บทที่ 647 เนื้อติดมัน
ซ่านจินจื๋อเข้ามาด้วยผ้าปิดหน้าสีดำ ดวงตาที่นิ่งลึกนั้นดูแสนจะเยือกเย็น พลังงานที่ส่งออกมาทำให้ทุกคนรอบตัวต่างถอยหนี
แม้แต่กู้อ้าวเวยเองเมื่อเห็นแล้วก็ต้องรู้สึกเกรงใจ จากนั้นก็เอามือแตะลงบนไหล่ของเขา แล้วพูดด้วยเสียงต่ำ “รู้สึกปวดนิดหน่อยช่วงท้องน้อย”
ใบหน้าของชายผู้นั้นผ่อนคลายลงเล็กน้อย ค่อยๆอุ้มนางขึ้นไว้ในอ้อมแขนอย่างนุ่มนวลแล้วพาออกไป
กู้อ้าวเวยโบกมือเพื่อไม่ให้คนติดตามมา ตอนแรกคิดว่าซ่านจินจื๋อจะพาตนเองขึ้นรถม้า แต่กลับไม่คิดว่าเขาจะเดินผ่านรถม้าไป เดินไปตามทางถนนที่มีผู้คนน้อย แต่นางรู้จักสถานที่นี้ดี
“ถ้าไม่คิดว่าไม่อยากจะเพิ่มความวุ่นวายให้เจ้า เมื่อคืนนี้ข้าคงจะจับตัวเจ้ากลับมาแล้ว” ซ่านจินจื๋อลดเสียงลง
“แล้วทำไมไม่ไป”
“ไปมาแล้ว ก็ยังกลับมาหาเรื่องข้าอีก” ซ่านจินจื๋อเขย่าแขนทั้งสองเบาๆ จ้องมองไปยังท้องของนาง “หากเจ้าต้องการจะเก็บลูกไว้ ข้าก็จะช่วยเจ้า แต่หากเจ้ายังทำตามอำเภอใจ ข้าก็จะมัดเจ้าไว้แล้วพากลับไปบำรุงครรภ์”
แม้ว่าจะไม่รู้เหตุผลว่าทำไมซ่านจินจื๋อถึงเปลี่ยนใจ กู้อ้าวกู้อ้าวเวยก็รู้สึกต่อต้นน้อยลงแล้ว นอนอย่างว่าง่ายอยู่ในอ้อมแขนของซ่านจินจื๋อและกลับพูดถึงไม่หยุด “ ตอนแรกข้าไม่ได้คิดจะบอกเจ้าเรื่องนี้”
ซ่านจินจื๋อกระชับอ้อมแขนของเขาด้วยสายตาที่เย็นชา “เจ้าคิดว่าจะพ้นเงื้อมมือข้าไปได้หรือ ก่อนหน้านี้เคยพูดไว้ว่าจะไปขอความคุ้มครองจากองค์ชายสาม แต่ตอนนี้กลับถูกเจ้าจับตัวมาไว้ที่นี่ และรอที่จะกลับไป…”
“ข้าไม่สามารถเชื่อเขาได้ทั้งหมด การไปขอให้เขาช่วยก็เพื่อจัดการกับเจ้า” กู้อ้าวเวยยกมือขึ้นตบไปที่แก้มของซ่านจินจื๋อเบาๆ “ข้าก็แค่คิดจะเป็นอริกับเจ้า”
“เจ้านี่อยู่ในวินัยจริง ๆ” ซ่านจินจื๋อเร่งฝีเท้าขึ้น รีบพานางไปถึงลานบ้านแล้วพาไปยังห้องพักและวางนางลง จากนั้นก็ห่มผ้าให้แล้วกอดไว้ในอ้อมแขน มือข้างหนึ่งค่อยๆวางไว้ลงบนท้องน้อยของนาง “วันนี้ลงโทษเจ้าด้วยการนอนกับข้า”
การดิ้นรนไม่เป็นผล บางทีอาจจะเป็นเพราะความเหนื่อยล้าจากเมื่อคืนนี้ ไม่นานนักกู้อ้าวเวยกหลับนิ่งไป และได้ลืมช่วงเวลาในอดีตของนางกับซ่านจินจื๋อไปชั่วคราว
ซางนิงที่อยู่นอกประตูได้แต่ยกมุมปากขึ้น และพูดออกคำสั่งไปในมุมที่ไร้คน “คนที่จะพาข้าไปทิศทางที่จะเข้าสวามิภักดิ์ต่อองค์ชายสามหรือไม่ก็องค์ชายเก้า ดีที่สุดต้องไปหาสิ่งที่เรียกว่าซีเป่าในทะเลทรายนั่น อย่าปล่อยให้ซ่านจินจื๋อตัดหน้าไปก่อนได้”
มีเสียงตอบรับเบาๆดังมาจากในความมืด จากนั้นก็เงียบสงบอีกครั้ง
ดวงตาของซางนิงหรี่ลงเล็กน้อย และพาตัวเองออกจากเมืองไปอย่างเงียบๆ ไม่รู้เบาะแสแน่ชัด
ทั้งสองคนยังคงนอนหลับอยู่ในห้องอย่างสงบ แต่กู้อ้าวเวยกลับรู้สึกเล็กน้อย เมื่อตื่นขึ้นมาก็เป็นเวลาพระอาทิตย์กำลังตกดิน ชายที่นอนอยู่ตรงขอบเตียงยังไม่ตื่น ดวงตาอันแหลมคมของผู้ชายคนนี้ดูช่างขัด กับขนตาที่ยาว กู้อ้าวเวยรู้สึกตลกอย่างอธิบายไม่ถูก ยกมือขึ้นบีบใบหน้าที่ค่อนข้างแข็งของซ่านจินจื๋อ
หลังจากตื่นขึ้นมาด้วยความงุนงง สายตาก็กลับมาชัดเจนเพียงไม่กี่วินาที มืออันใหญ่ของเขาจับไปที่ข้อมือของกู้อ้าวเวย “มีอะไรหรือ”
“ข้าแค่มองหน้าเจ้าให้ชัดๆ คิดว่าหากเจ้าเป็นผู้หญิง คงจะมีความงดงามอ่อนช้อยอย่างยิ่ง” กู้อ้าวเวยกำลังพิงอยู่บนหมอน เอื้อมมือข้างหนึ่งไปบีบจมูกของนาง “หากไม่ใช่ว่าจมูกนี้ของเจ้าโด่งเกินไปนะ ก็คงจะเป็นผู้มีความงามสมบูรณ์แบบ”
หรือว่าท่านอ๋องจะเป็นผู้หญิงไปแล้วจริง ๆ
ซ่านจินจื๋อไม่ได้ตอบอะไร เพียงแค่วางมือลง หลับตาลงแล้วพาคนในอ้อมแขนเข้ามากอดให้แน่น “ข้าไม่เคยเห็นคนงามที่ผอมแห้งเช่นเจ้า ดูแล้วเหมือนปีศาจจิ้งจอกในนิทาน”
กู้อ้าวเวยหัวเราะขึ้นสองครั้ง ผลักตัวเองออกจากอ้อมแขนของเขา ผลักเขาไปที่หนึ่ง มองตรงไปยังผู้ชายคนนั้นขยี้ตาแล้วลุกขึ้นนั่งเพื่อหลีกทางให้นาง นางคลานลงจากเตียงอย่างระมัดระวัง ค่อยๆล้างหน้าล้างตา “ตอนนี้ไหวพริบเจ้าดีมาก ข้ายังไม่ได้แม้เพียงครึ่ง”
“เจ้ายอมรับความพ่ายแพ้อย่างจริงใจไหม” ซ่านจินจื๋อนอนลงอีกครั้งด้วยเสื้อผ้าชุดใหม่ จมูกของเขาเต็มไปด้วยสมุนไพรที่ทำให้รู้สึกสบายใจ
“ข้าขี้เกียจมาพูดเรื่องงี่เง่ากับเจ้าแล้ว” กู้อ้าวเวยหวีผมอันยาวยุ่งของนาง แล้วพูดต่อไป “ตรงกันข้ามตอนนี้เจ้ากลับไม่เหมือนท่านอ๋องขึ้นทุกวัน ไม่เพียงแต่พูดอะไรยาวๆ แต่ตอนนี้ยังอ่อนโยน ข้าแทบจะจำไม่ได้เลย”
“หลายปีผ่านไป ฮูหยินที่แสนจะเย่อหยิ่งได้ถูกคนเปลี่ยนกลายเป็นผู้หยิ่งผยองในวันนี้ ตัวข้าเป็นสามีก็ต้องเปลี่ยนแปลงกันบ้าง ไม่ใช่นั้นกลัวว่าฮูหยินของตัวเองอาจจะไปสนใจคนอื่นได้” ซ่านจินจื๋อยิ้มเยาะเล็กน้อย
กู้อ้าวเวยนั่งอยู่หน้ากระจกทองเหลือง มองดูตัวเองในกระจกที่ยังรู้สึกยังไม่โตมากพอ แต่ในใจดวงนี้กลับเต็มไปด้วยเรื่องสำคัญ ความปรารถนาที่จะฝึกฝนวิชาแพทย์เพื่อใต้หล้าก็ยังคงอยู่ไม่ได้หายไปไหน แต่กลับมีความเปลี่ยนแปลงบางอย่าง แค่ยิ้มให้กับสิ่งนี้ “ก็เช่นเดียวกับซูพ่านเอ๋อในตอนนั้น เจ้าไม่ได้ชอบคนหยิ่งผยองหรอกหรือ”
“ซูพ่านเอ๋อที่ข้าชอบในตอนนั้น เป็นเพียงแค่เด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆที่คอยติดตามอยู่ข้างหลังข้า” ซ่านจินจื๋อลืมตามาครึ่งหนึ่ง แล้วเอนกายลงบนเตียง “ตอนนี้สิ่งต่าง ๆไม่เหมือนเดิม ข้ายินดีจะให้เจ้าเลิกนิสัยเย่อหยิ่ง ดีที่สุดอยากให้เป็นเด็กน้อยในอ้อมแขนข้าจะดีกว่า”
“ฝันไปเถอะ” กู้อ้าวเวยมองเขาอย่างแรง
เพราะสิ่งนี้ซ่านจินจื๋อจึงได้ลุกขึ้นจากเตียง ช่วยนางมัดผมด้วยตัวเอง มือคู่นั้นไม่ได้คล่องแคล่วไปกว่าสาวใช้ แต่การกระทำนั้นช่างพิถีพิถัน “ถ้าไม่มีเจ้า ตอนนี้ข้าก็คงเป็นไอ้ขี้เมา ทั้งกลางวันกลางคืนก็คงจะกังวลแต่เรื่องบัลลังก์ที่น่ารำคาญนั่น”
“น้อยครั้งมากที่ข้าเห็นเจ้าดื่มเหล้า” กู้อ้าวเวยวางมือทั้งสองข้างลงบนขา ค่อยๆเงยหน้า มองไปยังซ่านจินจื๋อที่มีหน้าตาจริงจังผ่านกระจกทองเหลือง “แต่ ตอนนี้เจ้าจริงจังกับข้ามาก ข้ารู้สึกอึดอัดจริง ๆ”
ดึงผมยาวนั้นของนางเบาๆ กู้อ้าวเวยยกมือขึ้นป้องศีรษะแล้วส่งเสียงร้อง ซ่านจินจื๋อจึงพูดขึ้น “เจ้าทำให้การต่อสู้ของพวกเราเป็นการเอาเป็นเอาตาย”
กู้อ้าวเวยหันไปที่กระจกด้วยความเจ็บปวด พูดด้วยความโกรธออกไป “แม้ว่าเจ้าจะเป็นคนที่โกรธเพราะหญิงงาม แต่เจ้าอย่าบอกนะว่าไม่ได้สังเกตความหมายของล่ายเสวียน เส้นทางเล็กๆพวกนั้นเมื่อกี้นี้ เจ้าน่าจะจำได้ชัดเจน”
เมื่อพูดถึงสิ่งที่ ซ่านจินจื๋อก็ระงับรอยยิ้มบนใบหน้า “ฉีหรัวแอบช่วยล่ายเสวียนใช้จ่ายเงินไปเป็นจำนวนมาก แม่ว่าหยวนเอ๋อจะไม่ได้ครองบัลลังก์แต่ก็ไม่ได้ให้สถานะใดกับฉีหรัว แต่หากว่าคนเขารู้เข้า อนาคตก็ต้องเข้าร่วมกับเขา ข้าเป็นท่านอา ก็ทำได้เพียงมาช่วยดู และจัดการกับปัญหาระหว่างทาง”
“เจ้ายังต้องคิดให้รอบคอบ แต่ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเรื่องที่คอยติดตาม” กู้อ้าวเวยหยิบหวีในมือของเขา มัดผมไปแบบตามใจ แล้วลุกขึ้นยืน “เจ้ากลัวว่าแคว้นเอ่อตานจะบุ่มบ่าม แต่มันก็ดูสมเหตุสมผล แต่เมืองนี้ ทั้งแคว้นเอ่อตานและแคว้นชางหลานก็ไม่อาจจะกลืนกินมันได้”
“เจ้ารู้จักข้าดี การรบครั้งนี้ไม่อาจจะเชื่อใจแคว้นเอ่อตานได้จริง ๆ อย่ามองแต่คำพูดจากปากของพ่อเจ้าเรื่องสันติภาพนั่น แต่ขอเพียงแค่ยึดเมืองนี้ ในอนาคตแคว้นชางหลานก็อาจถูกคุกคามไปทุกที่ เพื่อแลกกับผลประโยชน์ที่ดีในอนาคต มีอะไรที่จะเป็นไปไม่ได้ล่ะ”
“แม้ว่าเมืองนี้จะเป็นอาณาเขตของแคว้นเจียงเยี่ยน แต่กลับใกล้กับแคว้นเจียงเยี่ยนมากเกินไป” กู้อ้าวเวยบี้มุมปาก มองไปยังฉากกั้น “แต่มันก็สมเหตุสมผลแล้วที่เจ้าจะต้องช่วยแคว้นชางหลานจัดการกับเนื้อติดมันชิ้นนี้ แต่ข้าก็ต้องเตือนเจ้าไว้ด้วย เมืองแห่งนี้ ทั้งแคว้นเอ่อตานและแคว้นชางหลานก็ไม่สามารถจะกลืนกินได้”
“ดูเหมือนว่าเจ้ากับล่ายเสวียนจะมีแผนการอะไร” ซ่านจินจื๋อเลิกคิ้วขึ้น แต่กู้อ้าวเวยก็ไม่ได้พูดอะไร ได้ยินแต่เพียงเสียงฝีเท้าที่เร่งรีบจากนอกประตู
องครักษ์นายหนึ่งเข้ามาอย่างเร่งรีบ “ใต้เท้า แย่แล้ว! มีคนเผาป่าทางตะวันตกเฉียงเหนือ!”