บทที่ 686 ข้าต้องการ
กิ่งไม้เล็กนั้นทำให้เขาโซเซไปก้าวหนึ่ง
ซ่านจินจื๋อหยุดฝีเท้าลง ควบคุมร่างให้มั่นคง อาการใจสั่นที่ไม่เคยเป็นมาก่อนทำให้หน้าตาเขาเคร่งขรึมขึ้นมา แก้มที่แหลมคมนั้นดูตึงเครียดขึ้นมา กำมีดสั้นในมือไว้แน่นส่งเสียงออกมาอย่างแผ่วเบา
มือที่ไม่ทราบที่มาจับไปที่ลำคอเขาอย่างแน่น จนกระทั่งหงเซียวเดินเข้ามาจากข้างหลังอย่างสงสัย “ท่านอ๋อง ท่านเป็นอะไรไปหรือ”
“ไม่เป็นอะไร” บางทีอาจจะเป็นเพียงความไม่สบายตัวเพียงชั่วคราว
ซ่านจินจื๋อคิดเช่นนั้น แต่สายตากลับจับพลัดจับผลูมองไปยังภูเขาสุดลูกหูลูกตาที่อยู่ไม่ไกล ยังคงไม่พบความผิดปกติใด ๆ ทั่วทั้งป่าเขายังคงเงียบสงบ
กิ่งไม้ที่เท้าถูกเหยียบมีเสียงออกมาเล็กน้อย มีกลิ่นแปลกๆโชยเข้าจมูก
ตอนนี้พวกเขาอยู่ใกล้กับแคว้นเอ่อตานเข้ามาแล้ว และชายแดนแคว้นชางหลาน ยังไม่รู้ว่าจะส่งคนไปได้หรือไม่ แต่อย่างน้อยคนที่ได้รับฟังมาจากซ่านต้วนเฟิงก็ต้องรู้แน่นอน เรื่องที่อ๋องจิ้งยังมีชีวิตอยู่
กองทัพชุดดำที่ดูเหมือนจะหลบซ่อนตัวอยู่ ก็ไม่ปรากฏออกมาอีก
และบนภูเขาที่อยู่ไม่ไกล ปลายนิ้วของกู้อ้าวเวยกำลังฝังจมอยู่ในฝ่ามือ ความรู้สึกหน่วงในช่องท้องเริ่มบรรเทาลง ถูกแทนที่ด้วยความเจ็บปวดอันมหาศาลจากพิษ ตามมาด้วยความเจ็บปวดจากทั่วร่างที่เข้าสู่หัวใจ ปวดจนกระตุก
เฟิงฉีนเชื่อฟังคู่หู กดไหล่ที่บิดเบี้ยวของนางเอาไว้แน่น เมื่อเห็นท่าทางของนางที่มีเหงื่อออกอย่างมากมาย แทบจะกัดแฟนแล้วบีบเคล้นคำพูดออกมาจากลำคอ “แท้จริงแล้วนางแทบจะไม่สนใจลูกของนางเลย!”
“แต่หากนางสูญเสียเด็กคนนี้ไป ทั้งชีวิตนี้คงไม่สามารถจะมีได้อีกแล้ว” คนนั้นพูดเสียงต่ำ เช่นเดียวกันกับการนำยาจากหีบที่เตรียมไว้นานแล้วออกมาบดให้เป็นผงแล้วผสมใส่ลงในน้ำจนเหงื่อออกท่วม และให้ผู้หญิงอีกคนหนึ่งนำไปป้อนให้นาง และพูดต่อไป “องค์ชายสามขอร้องให้พวกเราพานางกลับไปอย่างปลอดภัย รวมถึงเด็กคนนี้ด้วย”
สายตาของเฟิงฉีนเปล่งประกายเยือกเย็น เพียงแค่อดกลั้นไว้แล้วทำตามเรื่องที่คนผู้นั้นสั่งให้ทำ
รถม้าที่อยู่ไม่ไกลถูกไฟไหม้ ม้าก็ได้ตกใจเตลิดเข้าป่าไปในทันทีที่ปลดออกจากรถม้า หายไปในทันที แต่ควันควันหมาป่าสีครามยังคงกระจายอยู่เต็มท้องฟ้า
กู้อ้าวเวยที่อยู่เบื้องหน้าสายตาได้หมดสติไปแล้ว แขนที่ได้รับบาดเจ็บได้ถูกห้ามเลือดไว้ด้วยวิธีเรียบง่าย ตอนนี้กลับปริออกอีกครั้งเพราะการดิ้นไม่หยุด เพื่อนร่วมทางคนอื่น ๆก็ล้วนยืนอยู่ด้านข้าง คอยฟังคำสั่ง
ใครจะไปคาดคิดว่าคนท้องหนึ่งคนจะสามารถจะเผารถม้าของตัวเองได้
ถึงขั้นกระทุ้งท่อนไม้ด้วยแขนโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัย และในช่วงเวลาอันสงบยังสามารถพบรายละเอียดปลีกย่อยมากมายที่ไม่อยู่ในสายตา
“นางคือแม่มด เหมือนกับแม่ของนาง พวกเราจะพานางกลับไปอยู่ข้างกายขององค์ชายสามไม่ได้” ใครบางคนขยับตัวก้าวมาข้างหน้าก้าวหนึ่ง ยังคงได้กลิ่นเลือดจางๆจากผู้หญิงคนนั้น “เป็นไปไม่ได้ที่นางจะสามารถรักษาเด็กคนนี้ไว้ได้”
“เด็กคนนี้ยังเล็กมาก อีกอย่างนางก็เพิ่งจะควบคุมมุมได้ ยกเว้นว่านางจะใช้แรงหนักกว่าเดิมเล็กน้อย” ผู้ชายที่เชี่ยวชาญการแพทย์พูดอย่างไม่พอใจ “เด็กคนนี้ยังรอดได้ นางก็ไม่ใช่แม่มดด้วย นางเป็นคนที่องค์ชายสามต้องการ”
“ผู้หญิงคนหนึ่งที่ต้องการกำเนิดลูกให้เขาเหรอ นางจึงยอมสูญเสียความบริสุทธิ์” มีผู้ชายคนหนึ่งก็ยืนขึ้นด้วยความไม่พอใจเช่นกัน “อีกอย่าง….นางดูไม่เหมือนคนเลยสักนิด นางรู้หมดทุกอย่าง! แม้แต่ใบสั่งยาอมตะนางก็ยังมี นางเป็นสัตว์ประหลาดแน่นอน พวกเจ้าจะพานางกลับไปได้อย่างไรกัน คิดดูสิพี่เยว่ยังถูกขังมาแล้วเลย!”
คนสองกลุ่มที่คิดเห็นต่างกันแทบจะทะเลาะกัน
และพวกเขาควรที่จะเชื่อฟังคำสั่งขององค์ชายสาม ตอนนี้กลับมีคนรู้สึกกลัวนาง
เฟิงฉีนลดเปลือกตาลง มองไปที่คนที่นอนอยู่ในเสื้อคลุมบางตัวหนึ่ง จากนั้นก็ยกมุมปากเล็กน้อย ทำให้เฟิงฉีนไม่สามารถควบคุมอาการขนลุกของตัวเองไว้ได้ และยังคงเอ่ยปาก “คำสั่งขององค์ชายสามคืออะไร พวกเราก็ควรจะทำแบบนั้น หรือพูดได้ว่า พวกเจ้าไม่กี่คนนี้มีสิทธิไปตัดสินใจเรื่องพวกนี้แทนองค์ชายสามอย่างนั้นหรือ”
คนทั้งสองกลุ่มค่อยๆสงบลง และไม่พูดอะไรอีก
แต่คณะของพวกเขาได้แตกแยกกันแล้ว เฟิงฉีนเบ้ปากอย่างหมดหนทาง แล้วพูดต่อไป “นำเรื่องนี้ไปรายงานองค์ชายสาม และแจ้งพี่สาว เราไม่สามารถจะครอบครองบุคคลนี้ไว้ได้ ให้นางไปหาคนอื่นมาแทน”
“ครับ”
“ยังมีอีกอย่าง อย่าส่งคนไปตายกับซ่านจินจื๋อ ทุกคนซ่อนตัวให้ดี รอโอกาสที่จะปฏิบัติการอีกครั้ง” เฟิงฉีนพูดแบบนี้ และไม่ลืมที่จะปิดหูของกู้อ้าวเวยไว้ขณะที่พูดออกไป ไม่ว่าตอนนี้นางไม่รับรู้อะไรอยู่นานแล้ว
ควันสีครามจากควันหมาป่า หายไปในช่วงบ่าย นกพิราบสีขาวสยายปีกบินไปยังชายแดนแคว้นชางหลานซึ่งห่างออกไปเพียงสามวัน
ซ่านเซางหานนำตัวซ่านต้วนเฟิงออกมาจากคุกใต้ดิน นกพิราบสื่อสารสีขาวราวกับหิมะมาเกาะอยู่บนแขนของเขา พับปีกลง ดวงตากลมนั้นมองไปยังทิศทางของชายแดน สองขาเล็ก ๆ ขยับเล็กน้อย เพื่อให้ซ่านเซิ่งหานถอดกระบอกไม้ไผ่ออกจากขาได้อย่างสะดวก
“นกพิราบของเฟิงฉีนดูจะมีจิตวิญญาณมากเหลือเกิน” ซ่านเซิ่งหานพูด หยุดฝีเท้าโดยไม่ได้สนใจซ่านต้วนเฟิงที่ถูกมัดไว้ด้านหลัง ได้แต่เพียงเอากระบอกไม้ไผ่ออก มองไปยังจุดสีแดงสดที่อยู่ด้านหลัง ขมวดคิ้วแน่นทันที
เฟิงฉีนใช้กลอุบายที่กู้อ้าวเวยเคยใช้มาแล้ว เช่นเดียวกันได้เขียนการกระทำที่เป็นอันตรายไว้ทีละรายการ
“เดิมทีข้าคิดว่านางไม่น่าจะรู้ความหมายของท่าทางเหล่านั้น” ซ่านเซิ่งหานขมวดคิ้วและฉีกจดหมายในมือออกเป็นชิ้นๆ โยนมันลงไปในถังน้ำของคุกใต้ดิน “เฟิงเยว่ เจ้าพาคนออกเดินทางไปตอนนี้ รับคนกลับมาให้ข้า ไม่จำเป็นต้องหลอกลวงอะไร เพียงแค่บอกนาง ว่าข้าต้องการให้นางอยู่เคียงข้างตัวข้า จนกว่าข้าจะได้ครองบัลลังก์ฮ่องเต้ อีกอย่าง นางสามารถมีอิสระได้ แต่เป้าหมายหลักของนางจะเป็นซ่านจินจื๋อไปไม่ได้”
เฟิงเยว่พยักหน้า จากนั้นจึงหยิบจดหมายฉบับหนึ่งออกมายื่นให้เขา “นี่คือจดหมายที่ใต้เท้าท่านนั้นส่งมาเมื่อเช้านี้ นางหวังว่าจะได้พบท่านอีกครั้งหลังจากกลับไปยังเมืองเทียนเหยียน”
พูดจบ เฟิงเยว่ก็ได้แต่ทำความเคารพแล้วเดินจากออกไป
ซ่านต้วนเฟิงที่อยู่ข้างหลังมีใบหน้าที่ซีดเซียว แต่เขาก็ได้ยินเรื่องเมื่อสักครู่นี้อย่างชัดเจน จึงหัวเราะเบาๆ “ข้าไม่รู้มาก่อนเลยว่าพี่ชายจะชื่นชอบผู้หญิงที่แต่งงานแล้วมากขนาดนี้”
“มีแต่คนโง่อย่างเจ้าเท่านั้นที่คิดว่านางเป็นแค่ผู้หญิงที่แต่งงานแล้วคนหนึ่ง” ซ่านเซิ่งหานหันไปมองซ่านต้วนเฟิงอย่างเย็นชา “ข้าไม่ต้องการแคว้นเอ่อตานและกู้เฉิง แต่มีนางเพียงคนเดียว ที่ข้าปล่อยวางไม่ได้”
“เหอะ เจ้าเพิ่งจะพูดไปเมื่อครู่ไม่ใช่หรือว่าจะให้นางมาเคียงข้างเจ้า จนได้ครองบัลลังก์งั้นเหรอ” ซ่านต้วนเฟิงหัวเราะเยาะ แทบอยากจะถ่มน้ำลายใส่หน้าเขา “ผู้หญิงตระกูลหยุนก็ล้วนแต่เป็นนางจิ้งจอก!”
“หลังจากขึ้นครองบัลลังก์แล้ว แน่นอนว่าข้าไม่ได้ต้องการให้นางมาเป็นฮองเฮาของข้า” ซ่านเซิ่งหานยังคงเดินออกไปด้านนอก แสงแดดสาดส่องเข้ามา และด้วยน้ำเสียงหนักแน่นของซ่านเซิ่งหาน “นางจะเป็นที่ปรึกษาและคนรักเดียวของข้า ตำหนักต้องห้ามและแคว้นชางหลาน ก็ต่างไม่สามารถกักขังนางไว้ได้”
ซ่านต้วนเฟิงหรี่ตามอง เมื่อเปิดดูอีกครั้งก็พบเพียงแสงสีขาวที่อยู่เบื้องหน้า
“เจ้านี่มันเป็นคนบ้า ไม่รู้จริง ๆหรือว่าเจ้าต้องการอะไร”
“ข้าก็แค่อยากได้ทั้งหมดที่ข้าต้องการ”