บทที่ 620 ดูท่าไม่ดี
หิมะตกโปรยปราย กู้อ้าวเวยเงยหน้ารับเกล็ดหิมะที่กำลังตกลงมา
“ซ่านจินจิ๋อส่งอะไรมาอีกแล้ว?” นางหันไปทางกุ่ยเม่ยที่กำลังเอาเตาอุ่นมือยัดไว้ตรงข้างใน และนวดขาที่อยู่ใต้ผ่าห่มให้กับนาง
ไม่รู้เป็นเพราะอะไร รู้สึกขาทั้งสองอ่อนล้าไม่มีแรงไปหมด ยากที่จะลุกขึ้นได้
ฤทธิ์ของพิษยังไม่แพร่ไปถึงต้นขาหมด ความรู้สึกที่ต่อแบกรับเองเมื่อคืนตอนนอนตะแคงรู้สึกหายใจยาก ปวดเมื่อยตรงเอว แต่ตรงขาอยู่ในจุดลุกขึ้นยืนยังไม่ได้
แม้ในตอนที่ลุกขึ้นยืนจากเตียงนอนก็ยังล้มลงไปกับพื้น ทำเอากุ่ยเม่ยตกใจ เรียกคนให้เตรียมรถเข็นมา และสั่งคนให้ไปบอกหยุนหว่านและฉูห้าว ส่วนตรงนี้ก็รอให้กู้อ้าวเวยบอกว่าให้พาออกไปด้านนอก จากนั้นเอาผ้าห่มนุ่มๆสองฝืนห่มตรงขาของนางอย่าฝืนใจ
มีเพียงเกล็ดน้ำแข็งที่เกาะใต้หลังคา สะท้อนแสงวิบวับเป็นสีเงินสว่างๆ
“ท่านเขียนมาว่าองค์ชายน้อยเป็นไข้นิดหน่อย……คนรับใช้ก้มหัวไม่มองนางยื่นจดหมายไปให้ในมือนาง
ในจดหมายครึ่งหนึ่งเป็นตัวหนังสือคน อีกครึ่งเป็นตัวหนังสือของซ่านจินจื๋อที่เขียนเองกับมือ บอกกับนางเรื่องทำไมถึงทะเลาะกับฮองเฮา และสิ่งที่นางสอนให้ชิงจือ สุดท้ายยังมีอีกหนึ่งฉบับเป็นตัวหนังสือของชิงจือที่บิดบิดเบี้ยวเบี้ยว โชคดีที่ซ่านจินจื๋อแก้ให้เขาหน่อย ทำให้กู้อ้าวเวยอ่านง่ายมากขึ้น
พึมพำปาก กู้อ้าวเวยพับจดหมายไว้ ใส่เข้าไปในอก: “ข้าก็คิดถึงพวกเขาแล้ว”
“งั้นก็กลับไปเที่ยวหนึ่งสิ” กุ่ยเม่ยโบกมือขึ้นให้คนตามอย่างใกล้ชิด ตัวเองกางร่มไว้และเข็นรถออกไปด้านนอก
“มาถึงนี้แล้ว หากข้าหันกลับไป งั้นความคิดแรกก็สูญเปล่าน่ะสิ” กู้อ้าวเวยสบัดมือไปมา ใช้มือค่อยตบๆตรงขาเบาๆ——ยังคงรู้สึกได้ความเจ็บ
แต่เด็กในครรภ์ยังวางใจไม่ได้ แทนที่จะล้มลงไปกับพื้นมิสู้นั่งในรถเข็น จะปลอดภัยกว่า
“อีกเดี๋ยวฮูหยินจะมาตรวจชีพจรเจ้า”
“ท่านแม่เชื่อวิชาการรักษาของข้ามากกว่า แต่ขาพิการคู่นี้ก็เป็นเพียงในตอนนั้นที่ซูพ่านเอ๋อให้ข้าคุกเข่าท่ามกลางหิมะเป็นเวลาเจ็ดวัน ทำเอาท่านแม่ด่าซ่านจินจื๋อไปมากมาย ใจของข้าก็มีความสุขมากแล้ว” กู้อ้าวเวยเก็บปลายนิ้วกลับไปที่เดิม พูดขึ้นเล่นๆ: “ไม่รู้ว่าปีใหม่ของที่นี้มีอะไรที่พิเศษอะไรหรือเปล่า?”
“ปีใหม่ของแคว้นเอ่อตาน เขียนสิ่งที่ปรารถนาบนแผ่นหิน แล้วโยนลงไปในแม่น้ำ” กุ่ยเม่ยยิ้มมองนาง: “สิ่งที่ข้าขอก็คงขอให้เจ้าสามารถคลอดลูกอย่างปลอดภัยละนะ”
“เจ้าอยากเป็นพ่อของเขาขนาดนั้นเลยหรือ?” กู้อ้าวเวยหัวเราะตามขึ้นมา: “แต่เรื่องห้ามให้ท่านแม่รู้เด็ดขาด อีกสักเดี๋ยวห้ามหลุดปากออกมานะ”
กุ่ยเม่ยพยักหน้า เข็นกู้อ้าวเวยมายังห้องโถงตลอดทาง หยุนหว่านรีบกลับมาพูดกับกู้อ้าวเวยอย่างอ่อนโยน และเชื่อในทักษะของนาง เพียงแค่ลองจับขาของนางว่ายังมีความรู้สึกอยู่ไหม ถึงได้วางใจลงได้
ฉูหลี่ที่ถึงทีหลังก็โมโหมากๆ บอกว่าจะต้องสั่งสอนซ่านจินจื๋อให้ได้
กู้อ้าวเวยที่เติมน้ำมันให้กับไฟอยู่ ไม่รู้ตัวว่าหยินเชี่ยวที่อยู่ข้างๆเดินมา: “คุณหนูอ้วนขึ้นหรือเปล่าเจ้าคะ?”
“หน้าหนาวใส่เยอะขนาดนี้ เจ้ายังดูออกได้?” กู้อ้าวเวยหันหัวไป ใช้มือบีบแก้มของตัวเอง แปลกจัง: “เหมือนจะอ้วนขึ้นจริงๆด้วย”
ไม่เพียงแต่ไม่อ้วน แถมผอมลงอีก
กุ่ยเม่ยพึมพำอยู่ในใจ อีกอย่างที่ผ่านมาเขาตามกู้อ้าวอ้าวเวยมาตลอด บ่นว่ามื้อไหนทำให้อ้วน เมื่อคืนหยินเชี่ยวคงเห็นท้องป่องนิดๆของกู้อ้าวเวยตอนนอนด้วยกัน ถึงได้พูดแบบนี้ออกไป
หยินเชี่ยวยิ้มหวานๆไปหยิกแก้มของนาง กู้อ้าวเวยเอามือนางออก ใช้สองมือปิดท้องน้อยของตัวเอง
หยุนหว่านไม่สังเกตเห็น เพียงแค่ยิ้ม: “อ้วนเป็นเรื่องที่ดี ทุกวันนี้เจ้าไม่ไปไหนเลย ข้าไปหาของอร่อยในช่วงฤดูหนาวมาให้เจ้าทาน”
พอถึงช่วงค่ำหลายวันมานี้ กุ่ยเม่ยต้องยืนคอยตากลม ค่อยหลบไม่ให้ใครเห็นทำตามคำสั่งของกู้อ้าวเวยให้ใส่ผงเช่ออี้จื่อลงไปในซุปยาของเช้าวันถัดไป และไม่มีใครเห็น
แต่หลังจากสองคืน เป็นวันส่งท้ายปี ฉูหลี่ฉลองกับเพื่อนแม่ทัพ หยุนหว่านและหยินเชี่ยวนำหญิงในเมืองพากันลงครัว คึกคักมากมาย กู้อ้าวเวยไม่มีอะไรทำ ไม่มีแม่น้ำให้โยนหินได้ ทำได้เพียงเขียนสิ่งที่อยากขอลงไปโยนไปในถังน้ำ
เมื่อเห็นหมึกที่ละลายแยกกัน กู้อ้าวเวยประสานมือเข้าด้วยกัน ทำท่าอธิษฐาน
พอทำทุกอย่างเสร็จ กุ่ยเม่ยเอาเกี๊ยวร้อนๆส่งมาให้: “เจ้าขอพรว่าอะไร?”
“หวังว่าเจ้าได้เป็นพ่อบุญของเด็กในท้องข้าอย่างง่ายดาย“ กู้อ้าวเวยเข็นรถเข็นมาถึงหน้าโต๊ะ มองดูเกี๊ยวที่มีรูปร่างบิดๆเบี้ยวๆ และยังมีรูปร่างเหมือนข้าวสาลีและทองตำลึง ยิ้ม: “อันที่บิดๆเบี้ยวๆเจ้าและฉีหลินเป็นคนห่อแน่ๆ”
กุ่ยเม่ยไปต่อไม่ถูกเอาช้อนยัดใส่มือนาง: “พร้อมที่จะไปเมื่อไหร่?”
“รออีกไม่กี่วันเถอะ ไม่กี่วันก่อนคนในตำบลเห่ยสุ่ยส่งจดหมายมาให้ข้า บอกว่าตรงซ่านเซิ่งหานและซ่านต้วนเฟิงเกิดปัญหาขึ้นนิดหน่อย ฮองเฮามีประสงค์ส่งซ่านต้วนเฟิงไปนำหน้า และเสียนเฟยก็ถูกวางยากะทันหัน ไทเฮาเลยอาสาพาเสียนเฟยไปอารามไป๋หม่าดูแล องค์ชายสี่ยังเป็นห่วงร้อนรนใจอยู่เลย”
กู้อ้าวเวยเอาซองจดหมายออกมาจากแขนเสื้อส่งไปให้
เสียนเฟยเป็นมารดาขององค์ชายสี่ แต่กลับบาดเจ็บจากการต่อสู้ของสององค์ชาย รู้สึกแปลกๆ
วิธีของชางหลานแตกต่างออกไป แค่เพียงองค์ชายสี่ได้รับแต่งตั้งให้เป็นฮ่องเต้องค์ใหม่ เสียนเฟยก็สามารถออกจากวังได้เมื่อไหร่ก็ได้ แต่เสียดายเพราะเรื่องของลี่วาน ทำให้เสียนเฟยและซ่านเชี่ยนหยวนต้องมาโกรธและไม่ได้ออกจากวัง ภายในใจคงหวังว่าลูกชายจะหันกลับมา
แต่ไม่ว่ายังไง เรื่องของเสียนเฟยไม่ได้ส่งผลอะไรต่อซ่านต้วนเฟิง
“หลังจากนั้นซ่านจินจื๋อก็ส่งข่าวคราวมาให้ ถึงแม้เวลาจะไม่ตรงกับตำบลเหยสุ่ย แต่รู้เอาไว้ว่า” กู้อ้าวเวยก้มลง: “ไม่ว่าจะเป็นซ่านต้วนเฟิงหรือซ่านเซิ่งหานก็ตาม ต่างก็ไม่ใช่คนดีอะไร”
“องค์ชายสามดีกับเธอ” กุ่ยเม่ยแปลกใจ เปิดจอดหมายออกมาเมื่อกี้ พูดขึ้นอย่างสงสัย: “ไม่ใช่สิ หากเขาต้องการที่จะชิงบัลลังก์กับซ่านต้วนเฟิง ทำไมถึงมาชายแดนกับซ่านต้วนเฟิง?”
“ข้าและซ่านจินจื๋อนึกว่าองค์ชายสามมีความทะเยอทะยานมาก แต่ข้าก็นึกไม่ออก ทำไมเขาถึงอยากมาชายแดน แบบนี้ มีเพียงซ่านจินจื๋อเฝ้าบัลลังก์ไว้ เขาเอาความมั่นใจมาจากไหน คิดว่าซ่านจินจื๋อจะไม่แย่งบัลลังก์?” กู้อ้าวเวยกำมือแน่น
ทำไมกัน ทำไมนางถึงไม่เข้าใจสถานการณ์กะทันหันเหมือนดั่งที่ผ่านมา
ดูท่าไม่ดี
“เจ้าก็ไม่ต้องกังวลขนาดนั้น ทุกอย่างเป็นไปตามแผนเอง” กุ่ยเม่ยใช้ปลายนิ้วจับตรงไหล่นาง ต่อยนวดให้นาง: “ถึงเวลาหากพวกเขามาถึงชายแดน เจ้าก็สามารถแอบเข้าไปเจอเขาชั่วครู่ ถามให้เข้าใจ”
กู้อ้าวเวยค่อยผ่อนคลาย อีกด้านก็ถอนหายใจ: “แต่ว่าพอเป็นแบบนี้ ซ่านจินจื๋อไม่สามารถเจอข้าได้”
“แต่ว่า……ซ่านจินจื๋อรู้สภาพร่างกายของข้า