บทที่ 790 งานเลี้ยงเป็นกับดัก
กำแพงสูงสีแดง เขาเคยเติบโตที่นี่ ไม่เคยจดจำใบหน้าสนมที่ผ่านไปมา
ขันทีน้อยด้านหน้าลุกขึ้นแล้วเห็นเป็นใบหน้าขี้เล่น จื่อเหมิงก็ยิ้มขึ้น “วันนี้มาที่มา เป็นวันที่ปลากินเหยื่อแล้ว”
“ข้าจำได้ว่าคืนนี้จะมีงานเลี้ยง เพื่อต้อนรับนางงามและนางสนมที่มาใหม่” ซ่านเชียนหยวนก็ตามหลังจื่อเหมิงอย่างเบื่อๆ แล้วมองหญิงที่เข้าวังมาไม่นานพาพวกเขาเดินอ้อมเส้นทางที่ลึกลับ แล้วก็ชื่นชมที่คนของน้าหยุนมีความสามารถขนาดนี้
“ก็เป็นนเช่นนั้น ถึงแม้จะไม่มาเชิญตรงๆ แต่ฝ่าบาทก็มาเพื่อคุยกับเสียนเฟย (พระสนม) พอดีกับที่ถือโอกาสมาร่วมงานเลี้ยงนี้ อีกอย่าง ทางซู๋เซ่อของอดีตฮองเฮาก็ส่งผู้หญิงมาสามคน หนึ่งในนั้นมีหนึ่งคน ที่เพิ่งเข้ามาก็ได้รับการโปรดปราน มีชื่อว่า ยู่เหม่ยเหริน ถึงตอนนั้น ฝ่าบาทต้องระวังหน่อย” จื่อเหมิงพูดเบาๆ ว่า “พี่สาวของยู่เหม่ยเหริน ถูกเสียนเฟย (พระสนม) สั่งฆ่าใช่ไหม?”
พอพูดถึงจุดนี้ ซ่านเชียนหยวนก็ขมวดคิ้ว
จื่อเหมิงก็ตกใจเบาๆ แล้วเอามือปิดปากขอโทษ นางทำไมถึงมาพูดถึงเรื่องแม่ของเขาฆ่าคนละ?
“ไม่เป็นไร ในวังไม่มีใครใสสะอาด” ซ่านเชียนหยวนหัวเราะแห้ง พอเดินตามจื่อเหมิงออกไป ก็พูดว่า “เมื่อก่อน ข้ายังเคยผลักคนที่แม่ข้าวางยา ลงไปยังสระบัวน้ำเย็นๆ ดังนั้น ก็เลยต้องไปที่ชายแดนกับท่านอา”
จื่อเหมิงทำตาโต ไม่กล้าพูดพล่อยๆ เหมือนอยู่นอกวังแล้ว
มาถึงเขตบ้านของหยุนหว่าน หลิ่วเอ๋อใส่ชุดขุนนางฝ่ายหญิง พอมองดีๆ ซ่านเชียนหยวนก็สังเกตเห็นลวดลายบนชุดเปลี่ยนไป เขามองดูสักพัก แล้วก็พูดว่า “เจ้าได้เลื่อนขั้นแล้วหรือ?”
หลิ่วเอ๋อรีบทำความเคารพ แล้วตอบวา “ก็ด้วยเช่นนี้ ปลาพวกนั้นถึงจะติดเบ็ด”
“เจ้าหมายถึง…….”
“ท่าทางของฮ่องเต้เหมือนจะสนใจหลิ่วเอ๋อ ครั้งนี้เลื่อนขั้นให้3ขั้น ไม่เคยมีมาก่อน” เสียงของหยุนหว่านส่งเข้ามา นางก็ยังคงเอาผ้าดำปิดหน้า แล้วพูดว่า “ทั้งคนใหม่คนเก่าต่างก็ชี้นิ้วไปที่นาง ตอนนี้ มีคนเผยธาตุแท้ออกมาแล้ว”
รีบเดินขึ้นหน้าไป ซ่านเชียนหยวนก็เรียกออกไปว่าน้าหยุน “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็น่าจะมีคนที่ถูกเลือกแล้ว”
“ครั้งนี้ต้องลำบากเจ้าหน่อย” หยุนหว่านเดินเข้ามา แล้วมองฟ้าที่กำลังมืดมิด แล้วพูดว่า “พอถึงตอนที่กินยาเข้าไป มันอาจจะทรมานหน่อย แต่ก็เพื่อที่จะแสดงให้เหมือนจริงหน่อย”
“น้าหยุน ท่านเหนื่อยเพื่อพวกเรามากมาย เจ็บหน่อยก็ทนได้” ซ่านเชียนหยวนชอบใจในนิสัยของหยุนหว่าน ถ้าเป็นไปได้ เขาก็หวังว่าแม่ของตนจะใจกว้างใจดีเหมือนหยุนหว่าน
งานเลี้ยงในบ้านตอนกลางคืน หลิ่วเอ๋อถูกสั่งให้จัดการเรื่องของอ๋องจงผิงและเสียนเฟย (พระสนม) ไม่รับใช้พระสนม แต่มาเลือกรับใช้ซ่านเชียนหยวน ไม่มีคนรู้ว่า เดิมทีนางเคยเป็นเจ้านายของทิงเฟิงโหล ทุกคนแค่รู้ว่านางเป็นคนที่ดุร้ายและไม่รู้มาจากที่ไหน
ฮองเฮาองค์ใหม่ก็คือฮุยเฟย เวลานี้นางนั่งอยู่ข้างๆ ฮ่องเต้ แล้วก็มองฮ่องเต้ แต่เห็นสายตาของฮ่องเต้มองไปยังตัวของหลิ่วเอ๋อ นางก็ขมวดคิ้ว “ฝ่าบาท น้องเสียนเฟย (พระสนม) อาจจะไปนานเสียหน่อย แต่ว่า…….”
“ไม่เป็นไร” ซ่านต้วนโฉงยกมือตัดบทนาง แล้วมองนาง “ที่ข้าให้เจ้าเป็นฮองเฮา ก็เพื่อที่จะใช้อำนาจตระกูลเจ้า อย่าได้คืบเอาศอก”
ฮองเฮาองค์ใหม่ทำหน้าบึ้ง แล้วก็กัดปากไม่พูดจา
ซ่านเชียนหยวนก็แอบมองสถานการณ์นั้น แล้วก็ไม่สนใจอะไร ยู่เหม่ยเหรินโต๊ะข้างๆ นั้นสวยกว่าอดีตฮองเฮาอีก ได้ยิว่าเป็นสาวงามที่สุดในเมืองเทียนเหยียน พอได้เห็น ก็เป็นดั่งคำร่ำลือ
ยู่เหม่ยเหรินเห็นฮองเฮาหน้าเสีย ก็ลุกขึ้นยิ้มมาชนแก้วกับฮองเฮา “ก่อนหน้านี้เห็นองค์ชายสิบสี่ หม่อมฉันชื่นชอบมากเลย ไม่ทราบว่าวันพรุ่งนี้จะดื่มชาด้วยได้หรือไม่?”
ฮองเฮายิ้มอนุญาต แต่สายตานี่เย็นเฉียบ
พอเห็นพวกพระสนมจะทะเลาะกัน กงกงข้างๆ หลิ่วเอ๋อก็รีบมาเติมน้ำชาให้ซ่านเชียนหยวน แล้สพูดยิ้มๆ ว่า “ฮ่องเต้สั่งให้คนไปตามหาไท่ผิงโหวขุย(ชื่อชา)หลายปีกว่าจะเจอ ท่านลองชิมดู”
เสียงไม่สูงไม่ต่ำ แต่ก็มีคนหันมามอง
ไท่ผิงโหวขุยนี้ไม่ได้เอาให้พวกพระสนมคนไหน แต่กลับให้อ๋องจงผิง ทำให้คนอื่นต่างพากันนินทา
“ขอบพระทัยฝ่าบาท” ซ่านเชียนหยวนรีบทำความเคารพ แขนเสื้อที่อาบยาพิษไว้พาดไปยังปากแก้วโดยไม่มีใครรู้ แต่สายตาของซ่านต้วนโฉงก็หยีลง แล้วก็จ้องมองซ่านเชียนหยวน
ซ่านเชียนหยวนนั่งลง แล้วก็จิบไปหนึ่งจิบ แล้วก็ปวดท้องอย่างหนัก
ตอนที่เหงื่อออกมานั้น เขาก็เห็นฮองเฮาที่นั่งอยู่ด้านบนมีสายตาส่อพิรุธ
……….
ตกดึก กู้อ้าวเวยก็กำลังอาบน้ำแช่ยาสมุนไพร
แล้วได้ยินเสียงเดินเข้ามา เข้าตามกันไปในห้องนอน นางก็ไม่สนใจอะไร ได้แต่มัดชุดชั้นในให้แน่น
แต่คนที่เข้ามามีสองคน มีเฉิงซาน แล้วก็อูกงกงคนสนิทของกู้เฉิง
กู้อ้าวเวยรีบคว้าเสื้อผ้าแล้วนั่งลงบนเก้าอี้ เส้นผมที่เปียกน้ำพาดลงบนใบหน้า แล้วก็มองทั้งสองคนนั้น พูดว่า “เขาจะไปดูเมี่ยวหารออกไปด้วยตาตัวเอง จะไม่อยู่ที่นี่”
เฉิงซานก้มหน้าลงไม่กล้ามอง “อ๋องจงผิงถูกพิษในงานเลี้ยง ฮ่องเต้โมโหและจะตรวจสอบเรื่องนี้ และอยากให้อ๋องจิ้งเข้าวังไปช่วยจัดการ”
จะให้ท่านอ๋องเข้าวังไปช่วยจัดการหรือ?
ข้ออ้างนี้มันน่าตลก แต่กู้อ้าวเวยก็ไม่เปิดโปง แล้วก็มองอูกงกง “แล้วเจ้ามาทำอะไร?”
“ซูพ่านเอ๋อรู้ว่าเมี่ยวหารจะออกไป ก็เลยจะวางแผนหนี กระหม่อมตามกลับมาให้ท่านแล้ว” อูกงกงหยีตามองกู้อ้าวเวย แล้วสงสัยว่าเขานางปล่อยตัวเมี่ยวหาร
มือนางกระดิก แล้วเงยหน้าขึ้น “เฉิงซาน เจ้าเอาเรื่องนี้ไปลอกเขา เดี๋ยวข้าจะไปดูว่าซูพ่านเอ๋อจะทำอะไร”
“ฝ่าบาท หวังว่าท่านจะไม่ทำเรื่องที่ทำร้ายท่านอ๋อง” เฉิงซานพูดไว้แล้วรีบจากไป
กู้อ้าวเวยก็นิ่ง แล้วก็ปิดประตูให้อูกงกงออกไป
นางนั่งอยู่ในห้องคนเดียว กู้อ้าวเวยก็มานั่งครุ่นคิดว่าว่างนางจะเชื่อไหม สุดท้ายได้ผลว่า บางครั้งนางเองก็ไม่เชื่อใจตนเอง บางทีเรื่องในใจก็เหมือนทำร้ายตนเองและผู้อื่น เพราะ เฉิงซานและอูกงกงล้วนแล้วแต่สงสัยว่านางจะช่วยศัตรูอย่างซูพ่านเอ๋อ
เขาดูไม่ออกว่ากู้อ้าวเวยคิดอะไร ก็เลยกลัว
พอคิดเช่นนั้น นางก็รีบเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วก็ออกมาข้างห้องทั้งที่ผมยังเปียกอยู่
หญิงสาวผอมแห้งแรงน้อยนั่งหลบอยู่ข้างเตียง โซ่ตรวนขนาดหัวแม่มือล่ามขานางอยู่ สิ่งของที่สามารถเป็นอาวุธได้ ถูกเก็บออกไปจนหมด ใบหน้านางก็เขียวช้ำ แขนมีรอยแดงเหมือนถูกคนตีมา
กู้อ้าวเวยเดินมาข้างเตียงนาง “เมี่ยวหารไม่อยู่แล้วจริงๆ”
ซูพ่านเอ๋อหันมามอง
คำพูดต่อจากนั้นของกู้อ้าวเวย ทำให้ซูพ่านเอ๋อนิ่งไป
“เขาหนีไปแล้ว แม้แต่ซ่านต้วนเฟิงและกู้เฉิงก็ตามจับมาไม่ได้