บทที่ 714 โน้มน้าวให้ร่วมมือ
ที่จริงนางแค่อยากจะสองใจเท่านั้น
กู้อ้าวเวยคิดแบบนี้ในใจ แต่คำพูดที่แลกมากลับเป็นเสียงร้องสะอึกสะอื้นของซูอ่านเอ๋อ นางก็เหม่อลอยไม่สักครู่ ก่อนที่เมี่ยวหารจะพุ่งเข้ามากัดนาง นางก็ถอยออกไปก่อน
ลุกขึ้นมา กลับเห็นคนอื่นไม่พูดอะไร ก็รู้สึกแปลกใจจึงพูดว่า: “ข้าพูดอะไรผิดไปหรือ?”
หน้าผากเยว่มองกู้อ้าวเวยด้วยหน้าผากที่เต็มไปด้วยเหงื่อ
พวกเขาไม่คิดเลยว่าเมี่ยวหารและซูพ่านเอ๋อจะเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วย ขณะเดียวกัน ขนาดซ่านเซิ่งหานยังต้องตกใจที่เขาสืบการกระทำของอ๋องจิ้งได้ทั้งหมด แต่พอเขาฟังที่กู้อ้าวเวยพูดแล้ว ก็เหมือนกับกำลังบอกเขาว่า ข่าวที่เขาได้มาทั้งหมดนั้นไม่มีประโยชน์เลย
เฟิงฉีนผ่อนแรงที่เท้าลงหน่อย ให้เมี่ยวหารลุกขึ้นมาได้บ้าง อีกด้านกลับพูดเสียงทุ้มต่ำว่า: “องค์หญิง ท่านรู้เยอะมากเลนนะ”
“ข้ายังรู้ด้วยนะว่าองค์ชายพวกเจ้าน่ะชอบข้าตรงไหน อยากรู้ไหม?” กู้อ้าวเวยกระพริบตาด้วยความหยอกล้อ แต่พอมาคิดดูแล้วตัวเองมองไม่เห็นเสียหน่อย นางจึงปิดตาตัวเองไว้และหัวเราะเสียงเบา: “ขอโทษที ข้าลืมไปว่าตัวเองมองไม่เห็น”
“เมี่ยวหารมีวิธีการถอนพิษ” เยว่พูดขึ้น
“เพื่อรักษาชีวิตเขาไม่บอกหรอก” กู้อ้าวเวยพูดต่อ เอียงหัวนิดๆและพูดว่า: “แต่ว่าเมี่ยวหารถ้าเจ้าอยากรู้วิธีเป็นอมตะละก็ ก็มาช่วยฉันถอนพิษและศึกษาวิธีนั้นไปด้วยกัน เป็นไงล่ะ”
สายตาเมี่ยวหารมองไปที่กู้อ้าวเวยแปลกๆ
นางคิดอะไรอยู่นะ?
“เขาไม่ปลอดภัย” ซ่านเซิ่งหานอ้อมโต๊ะ เดินไปข้างกู้อ้าวเวย: “ไม่รู้จริงๆเลยว่าเจ้ายังรู้อะไรอีก?”
“ข้ายังรู้อีกว่าก่อนหน้านี้เจ้าปล่อยข้าไปที่ข้างซ่านจินจื๋อ ก็เพื่อแลกกับความไว้ใจของฉัน” กู้อ้าวเวยขยับไปข้างๆ: “ข้าไม่อยากเสียเวลา เข้าวังไปกับเจ้าเพื่อแน่ใจกับสถานการณ์ และคิดวิธีเป็นอมตะ เจ้าเลือกให้ข้าอันหนึ่งสิ”
สีหน้าซ่านเซิ่งหานซีดเผือด มองเมี่ยวหารที่นั่งบนพื้นด้วยสายตาที่เย็นชา
เขาคิดว่าพาเมี่ยวหารที่มีวิธีถอนพิษมาจะทำให้กู้อ้าวเวยปลอดภัย แต่ไม่คิดเลยว่ากู้อ้าวเวยบอกเป้าหมายแผนการของเมี่ยวหารมาทั้งหมด และขนาดความคิดตอนนั้นของเขานางก็เดาออกอีก
“พรุ่งนี้ข้าจะพาเจ้าเข้าวัง เจ้าอยากไปเจอใครงั้นเหรอ?” ซ่านเซิ่งหานถอนหายใจ
“เจ้าวางยาฮ่องเต้เหรอ?”
“ไม่ใช่” ซ่านเซิ่งหานอึ้งนิดๆ และพูดต่อว่า: “และเรื่องนี้ไม่ใช่ฝีมือของซ่านต้วนเฟิงแน่นอน”
“งั้นเจ้าอยากจะฆ่าพ่อของเจ้างั้นเหรอ?” กู้อ้าวเวยขยับเข้าไปใกล้ ตอนที่พูดนางก็รู้สึกเจ็บหัวขึ้นมาอีกครั้ง
“ไม่อยาก ข้าสั่งคนไปสืบแล้ว” ซ่านเซิ่งหานก้าวเข้าไปจับมือนางไว้ เห็นนางที่ใบหน้าควรจะอมชมพูตอนนี้กลับซีดลงไปมาก ก็รู้สึกเป็นห่วงมาก: “วิธีถอนพิษค่อยว่ากันทีหลัง เจ้าไปพักผ่อนก่อนเถอะ”
กู้อ้าวเวยพยักหน้า ช่วงนี้อาการปวดหัวมาบ่อยจริงๆ
อาจเป็นช่วงที่นางมองไม่เห็นและคิดมากเกินไป จึงทำให้ปวดหัวได้
ซ่านเซิ่งหานกลับแค่หวังให้กู้อ้าวเวยหยุดเดาได้แล้ว ไม่มีใครหวังให้ผู้หญิงที่มองเขาทะลุปรุโปร่งทั้งหมดหรอก ยิ่งไปกว่านั้นเยว่และเฟิงฉีนก็รู้สึกตกใจมาก
ไม่เพียงแค่ผู้หญิง กู้อ้าวเวยฉลาดกว่าทุกคนในนี้มาก
ถูกซ่านเซิ่งหานพาไปที่ลานห้านต้าน ตุ้มหูส่ายไปมาตามแรงเดิน รู้สึกตัวเซไปมา กู้อ้าวเวยยังคงคิดไม่หยุด นางเหมือนจะรู้สึกแปลกๆ
เมื่อก่อนนางก็เคยเดาความจริงได้ขนาดนี้เลยเหรอ?
ขณะที่เรื่องราวที่ต้องคิดมีมากขึ้นเรื่อยๆ สายตานางก็กลับเปลี่ยนไปเป็นสว่างมากขึ้น เหมือนตั้งแต่เริ่มถึงตอนนี้ คนรอบข้างก็เอาแต่พูดถึงอมตะ และคนเดียวที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ กลับเป็นนางที่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้เอง ดังนั้นทุกคนก็ต่างถูกดึงดูดกันหมดด้วยเรื่องอมตะ
เป็นเช่นนี้แล้ว นางก็ยิ่งแน่ใจว่าฟ้าให้ตัวเองมาที่นี่เพื่ออะไร
“เฟิงฉีนกับเยว่ตกใจกันหมดแล้ว” ซ่านเซิ่งหานพูดเสียงเบา
“ข้าแค่โกหกเมี่ยวหารเท่านั้น” กู้อ้าวเวยจับแขนซ่านเซิ่งหานไว้ด้วยสีหน้าเรียบเฉย: “พรุ่งนี้เข้าวังไป ข้าจะบอกเรื่องทั้งหมดกับซ่านจินจื๋อให้ชัดเจนเอง ถ้าเขารักข้าจริง ก็ต้องอนุญาตให้ข้าไปตามหาวิธีเป็นอมตะ เจ้าว่าใช่ไหม?”
“หวังว่าจะเป็นแบบนี้” ซ่านเซิ่งหานมองนางอย่างช่วยไม่ได้: “งั้นเจ้าจะอยู่กับข้าต่อไปใช่หรือไม่?”
“แน่นอน จนกระทั่งก่อนที่เจ้าจะรู้ใจตัวเองทั้งหมดก่อน” กู้อ้าวเวยยิ้มหวาน จับแขนซ่านเซิ่งหานและส่ายไปมา: “อุบายพวกนั้นเจ้าก็เก็บไว้เล่นกับพวกขุนนางเถอะ ข้าหวังว่าระหว่างพวกเราจะมีความจริงใจต่อกัน ข้าจัดการแก้ไขปัญหาให้เจ้าได้”
ยังไม่เคยมีคนส่ายแขนเขาไปมาเช่นนี้เลย
ซ่านเซิ่งหานตกลงโดยไม่รู้ตัว จนกระทั่งส่งกู้อ้าวเวยเข้าห้องถึงจะออกไป
พอเยว่นำเจ้าแมวกลับมา กู้อ้าวเวยก็หลับไปแล้ว ข้างโต๊ะยังมียามากมาย เจ้าแมวถูกส่งไปที่เตียง และเยว่ก็นั่งเงียบๆอยู่ข้างๆ ตั้งใจเก็บลมไว้
ในขณะที่ท้องฟ้ามืดสนิท กู้อ้าวเวยตื่นขึ้นมาจากฝัน มือคว้าไปมาก็ยังไม่โดนไออุ่นที่คุ้นเคย ข้างหูเงียบสนิท และก็มีแมวมาลูบไล้ที่หลังมือนาง เหยียบบนเอวของนางเบาๆ
“ไม่รู้ว่าชิงจือจะชอบเจ้าไหม” กู้อ้าวเวยแหย่เจ้าแมวอย่างระวัง และลุกขึ้นมาช้าๆจากเตียง ควานหายาบนโต๊ะ จับและลูบอย่างละเอียดถึงค่อยวางเข้าไปในถ้วย บดละเอียดเป็นผงจึงค่อยใส่เข้าไปในขวดและเขย่าเบาๆ นางมัดผมขึ้นมา แก้เสื้อผ้าออก นำยาทาไปตรงแผลที่ไหล่และหัวใจอย่างระมัดระวัง
เยว่มองดูเนื้อตัวขาวใสบริสุทธิ์และบาดแผลที่น่ากลัว ขนาดเจ้าแมวยังร้องเหมียวเหมียวเดินไปทางเยว่
และกู้อ้าวเวยกลับแค่หัวเราะเบาๆกับเหตุนี้ และทายาไปบนตัวที่มีรอบแผล รอจนยาแห้งแล้ว ถึงสวมเสื้อใหม่ หยุงกำแพงลุกขึ้นมา นั่งลงไปที่โต๊ะ และยังไม่รู้ตัวว่าเยว่อยู่ด้วย แค่ก้มตัวลงอุ้มเจ้าแมวขึ้นมา นั่งในห้องที่มืดมิด โดยไม่นอนอีกเลย
จนฟ้าสว่างแล้ว ไก่ขันเสียงดัง กู้อ้าวเวยถึงขยับตัวช้าๆ นิ้วมือกดไปที่ขมับ: “เป็นวันที่ปวดหัวอีกวัน”
เยว่มองดูกู้อ้าวเวยเดินกลับไปที่เตียงอีกครั้ง และนอนลงไป แกล้งทำเป็นว่าเป็นคืนที่นางหลับสบาย
ด้านนอกมีข้ารับใช้หญิงเดินเข้ามาภายในห้อง และเยว่กลับออกไปจากห้องช้าๆ มาถึงลานด้านนอกก็เห็นเฟิงฉีนส่งเสื้อมา: “ข้าอยู่ที่นี่เงียบๆมาหนึ่งคืน นอกจากไม่นอนเรื่องนี้แล้ว นางไม่มีข้อบกพร่องเลย”
เฟิงฉีนขมวดคิ้วพูดว่า: “ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นก็ไม่ต้องสงสัยอะไรแล้วล่ะ ตอนนี้อ๋องจิ้งกำลังพาคนมานำตัวนางกลับไป ทางที่ดีเจ้าไปดูสถานการณ์ดีกว่า เดี๋ยวข้าจะพานางไปหาองค์ชายสามเอง เผชิญหน้ากับอ๋องจิ้ง”
“นี่แค่ไม่กี่วันเอง อ๋องจิ้งใจร้อนอยากได้คนแบบนี้เลยเหรอ?” เยว่ถามอย่างตกใจ
“อย่าพึ่งพูดเรื่องนี้เลย องค์ชายสามบอกไว้แล้ว ถ้าวันนี้นางบอกเรื่องเมี่ยวหารและซูพ่านเอ๋อ งั้นต่อไปพวกเราก็คงต้องระวังแล้วล่ะ แต่ถ้าวันนี้นางเงียบไม่พูดอะไร ต่อไปก็สั่งห้ามพวกเราไม่ให้จับตามองนางอีก” เฟิงฉีนมองเยว่ด้วยสายตาเย็นชา: “อย่ายุ่งเรื่องคนอื่นอีก องค์ชายสามตัดสินใจเองได้”