บทที่ 618 เตรียมพร้อมรับมือ
“ที่แท้ช่วงนี้เวยเอ๋อนอนเก่งนี่เอง”
หยุนหว่านนึกว่ากู้อ้าวเวยจะมาพร้อมกับหยินเชี่ยว
“ทุกวันนี้นอนได้ถึงช่วงบ่ายเลยทีเดียว ที่ผ่านมานี้ออกจากที่นอนไม่ได้เลยเจ้าค่ะ” กุ่ยเม่ยค่อยอารักขาอยู่ข้างๆ ส่วนอีกข้างถือเกราะคันฉ่องไว้
ยืนอยู่ตรงหน้าหยุนหว่าน เขาไม่รู้จะอธิบายอาการที่นอนเยอะของกู้อ้าวเวยเป็นเพราะอะไร
หรือเป็นเพราะร่างกายอ่อนแอ หรือเป็นอย่างที่นางต้องการว่าตั้งครรภ์แล้ว
ตั้งครรภ์……
เกราะคันฉ่องที่กุ่ยเม่ยถือไว้ตกลงสู่พื้น พร้อมมีเสียงพึมพำออกมา
“เป็นไรไป?” มือข้างหนึ่งของหยุนหว่านถูกหยินเชี่ยวจับไว้ หันตัวมาดูเขา
“นางสั่งให้ข้าช่วยไปเอายาให้ ข้าลืมไปเลย”กุ่ยเม่ยโกหกและก้มลงไปเก็บเกราะขึ้นมา: “ไม่รู้ว่าตอนนี้นางรอจนโมโหอยู่หรือเปล่า”
หยุนหว่านรู้สึกกุ่ยเม่ยแปลกๆ แต่กุ่ยเม่ยและฉีหลินรีบเดินไปตรงสนามฝึกซ้อม เหลือเพียงพวกเขาสองคนและขณะเดียวกันจัดการเรื่องนิดหน่อยกับฉูห้าวที่อยู่ข้างๆ หยินเชี่ยวสามารถให้คำแนะนำแก่หญิงในเมืองอีกด้วย
หยุนหว่านเพียงแค่ไม่รู้คือ กุ่ยเม่ยหายไม่อยู่ตั้งนานแล้ว กลับบ้านไปหากู้อ้าวเวยใหม่
ยังอยู่บนเตียงเหมือนเดิม กู้อ้าวเห็นกุ่ยเม่ยที่เข้ามาพึ่งตื่นพอดี: “เจ้าไม่ใช่ว่าไปสนามฝึกซ้อมนับชุดเกราะและดาบหรือ?”
“เจ้า……” กุ่ยเม่ยเดินไปข้างเตียง มองไปทางตำแหน่งท้องน้อยของนาง: “ข้า……”
“ไม่มีทางใช่ลูกของเจ้า” กู้อ้าวเวยกลอกตาขึ้น ยื่นมือออกจากผ้าห่มมาตบๆหน้าของกุ่ยเม่ย: “ไม่งั้นเจ้าคิดว่าข้าจะมาฉลองที่เอ่อตานทำไม แทนที่จะไปหาซ่านจินจื่อ?”
“เจ้า……” กุ๋ยเม่อั้มอึ้งอยู่นาน สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไร
“อย่าบอกคนอื่น ยาบำรุงครรภ์ก็ไม่ต้องแล้ว ช่วยแอบใส่เช่ออี้จื่อ(ต้นหญ้า)ไว้ในอาหารบำรุงก็พอแล้ว” กู้อ้าวเวยยิ้มและดึงมือกลับ หดเข้าไปในผ้าห่ม
“รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่?” กุ่ยเม่ยตกใจไม่หาย
นี้คือลูกของท่านอ๋องเชียวนะ!
กู้อ้าวเวยหันตัว ติดแล้วคิด: “เหมือนจะไม่กี่วันก่อนตอนที่นอนอยู่ใต้ต้นไม้”
“ทำไมเจ้าไม่รีบพูด!” กุ่ยเม่ยตะโกนออกมา เขาโน้มตัวลงอย่างหมดแรง มองกู้อ้าวเวยอย่างจริงจัง: “เจ้าจะไปต่อแบบนี้ไม่ได้ ข้าสามารถพาเจ้าไปหาหมู่บ้านดีๆคลอดเด็กได้”
กู้อ้าวเวยกระพริบตาแล้วกระพริบอีก ทันใดนั้นก็มีเสียงหัวเราะออกมาทันที: “ดูเหมือนเจ้าจะเหมือนเป็นพ่อเด็กมากกว่าซ่านจินจื๋ออีก”
“หากเป็นท่านอ๋อง เขาไม่มีทางเอาเด็กคนนี้และไม่หวังให้เจ้าเสียชิวิตไปเพื่อกำเนิดลูกออกมา” กุ่ยเม่ยหายใจเฮือกใหญ่ เขารีบกลับมาจากสนามฝึกซ้อม เพราะเป็นช่วงฤดูหนาวทำให้มือทั้งสองเห็นเส้นเลือดออกมาเล็กน้อย และเพราะร่างกายบีบแน่นทำให้เส้นเลือดออกมาอย่างเห็นได้ชัด
เขาอยู่ข้างกายซ่านจินจื๋อตั้งแต่เด็ก และถึงจะถูกกดดันจนจนมุม ความภักดีที่มีต่อซ่านจินจื๋อก็ไม่มีทางหายไป
“ข้าอยากได้เด็กคนนี้ เพราะงั้นข้าไม่มีทางบอกเขา” กู้อ้าวเวยดึงตัวขึ้นมาจากเตียง ชุดนอนที่ใส่ทุกวันก็ยังมีชุดคลุมหนาๆทับไว้ และพูดจริงจังขึ้นมา: “ว่าไปแล้ว พอนับๆดู เหมือนเวลาเดียวกันกับเมื่อปีก่อนที่ตั้งครรภ์เลย”
มองดูนอกหน้าต่าง: “วันนี้หิมะตกหรือยัง?”
“ตกแล้ว แต่ไม่หนักมาก” กุ่ยเม่ยเงยหน้าขึ้นมองไปทางนาง สายตาที่มองเหมือนกับคิดอะไรอยู่ นั่งที่มุมเตียงค่อยๆกดให้นางนอนลงไป: “ทุกอย่างจะต้องผ่านไปด้วยดี”
“ข้ารู้ อย่างน้อยครั้งนี้ก็รู้สึกไม่ค่อยหนาวขนาดนั้น” กู้อ้าวเวยยิ้มหวานๆหนุนอยู่ที่หมอน: “พอปีใหม่ผ่านไปแล้วข้าก็จะไปในเมืองของล่ายเสวียน ข้าสัญญาว่าข้าจะดูแลตัวเองดีๆ”
“ข้าจะเอาความลับบอกออกไป”
“งั้นเจ้าก็อย่าหวังว่าจะเจอข้าอีก” สายตาของกู้อ้าวเวยจ้องไปทางเขา ยกมือขึ้นจับตรงชายเสื้อของเขา: “อย่างน้อยพวกข้าก็เป็นเหมือนพี่น้องคนใกล้ชิดสนิท หากเจ้าก็หลอกลวงข้าเหมือนกัน แล้วข้าจะทำอย่างไร”
เอาแต่ใจเกินไป……
กุ่ยเม่ยมองนางทำอะไรไม่ได้ เขายังจำได้เรื่องที่สอนการต่อสู้ให้กับนาง อยู่เคียงข้างวันที่แสนวุ่นวายต่างๆกับนาง กู้อ้าวเวยเป็นคนที่ทำให้เขาอยากอยู่ต่อไป น้อยมากที่เขาจะขัดคำสั่งของกู้อ้าวเวย ไม่ใช่เจ้านาย แต่เป็นคนในครอบครัว
“แล้วซ่านจินจื๋อ……”
“ข้าได้เขียนจดหมายไม่น้อยเก็บไว้ตรงองค์ชายสี่ พอที่จะรั้งให้อยู่นานพอสมควร” ในที่กู้อ้าวเวยปล่อยมือจากคอเสื้อของเขา: “หรือแม้ว่าเขาและฉีหรันจะบอกความจริงเรื่องจดหมาย ก็ไม่ทันแล้ว เขาไม่มีทางที่จะดูแลพี่ชายและข้าในเวลาเดียวกัน”
ลุกขึ้นมา กุ่ยเม่ยทำได้เพียงหายใจเข้าลึกๆหลายรอบ: “เจ้าตัดสินใจได้นานแล้ว หากจ้านำเรื่องนี้ไปบอกฮูหยินล่ะ?”
“อย่าน้อยข้าก็ได้ให้กำเนิดลูก” กู้อ้าวเวยยิ้ม: “นอกเสียจากว่าพวกเจ้าอยากฆ่าข้า”
……
ซ่านจินจื๋อตื่นจากฝันร้าย
เขาเห็นดอกบุปผาล่วงลอยลงมาจากฟ้า และกู้อ้าวเวยก็ยืนอยู่ตรงนั้น น้ำตาสีแดงไหลออกมาจากตา
กระโปรงที่เป็นสีแดงค่อยเปลี่ยนเป็นสีดำ กำลังจะกลืนกินนางเข้าไป
“ให้ตายสิ” เขาพูดเสียงต่ำลุกขึ้นมา ทั้งตัวของซ่านจินจื๋อเต็มไปด้วยเหงื่อ เปิดประตูออก เห็นหิมะที่กำลังตกทำให้เขาหงุดหงิดเข้าไปอีก
ผ่านไปนานจนเฉินซานพูดขึ้น: “ท่านอ๋อง ฮ่องเต้ให้เสด็จเข้าเฝ้าพะยะค่ะ”
“มีเรื่องอันใด?” ซ่านจินจื๋อลูบๆผมของตัวเอง
“เรื่องขององค์ชายน้อย เป็นเพราะเมื่อคืนองค์ชายน้อยเล่นกับขันทีเลยทำให้มีไข้ขึ้น ฮองเฮาโกรธมากเลยทำการลงโทษทั้งโรงหมอหลวง ฮ่องเต้ประสงค์ให้ท่านเข้าเฝ้าชั่วครู่” เฉินซานโค้งคำนับ
“เตรียมม้า” ซ่านจินจื่อเดินอย่างเร็วท่ามกลางหิมะ เดินมาถึงลานหยุดตรงข้างประตู: “ซูพ่านเอ๋ออยู่ในคุกเป็นไงอย่างไรบ้าง?”
“นาง วันๆเฝ้าคอยแต่ให้ท่านไปพบนางสักครั้ง” เฉินซานก็หยุดตาม
มีหิมะเล็กตกอยู่ตรงไหล่ของซ่านจินจื่อ จนกลายเป็นเกล็ดน้ำแข็ง เขาจึงเดินหน้าต่อ: “เอาของของนางที่อยู่ในห้องโยนไปให้นาง ไม่ต้องบอกว่าข้าเป็นคนสั่ง”
“พะยะค่ะ” เฉินซานเดินออกจากข้างประตูไป เดินไปยังมุมคุกใต้ดิน
กู้อ้าวเวยยังไม่กลับ เขาจะปล่อยให้ซูพ่านเอ๋ออยู่อย่างสบายในตำหนักอ๋องจิ้งไม่ได้
ประกาศต่อด้านนอกว่า พระชายาจิ้งป่วยยื้อเยื้อ ต้องนอนดูอาการ
ตลอดทางจนถึงวัง ขันทีที่อยู่ข้างๆจัดการเสื้อผ้าตัวเอง โค้งคำนับ: “ซูสีฮองเฮาวันนี้ก็เสด็จมาแล้วพะยะค่ะ”
พยักหน้า ซ่านจินจื๋อเอาดาบที่คาดอยู่ที่เอวให้กับคนเฝ้าประตู เดินเข้าไปก้าวใหญ่
เสด็จแม่ที่มาถึงนานแล้ว นั่งอยู่บนที่นั่งนุ่มๆมองดูองค์ชายน้อยที่อยู่เตียงอย่างปวดใจ หมอหลวงทั้งหลายและขันทีคุกเข่าอยู่ที่พื้นไม่กล้าลุกไปไหน ฮองเฮาผู้สูงส่งได้ลงโทษพวกขันทีไปแล้ว แต่พวกเขายังคุกเข่าอยู่ที่เดิม
ซ่านจินจื๋อคำนับอย่างง่ายๆ เดินผ่านหมอหลวงไป จนมาถึงข้างเตียง
เด็กน้อยมองดูเขาใบหน้าแดงกระพริบตาพรึ่บๆยื่นมือออกไป: “เสด็จพ่อ”
เอามือนั้นกลับไปยังใต้ผ้าห่ม ซ่านจินจื่อนั่งบนเตียงพูดเสียงต่ำ: “ท่านแม่ ชิงจือเพียงเป็นไข้เล็กน้อย ไม่จำเป็นต้องเป็นห่วงขนาดนี้ ให้พวกเขาออกไปเถอะ”
“อ๋องจิ้งนี้เจ้าพูดอะไรอยู่ ในเมื่อทาสพวกนี้กระทำผิด ก็ต้องถูกลงโทษเป็นธรรมดา” ในที่สุดฮองเฮาวางแก้วชาลง พูดเสียงต่ำ: “ทาส ก็ต้องทำตามกฎของทาส”