บทที่ 808 ไม่ต้องคิดถึงไม่ต้องตามหา
“ที่โรงเตี๊ยมเกิดอะไรขึ้น?”พู่กันที่อยู่ในมือของซ่านจินจื๋อหักดังเปาะ
เฉิงซานที่อยู่ด้านข้างรายงานเรื่องที่เกิดขึ้นในโรงเตี๊ยมด้วยสีหน้าเคร่งขรึม รวมถึงหยุนหว่านที่ถูกกู้เฉิงจับตัวไป รวมถึงองค์ชายเก้าที่วางแผนเตรียมลักลอบหนี แต่ต้องมาสลบไปเพราะฤทธิ์ของยาพิษ
“ท่านแม่อยู่ในวังหลวง จะไปอยู่ที่โรงเตี๊ยมได้อย่างไร!”ซ่านจินจื๋อตบโต๊ะเสียงดัง สายตาจ้องมองไปที่เฉิงซานด้วยความเย็นชา ราวกับจะถลกหนังบนใบหน้าของเขาออกมายังไงยังงั้น“ถ้าหากเวยเอ๋อเดินทางไปแล้ว เหตุใดเจ้ายังอยู่ที่นี่อีกล่ะ”
“ข้าน้อยสงสัยเรื่องที่เกิดขึ้นในโรงเตี๊ยม เป็นองค์หญิงคนนั้นลงมือเองทั้งหมด”เฉิงซานยกมือกำหมัด ต่ำกว่าไหล่ แล้วคุกเข่าลงกับพื้น น้ำเสียงหนักแน่น“ข้าน้อยไม่เชื่อว่าองค์หญิงท่านนั้นจะกระทำลงมือเองทั้งหมด ข้าน้อยสงสัยกระทั่งองค์หญิงท่านนั้นอยู่ข้างกายท่าน ก็เพื่อผลประโยชน์บางอย่าง”
เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าเขาจะต้องพ่ายแพ้ให้กับลูกน้องคนที่เขาไว้ใจที่สุด
ซ่านจินจื๋อสูดลมหายใจเข้าปอดไปลึกๆ ตรงขมับมีเส้นเลือดปูดนูนขึ้น มือที่กำหมัดจนแน่นเพราะใช้แรงมากเกินไปจนทำให้ได้ยินเสียงดังขึ้นเล็กน้อย“ออกวังไปกับข้า”
“ข้าน้อยคิดว่าในวังหลวงเป็นที่ที่ปลอดภัยที่สุด”เฉิงซานขวางอยู่ตรงหน้าของซ่านจินจื๋อไม่ขยับไปไหน กึ่งคุกเข่าถอยไปสองก้าว แล้วเงยหน้าขึ้นด้วยความตกใจ“ท่านคิดว่าทำเรื่องที่เหลวไหลพวกนี้เพื่อผู้หญิงคนเดียว และองค์หญิงท่านนั้นก็ไม่ได้เป็นคนดีจริงๆ แต่ฐานะของท่านนั้นสูงส่ง……”
“ข้าจำได้ว่าเจ้าเคยชื่นชมนาง”ซ่านจินจื๋อเดินผ่านตัวของเขาไป มาถึงข้างประตูเพื่อขอไปจากวังหลวง หวางกงกงราวกับรออยู่แล้วเขาคุกเข่าปาดน้ำตาต่อหน้าของเขา แล้วร่ำไห้“ฮ่องเต้เคยสั่งการไว้ว่า ตอนนี้แคว้นเทียนเหยียนอำนาจยังไม่ชัดเจน ถ้าหากครั้งนี้เรื่องของโรงเตี๊ยมเป็นการวางกับดัก ทำให้อ๋องจิ้งต้องได้รับบาดเจ็บ……เหล่าข้ารับใช้คงจะไม่อาจรักษาศีรษะไว้ได้”
เหล่าบรรดานางกำนัลกับขันทีต่างพากันนางกำนัล กระแทกศีรษะลงกับพื้นอย่างแรง
เจ็บราวกับกระแทกกับก้อนหิน
พวกเขาใช้วิธีนี้ในการขัดขวางฮ่องเต้ไว้ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
“ข้ารู้เพียงแค่ว่า มีคนก่อเวรทำกรรมกับฮ่องเต้ กลับไม่รู้ว่าพวกเจ้าแม้แต่ข้าที่เป็นท่านอ๋องยังจะกักขังข้าในวังหลวง ถ้าหากไม่ใช่เรื่องจริงข้าได้ขึ้นครองราชย์เป็นจักรพรรดิคนต่อไปแล้วหรือ?”บรรยากาศรอบตัวของซ่านจินจื๋อถูกกดลงไปหลายเท่าตัว
หวางกงกงในตอนนี้เหงื่อไหลหยดดุจดั่งฝนเท
ถ้าหากคำพูดนี้ถูกพูดต่อ ก็จะเป็นการไม่เคารพต่อฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน ถ้าหากไม่รับคำ ซ่านจินจื๋อก็จะก้าวเดินออกไปข้างนอก จัดการเรื่องนี้ด้วยตนเอง
“ข้าเป็นคนชอบใช้กำลังอำนาจในการเจรจา วันนี้นางกำนัลและขันทีที่ขัดขวางข้า ข้าจะส่งไปค่ายให้ทหารโบยกันคนละสิบที ดูสิว่าฮ่องเต้กับข้าแตกต่างกันอย่างไร”พอซ่านจินจื๋อพูดจบ ก็มีนางกำนัลล้มตัวลงด้วยสีหน้าซีดเซียว ถ้าเกิดโดนทหารโบยสิบที อย่างน้อยชีวิตของพวกเขาก็จะสั้นลงครึ่งหนึ่ง
ในที่สุดหวางกงกงก็ไม่กล้าตามไปขัดขวาง
เดินทางออกจากวังหลวงโดยไม่มีอุปสรรคใดๆขวางทั้งสิ้น หัวใจของกู้อ้าวเวยก็สั่นไหวโคลงเคลง ในสมองมีภาพของคนผู้นั้นแวบผ่านมา แต่ก็กลับคลุมเครือมองไม่ชัดเจนเพราะงานที่นับไม่ถ้วนพวกนั้น เสียงหัวเราะหวานใสนั้นถูกซ้อนทับกับฝันร้ายในคืนรัตติกาลจนไม่อาจมองเห็นได้ชัด
ออกมาจากวังหลวงไม่นาน สายตาของเขาก็ไม่พบเข้ากับคนสองคนที่ถูกมัดไว้และคุมขังอยู่
“ปล่อย”ซ่านจินจื๋อเดินก้าวไปข้างหน้า ไม่ไปฟังเสียงของพวกทหารที่คุกเข่าลงอย่างเคารพ เพียงแค่กวาดสายตาอันเย็นชาไปมองจดหมายหลายฉบับที่ผิงชวนนำมาด้วย น้ำเสียงอันเยือกเย็นเอ่ยขึ้น“กู้อ้าวเวยล่ะ?”
“นางอยู่ที่จวนเมิ่งนอกเมือง ให้ข้านำจดหมายพวกนี้มอบให้ท่าน ท่านอ๋อง”คราบเลือดที่อยู่บนตัวของผิงชวนกับอาจื่อยังไม่ถูกทำความสะอาด แม้แต่จดหมายด้วยก็ตาม
ซ่านจินจื๋อรีบเปิดออกมาอ่านอย่างร้อนใจ แต่กลับเห็นเพียงคำพูดไม่กี่คำถูกเขียนอยู่บนนั้น
“การเดินทางในครั้งนี้ช่างยาวนานยิ่งนัก ไม่ต้องคิดถึง ในวันได้อ่านจดหมายแล้ว ก็อย่าได้ตามหา”
ผู้หญิงคนนี้!
ดวงตาทั้งสองข้างของซ่านจินจื๋อแดงก่ำจับจดหมายจนแน่น“ท่านแม่ทัพโจว สั่งการให้คนปิดทางเข้าออกของเมือง แล้วส่งทหารสองพันนายไปตามหาองค์หญิงเอ่อตาน!ให้เมิ่งซู่ไปถามเบาะแสที่จวนเมิ่งแล้วมาพบข้า!”
ท่านแม่ทัพผู้นั้นอ้าปากค้างอย่างตกตะลึง“ปิดเมือง……”
“ทำตามที่ข้าสั่ง”กู้อ้าวเวยอาจจะกลับมาเอาของพวกนั้นก็เป็นได้ อีกทั้งเขายังเห็นมุมของจดหมายมีตราประทับที่ทหารทุกนายรู้ว่าเป็นตราประทับอะไร——นี่เป็นรอยประทับของป้ายประจำตัวของอ๋องจิ้ง
ในเมื่อกู้อ้าวเวยนำของจากไปด้วย ต้องมีเหตุผลของตนเอง
“เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”อาจื่อหลบอยู่ข้างหลังของผิงชวนแล้วเอ่ยเสียงอย่างตกใจเบาๆ
“พวกเจ้าจะทิ้งนางไว้ในป่าคนเดียวอย่างนั้นหรือ นางอยากจะไปจากที่นี่ไม่ใช่แค่เรื่องของวันสองวันแล้ว”
ซ่านจินจื๋อมองไปที่ทั้งสองด้วยสายตาตำหนิ มองเห็นผิงชวนกับอาจื่อหน้าซีด
เพียงแต่ครั้งนี้ แม้แต่ซ่านจินจื๋อยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่านางจากไปเพราะอะไร ตกลงเป็นเพราะว่าต้องการไปตามหาวิธีแก้ปริศนาของความอมตะ หรือจะเป็นเพราะว่า……
กระบอกตาเล็กลงเรื่อยๆ ซ่านจินจื๋อห้ามการคาดเดาเรื่องที่น่ากลัวไม่ได้ จึงเอ่ยขึ้นเสียงขรึม“เตรียมม้า ข้าจะไปตามหานางด้วยตนเอง”
“ท่านอ๋อง!”ท่านแม่ทัพโจว๋ที่กำลังสั่งการเหล่าทหารให้ไปปิดทางเข้าออกเมืองพูดขึ้นอย่างตกใจ แล้วรีบเดินไปข้างๆซ่านจินจื๋อทันที เพ่งเล็งไปที่เขา“ตอนนี้องค์ชายทุกคนต่างไม่เป็นตัวเลือกที่ไม่เหมาะจะขึ้นดูแลงานในพระราชสำนัก ถ้าหากท่านต้องทำเพื่อองค์หญิงเอ่อตานเพียงคนเดียวแล้วต้องทอดทิ้งฮ่องเต้และแคว้นเทียนเหยียนทั้งแคว้น แคว้นเทียนเหยียนอันกว้างใหญ่ไพศาลควรจะต้องฟังใครดี?ขุนนางพวกนั้นอย่างนั้นหรือ?”
“บังอาจ นี่เป็นน้ำเสียงที่สมควรพูดกับอ๋องจิ้งอย่างนั้นหรือ?”ขันทีคนหนึ่งมองไปที่ท่านแม่ทัพโจวด้วยสายตาเย็นชา
สายตาของผิงชวนกับอาจื่อก็เปลี่ยนไปเช่นกัน ก่อนที่ซ่านจินจื๋อจะเอ่ยปากพูดขึ้น“”เรื่องนี้ให้มอบให้พวกเราเถอะ คนของสำนักทิงเฟิงเก๋อยังพอเหลืออยู่บ้าง
สีหน้าของซ่านจินจื๋อมืดหม่นจนแทบจะลากลงน้ำได้
ตอนนั้นตกลงเป็นเพราะอะไรกันที่ทำให้เขาอยากจะเป็นฮ่องเต้ หรือเป็นเพราะอยากใช้ชีวิตที่วันๆถูกคนกล่อมอย่างนั้นหรือ?
“ข้าจะไปจัดการติดต่อ เจ้าอยู่ที่นี่ นายท่านยังอยู่ในวังหลวง”ผิงชวนไม่ลังเลอีก เขาทิ้งอาจื่อแล้วหลังจากนั้นก็ใช้วิชาตัวเบาวิ่งออกไปทางทิศทางนอกเมือง อาจื่อทำได้เพียงแค่นำแผนการก่อนหน้านี้กับเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ บอกออกไปทั้งหมด แล้วเอ่ยปากขึ้นว่า“นางนำคนของตำบลเหยสุ่ยเหลือให้ท่านใช้การทั้งหมด แน่นอนว่าเป็นการบอกให้ท่านระมัดระวังด้วย”
“คนข้างกายนางยังมีใครอีก?”ซ่านจินจื๋อกำหมัดแน่น ความไม่สบายใจพวกนั้นถูกอาจื่อจุดชนวนขึ้น
“มีเพียงแค่ซูพ่านเอ๋อ แต่ถ้าหากนางไปจวนเมิ่ง……”
“อ๋องจิ้ง!แย่แล้วเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นแล้ว!”เสียงของหวางกงกงเอ่ยตัดบทของอาจื่อ กระทั่งเขายังก้าวถอยหลังไปสองข้างแล้วกลิ้งไปมาสองรอบ ถึงได้ล้มลุกคลุกคลานมาคุกเข่าอยู่ข้างๆซ่านจินจื๋อ“ฝ่าบาทได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัส!”
“เป็นไปได้อย่างไร!”เขาออกมายังไม่ถึงหนึ่งชั่วยาม!
“กระหม่อมก็ไม่ทราบเช่นกัน ตอนนี้ฝ่าบาทอยู่ทั้งวิกฤติ ขอได้โปรดท่านอ๋องกลับไปโดยด่วนที่สุด!”หวางกงกงพูดอย่างน้ำตาไหลพราก ดูไม่ออกว่าแกล้งทำเลยแม้แต่น้อย
อาจื่อกลับรู้สึกว่าเรื่องราวไม่ค่อยชอบมาพากล ตอนแรกอยากจะเอ่ยขอให้พาตนเองเข้าไปในวังหลวงด้วย เพื่อเป็นการไปพบนายท่านได้ง่ายขึ้น แต่นางยังไม่ได้เปิดปากพูด ซ่านจินจื๋อก็สั่งการลงไปแล้วว่า“อาศัยจังหวะนี้ เป็นคำสั่งของข้า ให้องค์ชายสามออกเดินทางตามหาองค์หญิงเอ่อตาน”
“กู้อ้าวเวยต้องการเจ้า……”
“นี่เป็นการดีต่อพวกเราทั้งสามคน”ซ่านจินจื๋อรู้อยู่แล้วเรื่องข่าวลือที่พูดถึงซ่านเซิ่งหานเลวร้ายขนาดไหน ตอนนี้ฮ่องเต้อยู่ในอันตราย องค์ชายเช่นเขาคงอยู่ดีไม่ถึงไหนหรอก ถ้าหากสามารถออกไปได้สักครู่ก็คงดี
ดังนั้นแล้ว เป็นไปตามความคาดหวังที่กู้อ้าวเวยอยากให้เขาเป็นฮ่องเต้