บทที่ 679 เดาไม่ออก
นอกเรือนมีทางที่ไม่ใกล้ไม่ไกล เดินไปไม่นานก็เป็นเมืองที่ธรรมดาเมืองหนึ่ง ถ้ามองดูดีๆก็สามารถมองเห็นว่าในป่านี้ยังมีจวนที่ดูดีอยู่อีก ดูแล้วเหมือนจะเป็นที่ที่ระหว่างแคว้นชางหลานกับแคว้นเอ่อตาน
ด้านหลังเดินตามเฟิงฉีนมีชายสี่คนที่เปลี่ยนชุดเรียบร้อยแล้ว
กู้อ้าวเวยเดินตรงไปในเมือง เฟิงฉีนที่อยู่ข้างๆพูดขึ้นว่า “ในเมืองมีคนเยอะ”
“ข้าต้องไปส่งจดหมายพวกเจ้าสามารถตรวจสอบได้” กู้อ้าวเวยเอาจดหมายไปใส่ในมือของเฟิงฉีน ในจดหมายเขียนแค่ว่านางปลอดภัยดี และยังเป็นคนที่คุ้นเคยกันพานางไป ไม่ได้พูดถึงซ่านเซิ่งหานเลย
แต่ถึงจะอย่างนั้นก็เถอะ เฟิงฉีนส่ายหัวไปมา “แบบนี้จะทำให้คนรู้ที่อยู่ของพวกเรา”
“ขอแค่พวกเจ้าอยากทำเรื่องนี้ให้ข้า ก็สามารถทำได้” กู้อ้าวเวยพูดเช่นนี้แล้วก็ตบไปที่ไหล่ของเฟิงฉีนเบาๆ “ถ้าหากพวกเขาคิดว่าข้าตกอยู่ในอันตราย พวกเจ้าต้องเจอไม่เพียงแค่รู้ว่าอยู่ที่ไหนแค่นั้นแล้ว”
“ฝ่าบาทท่านมั่นใจเกินไปแล้ว” แววตาของเฟิงฉีนนิ่ง
“ข้ามั่นใจขนาดนี้ก็เพราะมีเหตุผล ข้อแรกข้าไม่อยากทำให้พวกเจ้าลำบากใจ ข้อสองข้ายังไม่อยากสู้กับซ่านเซิ่งหาน ข้อสามถึงแม้ว่าข้าอยากจะแก้แค้นแทนกุ่ยเม่ย แต่พวกเจ้าเอายาที่ล้ำค่าของข้ามาจดหมด ข้าไม่อยากกลับไปมือเปล่า ตายอยู่ข้างถนน” กู้อ้าวเวยเอามือเท้าเอวเดินไปข้างหน้า
แต่เฟิงฉีนไม่เคยให้นางได้เห็นยาพวกนั้นเลย
“พูดไปข้าก็ลืมบอกเจ้าแล้ว” กู้อ้าวเวยค่อยๆหันกลับมา โบกมือให้นาง “เจ้ากับพี่สาวของเจ้าดูแลคนเหมือนกัน คุกเข่าก็เหมือนกัน ดังนั้นข้าเลยดูออกว่านายท่านของเจ้าคือใคร นอกจากนี้ครั้งนั้นที่อยู่บนรถม้าเอายาให้ข้ากิน น่าจะเข้าไปในเช่ออี้จื่อ ของพวกนี้หายากมาก คิดดูแล้วพวกเจ้านอกจากแย่งมาแล้วก็คงหามาได้อันที่สอง อีกอย่างที่พวกเจ้าพูดว่าเหลือหมอสองคนเอาไว้ รอให้ข้าจากไปแล้ว พวกนางก็ยังมาไม่ทัน ก็พิสูจน์ได้แล้วว่าหลังเรือนมีเรื่องแน่”
เฟิงฉีนและคนข้างหลังราวกับเป็นใบ้ไม่พูดอะไรเลย
มองดูคนข้างหลังทำไมไม่เดินตามมา กู้อ้าวเวยไม่พอใจแล้วหันกลับไปเดินต่อไปข้างหน้า “รีบเดินตามมา ไม่เช่นนั้นข้าจะหนีแล้วนะ”
ตรงหน้าคือเมืองกู้อ้าวเวยอดไม่ได้ที่จำกำมือแน่น
ในเมื่อพวกเขาแย่งเช่ออี้จื่อมาแล้ว แน่นอนว่าคงไม่ปล่อยถุงน้ำดีหงส์กับเลือดมังกร ถึงแม้ว่าจะไม่รู้ว่าชีวิตของซ่านเซิ่งหานจะรวมถึงของพวกนี้หรือเปล่า แต่ชีวิตของนางกับลูกอยู่ในมือของเฟิงฉีน
สามารถโกรธ แต่ไม่สามารถหนี
ค่อยๆปล่อยนิ้วมือออก เฟิงฉีนที่อยู่ด้านหลังเดินตามมา เดินมาข้างๆนาง “ฝ่าบาทถ้าหากท่านอยากรู้อะไรสามารถถามพวกเราได้”
“ขอโทษ ข้าไม่สามารถเชื่อคนที่ทำร้ายพี่น้องข้าได้” กู้อ้าวเวยค่อยๆโบกมือ “ยิ่งไปกว่านั้นพวกเจ้าเอายาพวกนั้นมาข่มขู่ข้า ข้าระวังตัวหน่อยก็ดี”
ผู้หญิงคนนี้น่ากลัวจริงๆ
เฟิงฉีนที่เดินตามหลังคิดเช่นนี้ แล้วก็สั่งพวกเขาให้ไปส่งจดหมายให้กู้อ้าวเวยนอกจากนั้นยังเตรียมที่จะไปอีกที่หนึ่งในวันพรุ่งนี้ ก็ไม่รู้หวังว่ากู้อ้าวเวยจะไม่ทำอะไร ยังคงหวังว่านางจะวางใจพวกเขา
กู้อ้าวเวยสงสัยตรงจุดนี้มาก
ถึงแม้ว่าคนพวกนี้จะยอมรับว่าเป็นคนของซ่านเซิ่งหาน แต่ถ้าไม่เห็นซ่านเซิ่งหานหรือจดหมายของเขา นางก็ไม่มีเหตุผลที่จะต้องไปเชื่อ อีกอย่างคือนางไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องไปเชื่อเลย
มาถึงในเมืองคนไม่ได้เยอะเหมือนที่เฟิงฉีนพูดเลย
บนถนนมีเพียงคนเดินไม่เยอะ ร้านรอบๆก็มีเพียงคนแก่และเด็กเท่านั้น ไม่มีคนหนุ่มสาวเลย พวกเขาเดินไปไม่กี่ก้าว ก็หาร้านชาแล้วนั่งลง กู้อ้าวเวยมองดูหญิงสาวที่ร้องเพลงอยู่ กู่เจิง(เครื่องดนตรี)ในมือเล่นไปแค่ครู่เดียว รอยยิ้มภายใต้ผ้านั้นเปลี่ยนแล้วก็เปลี่ยนอีก
รอบๆที่นั่งอยู่ก็มีเพียงคนแก่ที่ดูแล้วเหมือนจะเป็นคนมีเงิน เฒ่าแก่ร้านชาเห็นว่ามีฮูหยินที่ท้องแก่เดินเข้ามา สีหน้าก็เย็นชาลง ท่าทีดูไม่ค่อยเคารพเสียเท่าไหร่ “ฮูหยินท่านต้องการอะไร”
“เอาของดีขึ้นก็หมดเรื่อง รีบเอาคนที่อยู่บนเวทีลงมา ที่เล่นเนี่ยเรียกว่าเพลงหรือ เหมือนเล่นเพื่อเรียกแขก ไม่รู้ก็คิดว่าเฒ่าแก่ผู้ชายขายชาเป็นแม่เล้า ถูกพูดออกไปเกรงว่าคงถูกคนด่าว่าหน้าหนา” กู้อ้าวเวยตั้งใจพูดเสียงดัง คนแก่ไม่กี่คนได้ยินก็หันมาจ้องตาเขม็ง ขนาดว่าหญิงสาวที่อยู่บนเวทียังมองมา คิดคนท้องแก่จากไหนกันที่มาก่อเรื่อง
เฟิงฉีนขมวดคิ้ว เอาถุงเงินโยนใส่มือของเฒ่าแก่แล้วพูดปิดปากเขาก่อนว่า “คุณหนูบ้านข้าพูดอะไรก็คืออะไร ถ้าเงินพวกนี้ไม่พอ ก็ยังมีของอย่างอื่นที่จะมาปิดปากเจ้าเอาไว้ได้”
เฒ่าแก่เดิมอยากจะพูดขึ้นมาสักสองสามประโยคแต่พอนับเงินในถุงแล้วมองดูตาลุกวาว
อยู่ในที่เล็กๆเช่นนี้ไหนเลยจะเคยเห็นเงินเยอะขนาดนี้ ถึงแม้ปกติจะทำธุรกิจและสามารถหาเงินได้นิดหน่อย แต่วันนี้มีคนเงินหนักเข้ามา เฒ่าแก่เลยโบกมือแล้วให้เปลี่ยนคน เรียกคนที่ขี้อายมาเล่นผีผา คนแก่รอบๆก็เดินออกไปเกือบครึ่ง
ที่เหลือคือสงสัยว่านี่คือฮูหยินบ้านไหน ถึงแม้จะท้องแก่ แต่ก็สวยกว่าหญิงสาวในหมู่บ้านนี้ ผิวเนียนนุ่มมองดูดวงตาคู่นั้นที่น่าดึงดูดคน
เดินคิดอยากจะก่อเรื่องเสียหน่อย ตอนนี้ถูกคนแก่พวกนี้จ้องมองขนาดนี้ กู้อ้าวเวยลุกขึ้นแล้วหันมามองเฟิงฉีน “เจ้าเอาเงินมาเยอะสินะ”
“ดูแลท่านแน่นอนว่าต้องใช้ของที่ดีที่สุด” เฟิงฉีนเม้นปากคนข้างหลังแอบจดเอาไว้
ออกจากร้านชาก็ไปที่ร้านเหล้าร้านเสื้อผ้า แล้วก็ไปที่ร้านเครื่องประดับดูสร้อยคอหลายแบบหลายอย่าง ไม่ว่ากู้อ้าวเวยคิดอยากจะทำอะไร ก่อเรื่องอะไร ก็ถูกถุงเงินของเฟิงฉีนจัดการเก็บกวาดจนเรียบร้อย
จนพระอาทิตย์ใกล้จะลับขอบฟ้าแล้ว กู้อ้าวเวยยังก่อเรื่องให้เป็นเรื่องไม่ได้เลย ได้แต่โกรธ เฟิงฉีนจึงพูดขึ้นเบาๆว่า “ที่นี่คนน้อย ไม่ค่อยเห็นเงินทองเยอะ ถุงเงินของข้าสามารถจัดการกับทุกเรื่องได้”
“คิดเสียว่าข้าดูถูกพวกเจ้าเกินไปแล้ว” กู้อ้าวเวยยักคิ้ว มองดูเด็กที่ถนนเอามือกุมหน้าครึ่งหนึ่ง “ส่งจดหมายไปแล้วใช่ไหม”
“ส่งไปแล้ว”
“ข้ายังอยากอยู่ที่นี่สักพัก” หลายวันมานี้ส่วนมากแล้วกู้อ้าวเวยก็เอาแต่นอน ตอนนี้เดินมานานแล้วทำให้รู้สึกเหนื่อย แววตาอ่อนล้าแต่ไม่ได้พูดอะไร
เฟิงฉีนไม่กล้ารบกวนสั่งให้คนคอยดูรอบๆ นางเองก็ได้แต่นั่งเงียบๆ
นิสัยของฝ่าบาทท่านนี้ทำให้คนเดาไม่ออกจริงๆ