดีหงส์ หากเป็นไปได้ ข้าสามารถใช้เลือดมังกรทดลองดู แล้วค่อยใช้เลือดมังกรอีกส่วนมาถอนพิษ” กู้อ้าวเวยอธิบายอย่างละเอียด
ซ่านเชียนเอ๋อและกุ่ยเม่ยฉีหรัวไม่เห็นด้วย เขาเกิดในราชวงศ์ของกษัตริย์ รู้เรื่องยาพิษเหล่านี้ไม่น้อย ครุ่นคิดชั่วครู่: “หากหาเลือดมังกรอีกส่วนไม่เจอละ?”
“นี้เป็นทางที่ดีที่สุด” กู้อ้าวเวยยิ้มทำอะไรไม่ได้: “แต่ก็เป็นไปได้ว่า เลือดมังกรไม่ใช่ยาถอนพิษของถุงน้ำดีหงส์แต่แรก” ”
กำมือปลายนิ้วแน่น ซ่านเชียนหยวนไม่อยากที่จะเชื่อมองไปทางนาง: “จากนั้น เจ้าบอกข้าว่าเจ้ายังอยากมีลูกอีกคน?” 。
“ไม่อย่างนั้นข้าใช้เวลาอีกสองปีในการทดลองยา?” กู้อ้าวเวยเงยหน้าขึ้นตอบกลับไป ในแววตาเต็มไปด้วยคราบน้ำทำให้คนรู้สึกอยากร้องไห้ออกมา ทำเอาซ่านเชียนหยวนพูดไม่ออก
การทดลองยาคือรสชาติของความทรมาน คนรอบข้างจะสงสาร และวิธีรอดกลับมาได้นั้นมีไม่มาก
“มีคนสนับสนุนเจ้าไหม?”
“อย่างน้อยด้านบนก็ตอบตกลงข้าแล้ว” กู้อ้าวเวยมองดูใบหน้าของซ่านเชียนหยวนที่มีความลังเลเล็กน้อย และค่อยๆลุกขึ้นมา: “ในฐานะสหาย ข้าหวังว่าเจ้าจะช่วยข้าได้ทันเวลา ข้ายังมีเรื่องบางอย่างที่อยากทำ”
นางไม่เคยให้เวลาคนรอบข้างได้คิดหรือไตร่ตรอง กลับเดินจากไป
วันนี่ก็เช่นกัน กู้อ้าวเวยเดินออกจากห้องไป ส่งคนไปหาหมู่บ้านเล็กๆที่มีผู้คนน้อยนิด และกลับไปยังห้องของตนเอง
พบค่ำ กุ่ยเม่ยเจอซ่านเชียนหยวนที่นอกค่ายทหาร
“ทำไมเจ้าถึงคิดว่า?” ซ่านเชียนหยวนพูดขึ้นว่า
“รออีกสักหน่อย ข้าจะแอบติดต่อคนอื่นไป” กุ่ยเม่ยกำหมัดแน่น
ภายในห้องของกู้อ้าวเวย ใต้แสงเทียนนางมองไปทางหมู่บ้านที่ถูกพบเจอ แต่กลับจำไว้ภายในใจและใช้ปลายนิ้วมือวาดเป็นเส้นแนวนอน ”
“ความเป็นห่วงของพวกเจ้าไม่ผิดหรอก” นางยิ้มเบาๆและพูดกับตัวเอง ในแววตาเต็มไปด้วยบาดแผล: “แต่ว่าข้าไม่อยากให้ใครมาเห็นสภาพข้าตอนทดลองทดลองยาจริงๆ”
ภายใต้แสงเทียน ชุดคลุมที่ค่อยๆเปิดออกมาและด้านล่างก็มีสีม่วงติดเล็กน้อย
และรูปร่างที่ค่อยๆเปลี่ยนไป มองไม่เห็นว่าเป็นอย่างไร
นางจะดูน่ากลัวกว่าสิ่งใด แต่อย่างน้อย ความทรงจำของนางที่มีต่อพวกเขาจะคงอยู่ในใจ