บทที่ 760 จุดจบใกล้เข้ามาทุกทีแล้ว
ซ่านต้วนเฟิงไม่สงสัยหยุนชิงหยางที่รักหลานสาวของตัวเองอย่างไม่ลืมหูลืมตา
เดินออกไปจากห้องอย่างเงียบๆ อูกงกงที่อยู่ข้างๆนำข่าวที่ได้รับมาจากทางด้านซ่านเซิ่งหาน บอกกับเขา“ซ่านเชียนหยวนกับซ่านจินจื๋อพาคนเตรียมกลับเทียนเหยียนแล้ว”
“แต่มาวันนี้กู้อ้าวเวยกลับสลบไสล พวกเราไปที่ด่านลั่วส่วยได้สักที พิธีที่เห็นก็เป็นเพียงแค่สิ่งที่ตบตาคน!”กำปั้นของซ่านต้วนเฟิงต่อยไปที่เสาต้นหนึ่ง“หญิงสาวที่ตายไปแล้วครึ่งหนึ่งเหมือนไม่มีชีวิตอยู่นั่นก็คือศัตรู!”
สายตาของอูกงกงมีเมฆหมอกผ่านแวบไป แล้วจึงพูดต่อไปว่า“ถึงแม้ซ่านจินจื๋อจะออกเดินทาง แต่ลูกน้องของเขาอีกกลุ่มหนึ่งเหมือนกำลังไล่ตามรถม้าที่เราปล่อยออกไป อยากจะมั่นใจเรื่องของกู้อ้าวเวยให้แน่ชัด”
พอพูดถึงตรงนี้ ความโกรธเกรี้ยวของซ่านต้วนเฟิงมลายหายไปจนสิ้น
สิ่งที่มาแทนที่นั่นก็คือแววตาของความขี้เล่น“ในเมื่อพวกเขาอยากรู้ ก็ให้พวกเขารู้นั่นแหละ”
“ตอนนี้อย่าทำให้อะไรผลีผลาม พวกเราไม่ควรแพร่งพรายออกไป”อูกงกงขมวดคิ้ว
“ใครบอกว่าจะแพร่งพรายล่ะ เจ้าส่งคนไปดักลอบทำร้ายรถม้า ทำท่าทางเลียนแบบทหารชุดดำของซ่านเซิ้งหาน ให้พวกเขาแย่งชิงรถม้าไป เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว รอจนพวกเขาสองไปเจอกันที่เทียนเหยียน หลังจากนั้นไม่มีใครหากู้อ้าวเวยพบ สถานการณ์อย่างนั้น มันน่าสนุกกว่านั้นเยอะ!”ซ่านต้วนเฟิงยกมุมปากยิ้มขึ้นอย่างชั่วร้าย รู้สึกสบายใจขึ้นมาไม่น้อย
อูกงกงในตอนนี้ก็ยิ้มตามเขา แล้วรีบจัดการหาคน
“แต่ พวกเรา……”อูกงกงยังคงไม่เข้าใจ
“ในเมื่อขุนนางพวกนั้นต่างลบล้างความอยุติธรรมให้ข้าแล้ว แน่นอนว่าเราต้องกลับไปร้องทุกข์ทวงความยุติธรรมถึงจะดี”ซ่านต้วนเฟิงพูดเช่นนั้น แล้วพาอูกงกงเดินจากไป
แต่คนที่อยู่ภายในห้องกลับไม่มีคนรู้ว่าบัดนี้ดวงตาคู่หนึ่งค่อยๆลืมขึ้น หายใจรัวเร็วยืดหลังขึ้นตรง หยุนชิงหยางกลับกดไหล่ของนางอย่างระมัดระวัง จนเห็นนางหายใจเป็นปกติ ถึงค่อยๆผละมืออันสั่นเทาออก ได้เพียงแต่มองอยู่อย่างนั้น แต่กลับไม่กล้าเปิดปากพูดกับยามที่เฝ้าอยู่ประตูด้านข้าง
กู้อ้าวเวยค่อยๆลืมตาขึ้นช้าๆ ผ่านไปนานมากถึงค่อยๆจับมือของหยุนชิงหยางขึ้นมา เปิดปากพูดอย่างหายโรยริน“เลือดมังกร……มีฤทธิ์ร้ายแรง……สามารถใช้ได้”
หยุนชิงหยางตะลึงไปชั่วครู่ แล้วจึงสังเกตเห็นในปากของกู้อ้าวเวยตอนนี้ที่ค่อยๆอ้าปากจนเห็นเม็ดยาสีดำเล็กๆ
นางคำนวณเวลาที่ต้องฟื้นตื่นขึ้น
หัวใจของหยุนชิงหยางบีบรัดจนแน่น แต่กลับคิดถึงว่าหากตอนที่นางฟื้นตื่นขึ้นข้างกายไม่มีใคร หรือมีเพียงซ่านต้วนเฟิง จะทำอย่างไร
“มันอันตรายมากเกินไป……”ถ้าหากหยุนชิงหยางไม่อยู่ตรงนี้ หรือแม้แต่วิธีจะเรียกนางฟื้นตื่นคงจะไม่มีใครรู้
แต่กู้อ้าวเวยกลับแค่เพียงไอคอกแคกสองครั้ง กลืนพิษพวกนั้นลงไปอย่างลำบาก เรี่ยวแรงของนิ้วมือค่อยๆหายไป ในที่สุดก็หลับไปอีกครั้ง ราวกับเมื่อครู่ไร้ซึ่งเสียงใดๆ
หยุนชิงหยางกุมมืออันเย็นเฉียบของหลานสาวแน่น ดวงตาอันพร่ามัวในตอนนี้กลับเต็มไปด้วยความอาฆาต
พวกเขาที่เป็นคนของตระกูลหยุน ต้องมาตกอยู่ในสถานการณ์ที่เป็นอยู่ดั่งทุกวันนี้
……
ในขณะเดียวกันนั้น ในที่พักเดินทางของแคว้นเทียนเหยียน
หยุนหว่านแกะผ้าสีดำที่ปิดบังใบหน้าออกวางไว้ข้างๆ รอยแผลเป็นทางยาวอยู่บนใบหน้าของนางช่างระคายตายิ่งนัก จื่อเหมิงและหลิ่วเอ๋อต่างยืนหันหลังให้กัน จนในที่สุดก็ก้มหน้าไม่พูดอะไร ไม่ไปมองชายหนุ่มที่นั่งอยู่ตรงข้ามของหยุนหว่าน
หยุนหว่านไม่ได้พบซ่านต้วนโฉงเป็นเวลานานแล้ว และตอนนี้ซ่านต้วนโฉงยังคงจ้องมองนางอย่างไม่ละสายตา“ข้าคิดว่าเจ้าตายไปแล้ว”
“ถึงแม้เวยเอ๋อไม่อยากให้ใครรู้ว่าข้ายังมีชีวิตอยู่ แต่จะต้องมีสักวัน ข้าต้องการกลับมาแก้ไขสะสางเรื่องที่ตระกูลหยุนเหลือทิ้งเอาไว้”หยุนหว่านยกมือขึ้นเพื่อรินน้ำชาให้ตนเอง เรื่องที่นางเจอซ่านต้วนโฉงในตอนนั้น ตอนนี้เขามีท่าทีหนักแน่น สิ่งที่มองเห็น เขาดูโทรมลงไปมาก“ตอนนั้นข้าไม่เคยคิดว่าเจ้าจะได้ขึ้นบัลลังก์เป็นฮ่องเต้ยิ่งคิดไม่ถึงว่าน้องชายของเจ้าจะลักพาตัวลูกสาวของข้าไป”
“ฮูหยินหยุนหว่านก็มีวันที่ผิดพลาดอย่างนั้นหรือ?”ซ่านต้วนโฉงหัวเราะแห้งๆไม่กี่ครั้ง กงกงที่อยู่ข้างกายก็ริมน้ำชาเติมให้เขา แล้วยื่นไปที่ข้างๆมือของเขา
“เจ้าปฏิเสธที่จะลูกสาวให้กับข้า มันเป็นเพราะเหตุใดกัน?”หยุนหว่านเอ่ยถามขึ้นอย่างเย็นชา
“เพราะว่าเป้าหมายของเจ้าไม่ใช่กู้อ้าวเวยน่ะสิ แต่คือหยุนชิงหยางกับชิงจือ”ซ่านต้วนโฉงก็ดึงหน้าเรียบตึงตอบกลับเช่นกัน“กู้อ้าวเวยปรากฏตัวขึ้นเร็วเกินไป มิติของหยุนชิงหยางกับชิงจือก็จะต่างเพิ่มมากขึ้น”
เผชิญซึ่งๆหน้ากับหยุนหว่านกลับเพียงแค่ยกมุมปากขึ้น“ถ้าพูดมาอย่างนี้แล้ว ข้ายังต้องขอบใจความหวังดีจากเจ้า”
“แน่นอน สามารถทำให้เจ้าอยู่ที่นี่ได้ มันยิ่งทำให้ข้ารักษาชีวิตนี้ไว้ได้ ยิ่งหวังว่าเจ้าจะสามารถหาคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ได้ รอจนทุกอย่างสำเร็จลุล่วงแล้ว หลังจากนี้เจ้าจะอยู่ต่อที่ชางหลาน ข้าก็ไม่ขัดขวาง”ซ่านต้วนโฉงพูดคำหว่านล้อมออกไปคำโต
แต่สิ่งที่ล่อหลอกอยู่ตรงหน้านั่นหมายความว่าฮ่องเต้คนนี้อำนาจเสื่อมถอยลงไปแล้ว นึกไม่ถึงเลยว่ายังต้องการอาศัยกำลังของคนอื่นคนอื่นเพื่อปกป้องตนเอง นั่นมันมากพอที่จะแสดงให้เห็นว่าแคว้นเทียนเหยียนในตอนนี้ได้มีการเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา
“ไม่เพียงแต่เท่านี้ ข้ายังต้องการให้เจ้าปล่อยลูกสาวของข้าให้เป็นอิสระ ไม่มีใครสามารถใช้การแต่งงานมาผูกมัดนางไว้ได้”หยุนหว่านวางแก้วน้ำชาในมือลง แล้วมองไปที่ซ่านต้วนโฉง“ในเมื่อนางอยู่กับซ่านจินจื๋อ กลับตานเอ๋อได้ตลอดเวลา ข้าเชื่อว่าฉูหลี่จะทำเพื่อลูกสาวโดยไม่คำนึงถึงว่าต้องทำสู้รบทำสงคราม”
นี่เป็นการขู่ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
ซ่านต้วนโฉงคิดตาม ความกังวลในใจของเขากลับมาอีกครั้ง
สตรีเพียงคนเดียว สามารถทำให้เกิดคลื่นใหญ่ยักษ์ได้ ลูกชายและน้องชายของเขาก็เถอะ มาวันนี้แม้แต่หยุนหว่านกับฉูหลี่ก็พร้อมต่อสู้เพื่อทวงความยุติธรรมให้ลูกสาว และเขาก็ไม่อาจไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ ก่อนที่ซ่านจินจื๋อจะกลับมา เขาต้องการตามหาคนที่อยู่เบื้องหลัง
ตรงลงมันเป็นใครกันแน่ที่ทำให้ชางหลานเปลี่ยนแปลงเป็นดั่งเช่นทุกวันนี้!
ในวันนี้ มีคนเห็นหญิงสาวที่สวมผ้าสีดำปิดบังใบหน้าถูกเชิญตัวเข้าพระราชวัง มีคนลือว่าเป็นหญิงที่ฮ่องเต้ลักลอบอยู่กินกัน ยิ่งมีคนบอกว่าเป็นคนที่ฮ่องเต้รักมั่น มาวันนี้ตายแล้วเกิดใหม่ถึงพึ่งได้เข้าวัง
คนพูดกันมากมาย หยุนหว่านยังคงพาจื่อเหมิงกับหลิวเอ๋อเข้าวัง ไม่ได้ทำเพื่อสิ่งใด เข้าไปในฐานะของนางข้าหลวงเข้าวัง ก่อนที่จะเข้าไปช่วยฝ่าบาทแก้ไขปัญหา ยังต้องกำจัดคนที่อยู่เบื้องหลังให้หมด แต่ยังคงเป็นสิ่งที่หลิวเอ๋อและจื่อเหมิง
ในขณะเดียวกัน องค์ชายทั้งหมดต่างพากันเข้ามายังแคว้นเทียนเหยียนพร้อมกัน
ห้องโถงขนาดใหญ่ในแคว้นเทียนเหยียนขององค์ชายหก ซ่านจวนฮ่าวมองดูหญิงสาวที่ทำงานเย็บปักถักร้อยรินน้ำชาให้เขาด้วยความเขินอาย ยิ่งได้ยินน้ำเสียงอันอ่อนหวานดุจดั่งสายน้ำของหญิงสาวที่มีความยินดีปรีดา“ท่านอ๋องเพคะ ด้านนอกหิมะตกแล้ว”
ซ่านจวนฮ่าวถึงพึ่งเงยหน้าขึ้นมา แล้วมองไปบนท้องฟ้าที่ขาวโพลน ถอนหายใจเบาๆ“ผ่านฤดูใบไม้ผลิ เหล่าบรรดาพี่น้องและเสด็จอาของข้าเกรงว่าจะมากันทั้งหมด”
“เพคะ ถึงเวลานั้นหม่อมฉันจะไม่ได้อยู่ปรนนิบัติรับใช้ข้างกายของท่าน และกลับไปยังอินโจว”ซิ่วเหนียงบิดแขนเสื้อของตัวเองอย่างขวยเขิน
คุ้นชินกับการที่มีนางอยู่ข้างกายแล้ว ซ่านจวนฮ่าวเอ่ยอย่างไม่เข้าใจ“อยู่ข้างกายข้า ไม่ได้หรือ?”
ซิ่วเหนียงถูกพูดจนใบหน้าแดงระเรื่อ ก้มหน้าก้มตาแล้วเอ่ยขึ้นว่า“ท่านอ๋องยิ่งพูดเช่นนี้ จะทำให้ข้าเป็นจุดอ่อนของท่านได้ สักวัน หม่อมฉันจะกลายเป็นตัวถ่วงของท่านได้ ข้าไม่อยากเป็นสตรีเช่นนั้น เพราะฉะนั้นหม่อมฉันขอยอมไม่อยู่ข้างหายท่านเสียยังดีกว่า”
ซ่านจวนฮ่าวยกมุมปากขึ้น เพียงแต่ยิ้มและยกมือของตัวเองขึ้น แล้วเอ่ยเสียงเบา“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ รอจนเรื่องทุกอย่างคลี่คลาย ข้าจะไปรับเจ้ากลับมา”
“เพคะ”ครั้งนี้ซิ่วเหนียงกลับแทบอยากจะมุดหน้าเข้าไปหลบยังพื้น ยังคงมีพูดเพิ่มอีกหนึ่งประโยค“ถึงแม้แม่นางท่านนั้นจะหักหลังท่าน ท่านก็ไม่แก้แค้น หากเป็นไปได้ ท่านบอกความจริงกับอ๋องจิ้ง……”
“ชู่”ซ่านจวนฮ่าวทำท่าทางบอกให้นางเงียบ
ดอกหิมะขาวโพลนด้านนอกสวน โปรยลงมาอย่างรวดเร็ว