บทที่ 765 ไม่ใช่ตะเกียงที่ประหยัดน้ำมัน
ชิงจือค่อยๆแกะเชือกสีแดงที่มัดอยู่ที่ข้อมือเล็กของกู้อ้าวเวยจากไม้ที่แกะสลักอันเล็กอันน้อยออกอย่างระมัดระวัง
ในระหว่างนั้นยังวางเลือดมังกรสีเทาก้อนหนึ่งไว้ส่วนหนึ่ง ในตอนที่ถูกขังอยู่นั้น ท่านตาเคยมายืนยันกับท่านแม่แล้ว ตอนนี้เขาเพียงแค่นำก้อนเล็กๆที่ถูกท่านแม่แบ่งไปส่วนหนึ่งนานแล้วนำอีกส่วนหนึ่งมาไว้ตรงที่เครื่องประดับตรงเอว เครื่องประดับพวกนี้เกือบทุกอย่างแทบจะมาจากท่านตาฉูหลี่
บนเตียงมีหญิงสาวคนหนึ่งที่ไม่มีวี่แววจะฟื้นตื่นขึ้นมา ชิงจือขยี้ตาที่ร้องไห้จนเจ็บแสบไปหมด แล้วค่อยๆกุมมืออันเย็นเฉียบของกู้อ้าวเวยอย่างเบามือ นำเลือดมังกรที่ท่านตาสั่งไว้มาวางตรงข้างๆจมูกของนาง แล้วเอ่ยเสียงเบา“ท่านแม่ ท่านรีบตื่นเถิด พวกเราจะต้องกลับบ้านเร็วๆ……”
เสียงของชิงจือถูกยามที่เฝ้าอยู่ประตูด้านนอกได้ยินอย่างชัดเจน
เพียงแต่เป็นเสียงของเด็กเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นเด็กที่อายุไม่ถึงสิบขวบจะสามารถทำอะไรได้ เขาไม่ได้ถูกกู้อ้าวเวยเลี้ยงด้วยซ้ำ
ในตอนที่กู้เฉิงมานั้น ยามยืดตัวตรงขึ้นด้วยสัญชาตญาณ รอจนถูกถามแล้วถึงได้เปิดปากพูด“เป็นเพียงแต่คำพูดของเด็กที่อยากเจอแม่เท่านั้น แล้วยังได้ยินเสียงเทน้ำ เด็กคนนั้นบอกว่าจะป้อนน้ำ”
“เปิดประตู”กู้เฉิงพูดด้วยสีหน้าอันเคร่งขรึม
ยามรีบหยิบกุญแจออกมาแล้วเปิดประตูออกมา กู้เฉิงรีบเดินเข้าไปยังด้านใน แล้วจึงเห็นชิงจือค่อยๆป้อนน้ำให้กู้อ้าวเวยอย่างระมัดระวัง เพียงแต่น่าเสียดายที่คนที่หลับอยู่ไม่มีความรู้สึกใดๆ น้ำสาดกระเซ็นโดนหมอน มีร่องรอยของคราบหยดน้ำอยู่ดวงใหญ่ ชิงจือรีบมุดตัวเข้าตรงมุมของเตียงอย่างกระวนกระวาย แม้กระทั่งยังดึงหญิงสาวที่นอนอยู่บนเตียงให้ถอยหลังเล็กน้อย
ถ้าหากยังไม่มีวิธีที่สามารถรักษากู้อ้าวเวยได้ เกรงว่าถึงจะใช้ไม้อ่อนไม้แข็งก็ไม่มีประโยชน์อะไร
พอกระแอมเบาๆแล้ว กู้เฉิงก็เอามือไขว้หลัง แล้วเขาก็แสร้งทำตัวเป็นพ่อที่ดีในความทรงจำของกู้อ้าวเวย บนใบหน้ามีรอยยิ้มอันอ่อนโยนเดินไปยังข้างๆเตียง มองดูชิงจือ“ถ้าหากพูดตามศักดิ์แล้ว เจ้าควรจะต้องเรียกข้าว่าท่านตาถึงจะถูก”
“ท่านตาของข้าไม่ใช่คนชางหลาน”ชิงจือดึงแขนของกู้อ้าวเวย ดึงคนที่นอนอยู่บนเตียงไปข้างๆเล็กน้อย
“เจ้ารู้ว่าข้าคือคนชางหลาน?”ดวงตาของกู้เฉิงเป็นประกายเล็กน้อย เพียงแต่มือที่จับอยู่บนหัวเตียงนั้นจับแน่นขึ้น
“คนของแคว้นเอ่อตานมีความน่าเชื่อถือกว่าคนของแคว้นชางหลานเยอะ แม้แต่ลูกสาวของพวกเขาถูกฝึกอบรมให้ตัวยืดตรงอย่างสง่าผ่าเผย ถ้าหากหลังไม่ตรงก็จะมีแต่คนสมน้ำหน้าเยาะเย้ย และข้าได้ยินท่านแม่พูดถึงท่านอีกด้วย ว่าท่านไม่ใช่คนดี”ชิงจือมีดวงตากลมโต แต่สิ่งที่พูดออกมากลับเหมือนผู้ใหญ่
สีหน้าของกู้เฉิงเปลี่ยนไปดูน่าเกลียดทันที ยู่หงที่อยู่ด้านหลังยังเงื้อมือขึ้นเตรียมจะไปจับตัวเขา ชิงจือกลับยืดคอตะโกนเปิดปากพูด“ท่านพ่อยังเคยบอกว่า มนุษย์เราต่างก็ต้องตายกัน หากวันนี้ข้าตายแล้ว ท่านแม่กับท่านพ่อก็จะไม่มีวันปล่อยเจ้า!”
สมกับเป็นเด็กที่ซ่านจินจินจื๋อสอน!
ยกมือขึ้นห้ามยู่หง กู่เฉิงเก็บสีหน้าเมื่อครู่ แล้วเอ่ยเสียงเยือกเย็น“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าจะส่งเจ้ากลับไป ไปส่งข่าวให้พ่อของเจ้า ว่าแม่ของเจ้าในตอนนี้อยู่ในเงื้อมมือของข้า”
“ใต้เท้า!”ยู่หงตะลึงงัน แบบนี้ไม่ใช่การเปิดโปงหรอกหรือ!
“หุบปาก!เจ้าคิดว่าที่ซ่านจินจื๋อทำอะไรมากมายขนาดนี้ เป็นเพียงแค่เรื่องไม่ช้าก็เร็ว ตอนนี้เราใช้เป็นข้อต่อรองของเขาดีกว่า ถึงอย่างไรเสียเขาก็ไม่ใช่คนที่จะแย่งชิงบัลลังก์อยู่แล้ว”กู้เฉิงตะโกนพูดออกไป ไม่สนใจสิ่งที่ยู่หงหักห้ามแม้แต่น้อย ยัดตัวของชิงจือที่ร้องไห้โวยวายไปให้อูกงกงที่อยู่ตรงหน้าประตู“นำเขาส่งคืนไปให้ซ่านจินจื๋อเพื่อแสดงความจริงใจ!แล้วบอกกับซ่านจินจื๋อด้วย ถ้าหากเขายังอยากเห็นกู้อ้าวเวยกลับไปอย่างปลอดภัย ก็ให้ช่วยซ่านต้วนเฟิงชิงบัลลังก์ด้วย”
“อ๋องจิ้งน่าจะ……”
“ถ้าหากเขาไม่มีความกล้านี้ ในตอนนั้นเขากำจัดพวกขุนนางที่เป็นปรปักษ์ออกไปอย่างไร แล้วยังพาซูพ่านเอ๋อผ่านพวกข่าวลือยืนหยัดอยู่ในแคว้นเทียนเหยียนอย่างมั่นคงได้อย่างไร?พูดถึงตรงนี้ ซ่านจินจื๋อก็เป็นเพียงแค่คนที่หลุมหลงความงามอย่างโงหัวไม่ขึ้น”กู่เฉิงเกือบจะชี้หน้าด่าอูกงกงกับยู่หงแล้ว
ยังไม่พูดถึงเรื่องที่ซ่านจินจื๋อโดนวางยาพิษจริงหรือไม่ ลำพังอาศัยแค่การปรากฏตัวของเด็กคนนี้ กู้เฉิงยังพูดว่าเด็กคนนี้ไม่ใช่ตะเกียงที่ประหยัดน้ำมัน ถ้าหากตอนนี้ไม่หาโอกาสนำไปใช้ประโยชน์ อยู่ต่อก็จะเป็นตัวก่อปัญหา——นั่นเป็นเพราะตอนนี้กู้อ้าวเวยยังไม่สามารถทำอะไรกับเด็กได้!
ตอนนี้ขึ้นอยู่กับคน กู้เฉิงยอมชิงลงมือก่อน
สรุปแล้วรอซ่านจินจื๋อมาด้วยตัวเองดีกว่า
ว่าไปแล้วก็ถือได้ว่าอูกงกงเป็นคนที่อยู่เคียงข้างซ่านเซิ่งหาน สำหรับเรื่องข่าวลือเล็กน้อยที่อ๋องจิ้งยืนกรานพาซูพ่านเอ๋อกลับมา ยิ่งไปกว่านั้นเขายังทำเรื่องที่น่าบ้าบอคอแตกเพื่อหญิงสาวคนเดียว ตอนนั้นไม่ได้มีเพียงแค่เรื่องเดียวเท่านั้น แล้วจึงรีบพาชิงจือเดินจากไป
ในตอนที่เดินจากไปเขายังไม่ลืมที่จะยัดเงินให้คนที่เห็นเหตุการณ์ในร้าน
ชิงจือที่ร้องไห้ไม่หยุดตลอดทาง อูกงกงกลัวว่าลูกน้องจะละเลย ถึงเวลานั้นถ้าเด็กได้รับบาดเจ็บอะไรกลับไปต่อหน้าซ่านจินจื๋อ มีแต่ไปหาเรื่องตายให้กับตัวเอง เขาทำได้เพียงแค่เดินทางไปดูด้วยตนเอง
และคนข้างกายของกู้เฉิงก็มีเพียงแค่ยู่หงคนเดียว ตอนนี้ยู่หงกลับนั่งอยู่บนเตียงของกู้อ้าวเวย ได้ยินกู้เฉิงสั่งการ“เฟิงเอ๋อมีนิสัยใจร้อนวู่วาม หยุนชิงหยางก็ไม่ใช่คนใจกว้าง หลายวันมานี้เจ้ากับสาวใช้สองคนนี้เฝ้านางไว้ให้ดี ถ้าหากนางมีความเคลื่อนไหวอะไร ต้องบอกข้าทุกอย่าง”
“ข้าน้อยรับทราบ”ยู่หงทำมือคารวะแล้วพยักหน้า
กู้เฉิงจัดการเสร็จแล้วถึงค่อยเดินจากไป แต่ยังไม่ทันเดินออกไป ซ่านต้วนเฟิงที่ถูกปลุกให้ตื่นมาแล้วหนึ่งครั้งเดินตรงมายังเขา เขาไม่พูดพร่ำทำเพลงเข้ากระชากขอเสื้อของเขา แล้วพูดอย่างเย็นชา“เมี่ยวหารหายไปไหน!”
กู้เฉิงตะลึงงันไปก่อน แล้วจึงค่อยพูดเสียงขรึม“เกิดอะไรขึ้น!”
“เมื่อครู่ข้าพึ่งลงไปทานข้าวมา เห็นลูกน้องของเจ้ากำลังตามหาเมี่ยวหาร!ถ้าหากไม่มีเมี่ยวหาร แล้วเก็บกู้อ้าวเวยไว้ในมือจะมีประโยชน์อะไร !”เห็นกู้เฉิงที่มีใบหน้าตกใจเหมือนกัน ซ่านต้วนเฟิงจึงสะบัดตัวเขาไปอีกข้าง เดินตรงไปยังห้องของกู้อ้าวเวย มองเห็นหญิงสาวที่ยังคงไม่มีเสียง จึงเอ่ยขึ้นอย่างเกรี้ยวกราด“ถ้าหากนางไม่รู้เรื่องปริศนาความเป็นอมตะ วันนี้พวกเราคงไม่ต้องเจอเรื่องบัดซบพวกนี้ ซ่านจินจื๋อมันน่ารำคาญขนาดไหนไม่ใช่ว่าพวกเจ้าไม่รู้!”
คำพูดของซ่านต้วนเฟิงทำให้กู้เฉิงที่เดินตามเข้ามาจากประตูด้านข้างตื่น
สายตาของกู้เฉิงไปตกอยู่ตรงใบหน้าที่คุ้นเคยไปว่านี้ไม่ได้อีกแล้วของกู้อ้าวเวย ตามมาด้วยเขาถึงพึ่งเห็นใบหน้าที่มีความคล้ายคลึงกับความทรงจำของเขาอยู่บนใบหน้าของซ่านต้วนเฟิง เสียงปิดประตูปั้งดังขึ้น
ซ่านต้วนเฟิงที่ชินกับการอ่อนข้อและให้อภัยของกู้เฉิงตกใจจนหดคอลงเล็กน้อย
แต่กลับเห็นกู้เฉิงที่เดินเข้ามานั่งตรงมุมของหัวเตียงโดยที่ไม่มีใครกล้าเข้ามาใกล้ สายตาอันเคร่งขรึมมองไปยังซ่านต้วนเฟิง“เจ้ามันไม่รู้อะไรเลย การปรากฏตัวขึ้นของหยุนเว่อฆ่าคนไปมากเท่าไหร่ เจ้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าแม่ของเจ้าไม่ได้ตายเพราะให้กำเนิดเจ้า เป็นเพราะพ่อที่อ่อนแอของเจ้าทั้งหมด เจ้าไม่น่าเอาแต่คิดอยากให้ซ่านจินจื๋อก้มหัวให้เลย แต่ต้องไปทวงหาความยุติธรรมของแม่เจ้าจากซ่านต้วนโฉง!เป็นแม่เจ้าที่ตายเพราะตระกูลหยุน!”
ท่าท่าโกรธเกรี้ยวของกู้เฉิงน่ากลัวกว่าซ่านจินจื๋อที่ไม่พูดไม่จากว่าหลายเท่า
ซ่านต้วนเฟิงที่เป็นเด็กหนุ่มจองหองรังแกคนที่อ่อนแอกว่า แต่กลัวคนที่แข็งแกร่งกว่า ตอนนี้เขาก้าวเท้าถอยหลังไปหนึ่งก้าวแต่ศักดิ์ศรีขององค์ชายบีบบังคับให้เขายังยืนอยู่ต่อหน้าของกู้เฉิง“แม่ของข้าตายเพราะเสียเลือดมาก ไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกับพวกเขา……”
“เพราะว่าซ่านต้วนโฉงยอมทิ้งทุกอย่างเพื่อผู้หญิงที่ตนเองรัก แต่ก็แย่งชิงสิ่งที่เป็นของข้ากับแม่ของเจ้าทั้งหมด เพื่อบัลลังก์”กู้เฉิงขำออกไปอย่างเย้ยหยัน