บทที่ 812 มิใช่สกุลซ่าน
“เพื่อตระเตรียมให้ซ่านต้วนโฉงสืบทอดบัลลังก์อย่างเต็มอกเต็มใจ ทั้งมิให้เหล่าสนมอื่นใดฉกฉวยโอกาสนี้ ข้าจำเป็นต้องไปเจรจากับหยูนซีและตบคำรับปากให้นางดำรงตำแหน่งฮองเฮา เพียงแต่ขอให้นางเกลี้ยกล่อมซ่านต้วนโฉงก็เท่านั้น……”
ทว่าน่าเสียดายที่เหตุการณ์มิได้เป็นดั่งสมใจหวัง ตัวหยูนซีเองมีเลือดของตระกูลหยุนไหลเวียนอยู่ภายใน ทั้งผิดแปลกไม่เหมือนใครและเป็นหัวขบถนี้แทบจะมีติดตัวมาตั้งแต่แรกเกิด ต่อให้เผชิญหน้ากับฮองเฮา ไทเฮาองค์ปัจจุบันนางย่อมกล่าวปฏิเสธได้อย่างเด็ดเดี่ยว ซ้ำยังตรัสพูดกับไทเฮาด้วยท่าทีที่แข็งกร้าว “ข้าต้องการแค่ซ่านต้วนโฉงเพียงผู้เดียว หากให้ข้าเข้าวังมีสวามีร่วมกับหญิงอื่น วันหน้าข้าขอยอมเร้นกายในหุบเขาให้กำเนิดบุตรแล้วจบชีวิตอันแสนโหดร้ายนี้เสีย”
ณ ตอนนั้นไทเฮาห้ามปรามอยู่หลายหน ร้องขอให้นางออกหน้าช่วยเหลือแต่ก็ไม่เป็นผลสำเร็จ
ขณะที่ซ่านต้วนโฉงยืนกรานจะรอคอยให้ซ่านจินจื๋อกลับมา ทว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนั้นกลับไม่ใช่เรื่องง่ายดายอย่างที่สองพี่น้องคาดการณ์ไว้
ในวันที่ฝนโหมกระหน่ำ มีนางสนมนำพระราชโองการสถาปนาองค์ชายผู้เยาว์พระชันษาขึ้นเป็นรัชทายาท นับตั้งแต่มีการแย่งชิงตำแหน่งฮ่องเต้มานั้น โชคดีที่มีผู้เป็นหูเป็นตาให้แก่ไทเฮากระจายอยู่ทั่ววังหลัง ขณะที่นางสนมผู้นั้นกำลังนำพระราชโองการออกมาให้มวลเหล่าขุนนางทราบกันถ้วนหน้าก็ถูกประหารบั่นคอโดยพลัน
“ขณะเดียวกันนี้ ข้าย่อมรู้ดีว่าเวลาไม่คอยผู้ใด”
ตรัสถึงตรงนี้ ไทเฮาถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
ณ เวลานี้ ไทเฮามิวายคิดสังหารหยูนซี เหตุเพราะมีองค์ชายและสนมผู้อื่นล่วงรู้ถึงจุดอ่อนของซ่านต้วนโฉง ซึ่งก็คือสตรีสกุลหยูนผู้นี้นี่เอง พลอยมีคนรู้ว่านางกำลังตั้งครรภ์ไปด้วย และด้วยเหตุที่ซ่านต้วนโฉงถูกไทเฮาขัดขวางและไม่รู้เรื่องนี้ ซ่านต้วนโฉงจึงถูกคนดักลอบสังหารในวันที่มีคนไปลักพาตัวหยูนซี
“ข้าไม่อยากคาดคิดเลยว่าหากสถานการณ์ยังยืดเยื้อต่อไปก็ไม่รู้เลยว่าภายในวังหลังนี้จักเกิดเรื่องน่าสลดใจใดขึ้น เช่นเดียวกับตอนที่เหล่าแม่ทัพต่างนำกำลังทหารและม้ามายืนอยู่ที่หน้าประตูวังหลวง เพื่อไม่ให้ซ่านต้วนโฉงลังเลใจ ข้าถึงได้ตอบรับเงื่อนไขของหยูนซี เพียงขอแค่นางยอมเขียนจดหมายบอกว่านางนั้นเปลี่ยนใจให้ซ่านต้วนโฉงครองบัลลังก์ ข้าก็จะส่งคนปล่อยตัวนางไป วันหน้าก็ไม่อนุญาตให้บุตรของนางกลับมายังวังหลวง”
แววตาของไทเฮาในขณะนี้เอ่อล้นด้วยหยาดน้ำตา
ทว่าเสียนเฟยกลับถลึงตาฟังเรื่องราวทั้งหมดพร้อมกับกำผ้าไว้จนแน่น “แล้วหลังจากนั้น……”
“แต่ฮ่องเต้ทรงทราบ” กู้อ้าวเวยแสยะยิ้ม
“คงไม่มีสิ่งใดเล็ดลอดสายตาของเจ้าไปได้เลย” ไทเฮากุมขมับพร้อมกับยิ้มเบาๆ มองไปที่แววตาของกู้อ้าวเวยราวกับว่าจ้องมองแววตาอันแสนอำมหิตของศัตรู น้ำเสียงก็ฟังดูโหดเหี้ยมขึ้นมา “ฮ่องเต้ทรงทราบว่านางกำลังตั้งครรภ์ ถึงกับยอมสละบัลลังก์แค่เพียงเพื่อผู้หญิงคนเดียว แต่กลับในตอนนั้นกลับไม่ทรงทราบว่าข้าสูญเสียไปเท่าไรเพื่อพวกเขาสองพี่น้อง”
“ฉะนั้นข้าจึงส่งคนไปลอบสังหารหยูนซี แล้วนำการตายของนางโยนบาปให้แก่องค์ชายองค์อื่น” หลังจากประโยคสุดท้ายได้จบลง เสียนเฟยหวาดผวาจนถอยร่นไปยังมุมผนัง นางสุดเกินจะคาดคิดจริงๆ ว่าจะมีคนกล้าสังหารหญิงที่กำลังตั้งครรภ์ได้ลงคอ
กู้อ้าวเวยกำหมัดแน่น “หลังจากนั้นท่านก็สั่งให้ซ่านจินจื๋อร่ำเรียนการต่อสู้ ระหว่างนั้นเหตุใดถึงให้องค์หญิงหลิงเอ๋อร์ที่โปรดปรานที่สุดไปกันเล่า”
“แม้นว่าหลิงเอ๋อร์จะมองไม่เห็น ทว่านางกลับเป็นดวงตาเพียงคู่เดียวให้กับข้าได้ มีแต่อิสตรีเท่านั้นถึงจะรู้กฎและการสืบราชการลับ กระนั้นนางก็อ่อนเยาว์เกินไป ยิ่งเมื่อเทียบกับซูพ่านเอ๋อแล้วไซร้นางอ่อนแอกว่ามาก แต่อย่างไรเสียด้วยการตายของนางจึงทำให้ซ่านจินจื๋อกลับมา……”
ดวงตาอันแสนจะโกรธแค้นของกู้อ้าวเวยเข้าขัดคำพูดของไทเฮา
กู้อ้าวเวยแทบจะกล่าวออกมาคำเว้นคำ “หลังจากนั้นซ่านจินจื๋อไปฝึกฝนอยู่แถบชายแดน และเกือบเอาชีวิตไม่รอด……”
“ข้าไฉนเลยให้คนเหล่านั้นคุมกำลังทหารแต่เพียงฝ่ายเดียว หากตอนนั้นผู้ที่ครองบัลลังก์ก็คือจินจื๋อ วันหน้าข้าย่อมสั่งให้ซ่านต้วนโฉงออกศึกยังทะเลทราย” ความสำนึกผิดและความเคียดแค้นที่หลอมรวมในแววตาของไทเฮาก็มลายสิ้นในทันใด หากแต่หลงเหลือเพียงความองอาจอันน่าสะอิดสะเอียน “เจ้าย่อมรู้ดี ขอแค่มีเพียงแค่อำนาจการทหารอยู่ในมือแล้วไซร้ ใต้หล้านี้ถึงเป็นของพวกเราแม่ลูก”
นางค่อยๆลุกขึ้นยืน ใช้มือกวาดคัมภีร์ร่วงหล่นลงกับพื้นเสียงดังตุบ“ราชวงศ์สกุลซ่านจักต้องพินาศในไม่ช้า”
ไทเฮาตกตะลึงชั่วขณะแล้วเงยหน้าขึ้นมาอย่างฉับพลันพร้อมมองดูกู้อ้าวเวยอย่างไม่เชื่อสายตาของตน “เวยเอ๋อ ข้านั้นเสียใจกับเรื่องนี้มาหลายสิบปี บัดนี้ขอเพียงแค่เจ้าสามารถช่วยปลดปล่อยข้าจากความทุกข์ ข้ายินยอมขอรับโทษทัณฑ์ที่ก่อไว้เมื่อตอนนั้น”
“เช่นนั้นขอให้ท่านบอกข้ามาว่า แรกเริ่มท่านกับฮ่องเต้ปรารถนาในวิถีแห่งอายุวัฒนะจริงๆหรือไม่” กู้อ้าวเวยยังจดจำได้ว่าอดีตฮองเฮามีเคล็ดลับที่ทำให้อายุยืนยาวและช่วยเหลือนาง นางยากจะปักใจเชื่อได้ว่าระหว่างเรื่องเหล่านี้ไม่มีความข้องเกี่ยวแต่อย่างใด
ไทเฮาทำตัวเกร็งๆ และหลังจากครุ่นคิดนานอยู่ชั่วขณะจึงเอ่ยว่า “ไม่เคยปรารถนาเลย”
“หากเป็นเช่นนั้น ฮ่องเต้รับปากเรื่องจะปล่อยตระกูลหยุนไปล้วนออกมาจากความสำนึกผิดในก้นบึ้งของจิตใจจริงๆหรือ” กู้อ้าวเวยค่อยๆหันหลังไป ทว่าสังเกตเห็นสีหน้าของไทเฮาซีดเซียว หัวใจดวงนั้นแฝงความเย็นชาไว้สักเท่าไรกัน
“ไฉนเลยโลกนี้ช่างคิดเล็กคิดน้อยเช่นนี้” ไทเฮามองดูสตรีที่อยู่ต่อหน้าอย่างปวดหัว พระชายาจิ้งที่เมื่อก่อนอยู่มักทานขนมต่อหน้านาง มาบัดนี้แปรเปลี่ยนเป็นใบมีดแสนคมกริบ บีบเคล้นจนแทบจะหายใจไม่ออก เมื่อมองไปยังสีหน้าอันเศร้าหมองของไทเฮา กู้อ้าวเวยก็เอ่ยขึ้นมาว่า “ก็เพราะข้ามันเป็นคนที่มีจิตใจคับแค้น หากว่าท่านแม่ของข้ายังอยู่ และตระกูลหยุนยังอยู่ในหลิ่งหนาน บทสรุปจักลงเอ่ยเช่นใรกัน กระนั้นข้าไม่อยากจะคิด ญาติพี่น้องตระกูลหยุนของข้าต้องล้มตายเพราะความอายุยืนยาวของเหล่าเชื้อพระวงศ์อย่างพวกเจ้า ต้องมอดม้วยไปก็เพราะการช่วงชิงของเหล่าเชื้อพระวงศ์อย่างพวกเจ้า และเพราะยอมพลีชีพถึงได้ดับสูญ” นางหันนิ้วชี้ใส่กลางอกอย่างดุดันอยู่ชั่วครู่ กระนั้นนางตัดพ้อต่อความอยุติธรรม
การมายังสถานที่ที่ไม่คุ้นชิน สานต่อความทรงจำที่ไม่ใช่ของตนเลยสักนิดนั่นก็เพียงเพื่อให้บรรลุภาระหน้าที่ ทว่ากลับมีมือคู่หนึ่งที่มองไม่เห็นลากนางเข้าสู่วังวน กระนั้นนางก็มิได้แคลงใจต่อความรักใคร่ของเหล่าองค์ชาย แม้นล้วนแล้วเป็นซ่านต้วนโฉงส่งคนมาบงการ โลกใบนี้ช่างบังเอิญประจวบเหมาะเสียจริง แทบจะถูกบีบให้สุดถึงทางตัน แม้แต่เสียนเฟยเองก็มิกล้าขัดขวางกู้อ้าวเวยอีกต่อไป นัยน์ตาดอกท้อคู่นั้นท่วมท้นด้วยเลือดและความเคียดแค้นของตระกูลหยุน ภายในหมัดที่นางกำก็มีหยาดเลือดไหลริน เสียงของไทเฮาก็อ่อนแรงในทันใด “หากไม่มีหยุนหว่านและฉูหลี่ ตระกูลหยุนทั้งตระกูลคงพินาศลงหลังจากเจ้าออกเรือนได้ห้าปี คำว่าอายุยืนยาวที่ตระกูลหยุนยึดมั่นไว้ย่อมน่าเชื่อถือกว่าสิ่งอื่นใด”
ร่างกายสั่นเครือ ใจเต้นทวีความรุนแรงขึ้น พิษที่สำลักออกมาเจืออยู่ในเลือด ความเจ็บปวดนั้นเจ็บเสียจนดวงตาคู่นั้นเกือบจะมืดดับไป
“เพราะเหตุใด”
“สตรีจากตระกูลหยุนถึงเอาแต่ดึงดูดคนตระกูลต้วน หยูนซีก็ดี หยุนหว่านก็ดี แม้แต่ความสัมพันธ์คลุมเครือของตัวเจ้ากับเหล่าองค์ชายก็ด้วย” ไทเฮาลุกขึ้นยืนด้วยอย่างดุดันพร้อมกับเหลือบมองลงมายังกู้อ้าวเวย “หากเจ้าไม่ช่วยเหลือ ซ่านจินจื๋อจักต้องถูกแก้แค้นเป็นเป้ารายแรก ทันทีที่เขากลายเป็นฮ่องเต้ ข้าย่อมปฏิบัติต่อเขาเฉกเช่นเดียวกับซ่านต้วนโฉง……”
“ประเดี๋ยวท่านก็จะจากไปในไม่ช้า” กู้อ้าวเวยค่อยๆคลายมัดที่เลือดกำลังไหลหยด ยกมือขึ้นมาประคองขมับที่กำลังปวด พร้อมกับยกมือคว้าเอาป้ายพกของอ๋องจิ้งไปจากมือของนางกำนัลที่อยู่ด้านข้าง “ข้าจักช่วยท่านติดต่อกับกุ้ยมามาที่เคยอยู่กู้เฉิงและจวนขององค์ชายเก้า”
“เจ้ารู้ว่ากุ้ยมามาคือคนที่ข้าจงใจให้เป็นสายสืบในจวนขององค์ชายเก้าหรือ” ท่าทางของไทเฮาดูเจื่อนลงไปครึ่งหนึ่ง
“เพราะท่านแสดงท่าทีที่ไม่ให้เป็นจุดสนใจ และยิ่งไม่เป็นจุดสนใจ ยิ่งสามารถหลบซ่อนได้ลึกขึ้น” กู้อ้าวเวยเอ่ยเช่นนั้น กู้อ้าวเวยค่อยๆเอ่ยปากพร้อมกับหันหน้ากลับมายังไทเฮา “ข้าให้กำเนิดบุตรของซ่านจินจื๋อ แต่เขาจักไม่มีวันใช้แซ่ซ่าน”
ไทเฮาเหลือไว้แต่ความตระหนกตกใจ ณ ที่แห่งนั้น กู้อ้าวเวยเดินออกจากอารามไป๋หม่าโดยมิได้หันหลังกลับไปมองแต่อย่างใด
ทั้งหมดนี้ นับตั้งแต่เริ่มเป็นต้นมาช่างเป็นเรื่องน่าขัน