บทที่ 723 คาดคะเน
กู้อ้าวเวยเกือบจะแข็งแกร่งไร้เทียมทาน
ภายในสามวัน เยว่ไม่เคยออกห่างจากตัวนางเลยแม้เพียงครึ่งก้าว และในทุกวันกู้อ้าวเวยจะลุกขึ้นมาบดยาให้ตัวเอง ไม่เคยพูดคุยอะไรกับตนเองสักคำ แม้ว่าจะไม่มีหิมะอยู่รอบกาย ใบหน้าของนางก็ยังคงไม่แสดงออกถึงความรู้สึกอารมณ์ใด ๆ
แม้ว่ายามวิกาล ย่างก้าวของนางก็ดูไม่เร่งรีบร้อนรน เป็นเรื่องยากเสมอที่ทั้งสองมือจะสัมผัสสิ่งของต่าง ๆได้อย่างแม่นยำ แต่ในคืนที่สามกลับสามารถเดินไปอย่างโต๊ะได้อย่างถูกต้องไม่ผิดเพี้ยน
ดวงตาของนางยังไม่มีการดีขึ้น และสำหรับความมืดอันเงียบสงัดเช่นนี้ นางก็สามารถอดทนรับมือได้เป็นอย่างดี
สิ่งที่เยว่ไม่คาดคิดก็คือ ซ่านเซิ่งหานอยู่กับไทเฮาเป็นเวลาสามวันเต็ม และยังไม่พูดถึงสิ่งที่ต้องทำเลยสักครั้ง แต่กลับใช้ความคิดอย่างมากมายในการเอาใจไทเฮา
เสียงปลุกจากไก่ขันในวันนี้ กู้อ้าวเวยได้สนใจจึงกลับไปนอนต่อบนเตียง และงอตัวอย่างเจ็บปวด ทำพฤติกรรมไม่เหมาะสมด้วยการยกขาข้างหนึ่งวางบนม้านั่ง แขนทั้งสองข้างสั่นเล็กน้อย แต่ถึงกระนั้นกู้อ้าวเวยกลับหัวเราะให้กับสิ่งนี้ หยุนอี้ที่อยู่ที่เอวได้ถูกเปิดไว้เหมือนกับถุงเล็ก ๆที่ข้อมือไม่มีผิด
หากไม่มองใกล้ๆให้ละเอียด จะไม่มีใครสามารถเห็นบาดแผลใต้รอยดำเหล่านั้นเลย
ม่านตาของเยว่หดลงเล็กน้อย เกือบจะเปิดโปงว่าตัวเองยังอยู่ ได้แต่ทำตัวแข็งทื่อ
มองกู้อ้าวเวยที่เพียงแค่เฉือนถุงกระเป๋าที่แขน หลังจากใช้กระดาษเช็ดทำความสะอาดแล้ว ปกคลุมด้วยหมึกดำ จากนั้นก็ทาด้วยยาอีกที ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“หวังว่าในสองสามวันนี้คงจะไม่เจ็บขึ้นมาอีกนะ” กู้อ้าวเวยพูดแบบนี้จบ ก็ปัดผิวหนังบนปกคอเสื้อ ยืนยันว่าถุงเล็ก ๆนั้นไม่ได้ปูดโปนออกมาจนถึงจุดชีวิต สิ่งเหล่านั้นทำให้นางถอนหายใจด้วยความโล่งใจ รวบเสื้อผ้าให้เรียบร้อย กลับไปยังเตียงนอนและหลับนิ่งไปอีกครั้ง
ตั้งแต่ต้นถึงตอนนี้ เยว่ได้เห็นนางทำอย่างนี้เพียงครั้งเดียว
ดูเหมือนว่า กู้อ้าวเวยคงจะต้องถึงแก่ชีวิตในอีกไม่นานนี้จริง ๆ และนางยังพยายามที่จะปิดบังมัน
จนกระทั่งสาวใช้รีบเข้ามาล้างหน้าล้างตาให้นาง เยว่จึงรีบก้าวออกไปอย่างรีบร้อน รายงานเรื่องที่พบเห็นเมื่อคืนให้ซ่านจินจื๋อฟังทีละเรื่อง มือข้างหนึ่งค้ำไว้บนพื้น เงยหน้าขึ้น “นางมีเหตุผลในการภักดีต่อท่าน”
เพราะมีเพียงซ่านเซิ่งหานเท่านั้นที่จะได้รับความไว้วางใจจากเมี่ยวหาร
เยว่คิดแบบนั้น เมื่อเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง ได้เห็นเมี่ยวหารที่กำลังกอดตัวของซูพ่านเอ๋อ ยืนอยู่ด้านข้างซ่านเซิ่งหาน และมีเฟิงฉีนยืนอยู่ข้างๆด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
เมี่ยวหารมีการสนับสนุนจากที่ไหนกัน การสนับสนุนของเขานั้นมีแต่ซ่านเซิ่งหานเท่านั้นที่ไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อน
“แต่ท่านไม่สามารถจะถอนพิษทั้งหมดให้นางได้” เยว่รีบพูดเสริมอย่างรวดเร็ว
“ข้ารู้” ซ่านเซิ่งหานพยักหน้า มองไปยังเมี่ยวหารด้วยสีหน้าเย็นชา “มีวิธีบรรเทาอาการของนางหรือไม่”
“มีแน่แท้ แต่ข้าไม่เคยเห็นผู้ใดมีไหวพริบดีเท่ากู้อ้าวเวย ไม่แน่ว่าหลังจากที่เจ้ามอบทุกอย่างให้กับนาง นางก็อาจจะทรยศเจ้าได้เร็วมากขึ้น และกลับสู่อ้อมกอดของซ่านจินจื๋ออีกครั้ง” แขนของเมี่ยวหารโอบกอดรอบเอวของซูพ่านเอ๋อแน่นขึ้น เมื่อเห็นใบหน้าของซูพ่านเอ๋อที่ดูอ่อนโยน กลับได้แต่เพียงยกมือขึ้นสัมผัสรอยแผลเป็นบนใบหน้าของนาง ซูพ่านเอ๋อรีบผลักเขาออกไปอย่างไม่สบอารมณ์ โดยไม่พูดอะไรสักคำ
“เฟิงฉีน เจ้าคิดว่ายังไง” ซ่านเซิ่งหานยกมือขึ้นมาไว้ตรงคาง
“ข้าน้อยคิดว่า ไม่ว่ากู้อ้าวเวยจะน่าเชื่อถือหรือไม่ นางก็ไม่น่าจะถูกใครควบคุม นางไปยุ่งกับเรื่องที่ไม่ควรยุ่งมากเกินไป ไม่มีใครล่วงรู้เจตนาของนาง ข้าน้อยก็หวังเช่นกันว่าองค์ชายท่านจะคิดทบทวนให้ดีก่อนจะลงมือ” เฟิงฉีนคุกเข่าลงกับพื้น ก้มศีรษะให้ต่ำลง
ไม่มีใครกล้าที่จะเชื่อกู้อ้าวเวย
ซ่านเซิ่งหานคิดเป็นเวลานาน เช่นเดียวกันก็ไม่สามารถจะเข้าใจทัศนคติของกู้อ้าวเวยได้ ได้แต่เลือกที่จะเก็บไว้เป็นมือสุดท้าย
หลังจากจัดการแก้ปัญหาเรื่องซ่านจินจื๋อแล้ว ไม่ว่ากู้อ้าวเวยจะหลงใหลเขาเพียงใดก็ไม่อาจจะพึ่งพาวิธีการของซ่านจินจื๋อได้ อีกทั้ง หากกู้อ้าวเวยมีความสัมพันธ์ที่ดีกับอ๋องจงผิง ถึงเวลานั้นก็อาจจะมอบความไว้วางใจให้กับอ๋องจงผิงก็เป็นได้
“เมี่ยวหาร เจ้าต้องภักดีต่อข้า อย่าให้นางต้องตาย” ซ่านเซิ่งหานพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา แต่สายตาของเขามองไปยังซูพ่านเอ๋อ แตะปลายนิ้วลงบนที่เท้าแขน “ก่อนหน้านี้ คนที่เจ้ารักได้รับการดูแลจากเยว่”
“ข้าไม่ต้องการ เมี่ยวหาร!” ซูพ่านเอ๋อกำเสื้อผ้าของเมี่ยวหารไว้แน่น
ตามเยว่ไป ไม่เหมือนกับการปฏิบัติรับใช้กู้อ้าวเวย!
ซ่านเซิ่งหานยิ้มอย่างเย็นชา “เรื่องทั้งหมดที่เจ้าทำในตอนนั้น ตอนนี้ข้าให้เจ้ามีสาวใช้คอยรับใช้ ยังจะบ่นอีกหรือ”
………..
ซ่านเซิ่งหานอยู่ในอารามไป๋หม่ามาสามวันแล้ว การเดินทางกลับไปยังหมู่คณะยังต้องใช้เวลาอีกห้าวัน
หงเซียวไม่ค่อยจะปรากฏตัวในแคว้นชางหลาน ไม่มีตำแหน่งทางราชการ แม้ว่าเขาจะจากไปอย่างเงียบๆ ไปตามน้ำก็ตาม ก็ไม่มีใครพบเจอ
ครึ่งหนึ่งของแถวอันยาวเหยียดของคณะถูกจัดการโดยซ่านต้วนโฉง แต่อีกครึ่งหนึ่งนั้นไม่รู้รายละเอียดที่แท้จริงของพวกเขา เพราะเวลาที่เขาจากไป คำพูดของซ่านเซิ่งหานบนศาลได้แสดงออกว่ากองทัพแคว้นชางหลานต้องการคนที่มีกำลังและมีชีวิตชีวา ดังนั้นไม่เพียงแต่จะส่งลูกหลานของทหารเข้าสู่กองทัพ แต่ยังส่งพวกเด็กที่ไม่คุ้นเคยจากที่ต่าง ๆไปด้วย
หากมีการตรวจสอบและถ่วงดุลเช่นนี้กับฮ่องเต้ในอนาคต ก็คงจะไม่มีสิ่งผิดอะไร
แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นวิธีกำจัดซ่านจินจื๋อ เฉิงซานที่อยู่ข้างเขายังคงส่งข่าวอย่างระมัดระวัง บอกเพิ่มเติมออกไปตรง ๆ “องค์หญิงผู้นั้นดูเหมือนจะนำเรื่องสำคัญบอกกับองค์ชายสาม แต่องค์ชายสามยังไม่ได้ลงมือทำอะไร”
เฉิงซานทำหน้านิ่งขรึม เริ่มรู้สึกว่ากู้อ้าวเวยทำการก่อกบฏ
“รับคนทั้งหมดกลับมา การสงครามที่สิบสามเมืองชายแดน ในเมื่อพวกเขาให้การสนับสนุนซ่านต้วนเฟิง อย่างนั้นก็ยิ่งต้องเตรียมพร้อมให้ข้าให้เรียบร้อย” ซ่านจินจื๋อมองไปยังเฉิงซานอย่างเย็นชา “นอกจากนี้ ไม่ต้องไปยุ่งกับสิ่งที่นางทำ”
“ท่านอ๋อง แต่ความตั้งใจขององค์หญิงนั้น….”
“ไม่ต้องกังวล นางไม่สามารถสร้างคลื่นอะไรมากระทบได้” ซ่านจินจื๋อเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย ทันใดนั้นความอาฆาตแค้นก็ปรากฏขึ้นในดวงตา “ขอเพียงแค่มีข้าอยู่ ไม่มีสิ่งใดที่แก้ไขไม่ได้ แม้ว่านางจะมีความสามารถและความทะเยอทะยานมากเพียงใด เมื่อถึงเวลาข้าจะนำนางกลับมาและจับมัดไว้ข้างกาย”
เฉิงซานกลืนน้ำลาย มองดูซ่านจินจื๋อขี่ม้าจากออกไป
ซ่านจินจื๋อไม่เคยเปลี่ยนไปเลย
ประกาศสงครามเมืองชายแดนทั้งสิบสามเมืองกำลังปั่นป่วน แต่ซ่านจินจื๋อกลับให้เวลากับพวกเขาเพียงสามวันในการพิจารณา มิฉะนั้นจะต้องถูกทำลายไปทีละแห่งตั้งแต่ตะวันออกเฉียงเหนือไปจนตะวันตกเฉียงใต้ จนกว่าพวกเขาจะบีบคั้นซ่านต้วนเฟิง เช่นเดียวกัน เขายังทำการละเมิดแผนการที่ตกลงกันไว้กับซ่านเซิ่งหานก่อนหน้านี้
แต่นี่ก็เป็นเพราะหมดหนทางแล้ว ถ้าซ่านจินจื๋อจะไปฉกฉวยราชลัญจกรหยกมาได้จริง เวลาของซ่านจินจื๋อก็ค่อนข้างจะเร่งรีบ
ฤดูหนาวกำลังจะมาเยือนอีกครั้ง
ซ่านจินจื๋อกำลังขี่ม้าอยู่แต่กลับนับวันเวลาหลายปีที่ได้อยู่ร่วมกันกับกู้อ้าวเวย
หลายปีมานี้ ทั้งสองคนเดินทางไปแล้วกี่เส้นทาง ไปในทุกที่ แต่ในวันนี้ พวกเขาสองคนเริ่มจะระแวงซึ่งกันและกัน คิดถึงเรื่องที่เลวร้ายที่สุดของอีกฝ่าย และทิ้งปัญหาในอนาคตไว้เบื้องหลัง
ผู้ใต้บังคับบัญชาด้านหลังเดินมาด้านหน้า “ท่านอ๋อง มีเพียงสามเมืองจากสิบสามเมืองชายแดนที่ยอมจำนน”
“เพราะเหตุนี้ ไม่ต้องรอให้ถึงสามวันแล้ว” ซ่านจินจื๋อบีบกรามแน่น ยื่นมือออกไปที่เฉิงซาน
เฉิงซานมองไปยังรูปลักษณ์ของอ๋องจิ้ง ส่งคนไปเอาดาบง้าวออกมาจากในค่าย
สิบเมืองชายแดนนี้ บางทีอาจจะลืมไปว่าซากกระดูกศพภายใต้ดาบง้าวนี้มีจำนวนกองเป็นภูเขา