บทที่ 718 เชื่อใจหนึ่งคน
ก่อนจะไป กู้อ้าวเวยเลือกที่จะอยู่ข้างซ่านเชียนหยวน นางเอามือวางไปบนแขนของเขาเบาๆ
และในใจซ่านเซิ่งหานกลับลนลานมาก อาจเป็นเพราะถ้าเขาเข้าใจในตัวกู้อ้าวเวยอีกหน่อย ความผิดพลาดแบบนี้ก็จะไม่กลายเป็นดาบสองคมแบบนี้ และความรักอันน้อยนิดที่เขามีให้กับกู้อ้าวเวยกลับอยู่ในก้นบึ้งของจิตใจไปแล้ว
ซ่านจินจื๋อกลับเดินไปข้างๆอย่างเรียบเฉย
เขากลับเข้าใจกู้อ้าวเวยมากกว่าใคร นางไม่ได้เป็นคนขี้สงสัย แต่กลับเพราะนางมีข่าวที่อยู่ในกำมือมากเกินไป จึงทำให้นางนำเรื่องทั้งหมดมาเรียบเรียงวิเคราะห์สรุปขึ้นมาใหม่เองอย่างชาญฉลาด
และความรักทั้งหมดสำหรับนางแล้วเป็นแค่เพื่อให้ได้ข่าวมาเท่านั้น นางเลือกที่จะเห็นด้วย และสามารถไม่ยอมรับก็ได้
แต่พวกนี้จะเป็นสิ่งที่กดทับนางจนลุกขึ้นมาไม่ได้ในที่สุด
“เมื่อกี้ที่เจ้าพูดมา ข้าไม่เข้าใจเท่าไหร่” ซ่านเชียนหยวนพูดเสียงเบาทำลายความเงียบนี้
“เจ้าไม่ต้องเข้าใจหรอก ความหมายของข้าคือ เทียบกับพวกเขาทั้งสองที่เอาแต่คิดเรื่องความรัก ข้าเชื่อใจเจ้าผู้ซึ่งไร้เดียงสามากกว่า” กู้อ้าวเวยหนี่ตาจับมือเขาไว้: “อยากจะขี้โกงเพื่อทำให้ข้าสนใจอย่างอื่น ไม่มีทางคิดเรื่องการเป็นอมตะที่ยังต้องใช้เวลาอีกนานแน่นอน”
“ข้าก็ตีคนเป็นนะ” ซ่านเชียนหยวนแสยะยิ้ม ตอนนั้นตัวเองยังเด็ก ยังไปก่อเรื่องน่าอายกับฉีหรัวอยู่มาก
“เดี๋ยวเจ้าข้าไปจี้ซื่อถางหน่อย” กู้อ้าวเวยดึงแขนซ่านเชียนหยวนเบาๆ และพูดต่อว่า: “อีกไม่กี่วันข้าจะออกไปพร้อมกับองค์ชายสาม”
“เมื่อกี้บอกว่าไม่เชื่อใจเขาไม่ใช่เหรอ?” ซ่านเชียนหยวนขมวดคิ้ว ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกว่าการเติบโตหลายปีมานี้เปล่าประโยชน์
คิดว่าอย่างน้อยเขาจะเข้าไปเกี่ยวกับเรื่องของพวกเขาได้บ้าง แต่ความจริงคือซ่านจินจื๋อกับกู้อ้าวเวยไม่คิดถึงเขาเลย และยังไม่อธิบายอย่างละเอียดให้เขาอีก
“ข้าเชื่อใจเจ้า แต่เจ้าสามารถช่วยข้าได้งั้นเหรอ?”
“พวกเราไม่เป็นเพื่อนกันแล้ว”
“ชิงจือเป็นน้องชายของเจ้านะ ข้าเป็นแม่ของชิงจือ นับแล้วเจ้ายังต้องเรียกข้าว่าน้าอีก”
“……” ซ่านเชียนหยวนเงียบไม่พูด พอกู้อ้าวเวยยิ้มหวานพูดหยอกเล่นกับเขา อาจเป็นเพราะตอนนี้ใจกู้อ้าวเวยวุ่นวายไปหมดกำลังอยากจะระบาย หรือนางอาจจะกำลังคิดวิธีการใหม่ๆ
และตอนนี้ นางกำลังระบายความพอใจของตัวเอง
พอรู้เรื่องนี้ ซ่านเชียนหยวนก็พยุงกู้อ้าวเวยอย่างระวัง: “ข้าให้โยว่หลีไปกับเจ้าดีไหม?”
“เจ้าอยากจะคอยจบตามองข้างั้นเหรอ?” กู้อ้าวเวยยักคิ้วขึ้น เดินช้าลง และยังจับแขนซ่านเชียนหยวนอย่างระวัง เขย่งเท้าขึ้นพูดเบาๆข้างหูเขา
เสียงเบาจนซ่านจินจื๋อฟังไม่ชัด
แต่ซ่านเชียนหยวนกลับอึ้งและพูดว่า: “เจ้าต้องได้รับกรรมแน่”
“ก่อนจะโดน ข้าก็สำเร็จไปแล้วล่ะ” กู้อ้าวเวยยิ้มตอบเขา
ซ่านเชียนหยวนสีหน้าทุกข์ใจ จึงต้องก้มหน้าพากู้อ้าวเวยหนีออกมาจากสายตาซ่านเซิ่งหานและซ่านจินจื๋อ นับแล้วความสัมพันธ์ของกู้อ้าวเวยและซ่านเชียนหยวนจะดีกว่ามาก เพราะยังไงทั้งสองเคยปกป้องอีกฝ่ายมาก่อน
แต่ซ่านจินจื๋อมองดูทั้งสองที่เดินออกไปด้วยรอยยิ้ม และหยุดยืนข้างซ่านเซิ่งหาน พูดว่า: “ก่อนที่เวยเอ๋อจะมา ก็เจอฮุยเฟยที่สติแตก ข้าจำได้ว่าฮุยเฟยชอบดอกอู้หลานมาก”
“เจ้าคิดว่าการที่นางเปลี่ยนไปเป็นเพราะเรื่องนี้?” ซ่านเซิ่งหานพูดด้วยสีหน้าที่เย็นชาว่า: “ถ้าข้าอยู่หลังวังมีสนมคนใดเป็นเสาพิงให้ข้า วันนี้ข้าคงไม่ต้องพึ่งสองมือปีนขึ้นมาเอง”
ซ่านจินจื๋อแขนเสื้อเปียกไปด้วยน้ำฝน บ่าวรับใช้ที่กางร่มให้ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจเลยด้วยซ้ำ
หยุดอยู่นานมาก ซ่านจินจื๋อถึงพูดเสียงเบาว่า: “เวยเอ๋อไม่เลือกเจ้าแน่นอน”
“แต่เจ้าไม่คู่ควรที่จะมีนาง ถ้าตอนนั้นเจ้ามีแม้แต่ความเมตตา นางก็คงไม่ระวังขนาดนี้” ซ่านเซิง่หานปัดร่มที่บ่าวกางให้ เดินตรงไปท่ามกลางสายฝน: “เสด็จอา พวกเราตระกูลซ่านไม่เคยรักหญิงคนหนึ่งเช่นนี้เลย ดังนั้นพวกเราจึงได้มาอย่างยากลำบาก”
เพราะเหตุนี้ซ่านเซิ่งหานไม่เคยขอให้กู้อ้าวเวยรักตัวเอง และอยู่ข้างเขา
มีแต่ปล่อยให้นางทำตามที่ใจต้องการ นี่คือวิธีที่เขารักนาง
หยุดอยู่กับที่นาน ซ่านจินจื๋อสะบัดแขนเสื้อที่เปียกปอน
นี่เป็นครั้งแรก ที่ซ่านจินจื๋อเห็นว่าตัวเองเทียบกับซ่านเซิ่งหานไม่ได้เลย
ตั้งแต่เริ่ม เขาไม่รู้วิธีการรักคนที่ถูกต้อง ขนาดซ่านต้วนโฉงก็ยังไม่รู้ และส่งเสริมให้ราชามีลูกหลานมีหญิงมากมายที่มีลูกของเขา แต่กลับไม่ได้รับความรักจากราชาเลย
……
ซ่านเชียนหยวนพากู้อ้าวเวยมาส่งที่จี้ซื่อถาง และนางก็ถอดเครื่องประดับต่างหูมงกุฏทั้งหลายออก
ถอดเสื้อคลุมหรูหรานั้นออกให้นาง เปลี่ยนสีหน้าที่ยิ้มแย้มเมื่อกี้ เขาพูดเสียงทุ้มต่ำว่า: “ทั้งที่เจ้าก็รู้ว่าเรื่องที่ฮุยเฟยบอกกับเจ้าเป็นเรื่องเท็จ ทำไมถึงทำแบบนั้นกับเสด็จอาล่ะ……”
“ข้าไม่เพียงให้พวกเขาคิดว่าข้าผิดหวังในตัวพวกเขา ข้ายังไม่ได้บอกกับพวกเขา ว่ามีวิธีหนึ่งที่ทำให้ข้าสามารถกลับมามองเห็นได้อีกครั้ง” กู้อ้าวเวยจัดเสื้อผ้าที่หนักอึ้งของตัวเอง มืออีกข้างดึงตัวซ่านเชียนหยวนนั่งลง: “ข้าไม่เคยทรยศ ข้าแค่อยากได้ความยุติธรรมเท่านั้น ความยุติธรรมนี้จะทำให้คนอื่นเชื่อข้า เจ้าเข้าใจไหม?”
ซ่านเชียนหยวนขมวดคิ้วส่ายหน้า
พูดกับคนที่ยังไม่โตเหนื่อยจริงๆ
ทำใจให้สงบ กู้อ้าวเวยพูดอีกครั้งว่า: “วิธีเป็นอมตะมีแต่คนพูดถึงกันมาก และคนที่รู้วิธีการจริงๆของมันกลับมีไม่มาก และข้าก็นับว่ารู้มากที่สุด พอข้าอยู่ข้างซ่านจินจื๋อหรือว่าซ่านเซิ่งหาน อีกฝ่ายก็จะไม่บอกข่าวกับข้า……”
“ปัง——“ ซ่านเชียนหยวนตบโต๊ะเสียงดัง พูดว่า: “ดังนั้นเจ้าจึงตีตัวออกห่างทั้งสอง เพื่อแสดงว่าตัวเองแค่อยากจะตามหาวิธีการเป็นอมตะเท่านั้น พวกเขาก็จะแบ่งปันข่าวกับเจ้าอย่างเต็มใจ เพราะขอแค่เจ้านำเรื่องทั้งหมดมาประกอบกันเอง ให้กลายเป็นพิธีจริงๆ”
กู้อ้าวเวยโล่งอกพูดว่า: “หมายความเช่นนี้เลย”
“แต่ทำไมเจ้าไม่บอกกับเสด็จอาล่ะ?”
“เพราะซ่านจินจื๋อเป็นศัตรูรักกับเมี่ยวหาร ข้าต้องออกห่างจากซ่านจินจื๋อ มาแลกกับข่าวของเมี่ยวหาร” กู้อ้าวเวยรีบอธิบาย และจับมือซ่านเชียนหยวนไว้พูดว่า: “ข้าบอกความคิดของข้ากับเจ้าคนเดียว รอเจ้าเห็นกุ่ยเม่ยแล้วบอกกับเขาด้วย ตกลงกับข้า บอกเขาได้แค่คนเดียวเท่านั้น”
“ได้” เขาตอบตกลงทันที ซ่านเชียนหยวนเชื่อว่ากู้อ้าวเวยต้องมีเหตุผลแน่นอน
“รอจนถึงตอนนั้น กุ่ยเม่ยคงจะบอกความลับกับเจ้า เจ้าก็รอไปเถอะ” กู้อ้าวเวยหัวเราะและตบบ่าเขาเบาๆ รู้สึกตัวของซ่านเชียนหยวนแข็งทื่อทันที และข้างหูเขาก็มีเสียงเท้าเดินดังขึ้น
กู้อ้าวเวยได้ยินเสียงของท่านเห้อดังขึ้นว่า: “ข้าหาวิธีโบราณหนึ่งได้”