บทที่ 836 พิษกำเริบ
ซ่านเชียนหยวนไปหาหยุนหว่านในวัง ที่น่าแปลกก็คือทหารองครักษ์กลับไม่ขวางทางเขาเลย เขาไม่กล้าไปบอกเรื่องนี้ให้ซ่านจินจื๋อรู้ก่อน เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดเรื่อง แต่หลังจากที่เขาเล่าเรื่องนี้ให้หยุนหว่านฟังแล้ว หยุนหว่านกลับขว้างถ้วยน้ำชาจนแตกทันที
ซ่านเชียนหยวนใจหล่นลงไปถึงพื้น “ท่านน้าหยุนนี่ท่าน ……”
“พิษบนตัวนาง ……” น้ำเสียงของหยุนหว่านสั่นเครือ มือของนางก็อดสั่นไม่ได้ เหมือนว่าโลกทั้งใบมันหมุนไปหมด นางพยายามพยุงตัวไว้ แล้วสูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วพูดว่า “ไม่จริง เวยเอ๋อเก่งเรื่องการแพทย์ ไม่มีทาง ……”
แต่ว่าหากเกิดเหตุไม่คาดฝันจริง ๆ ล่ะ
ซ่านเชียนหยวนรีบไปพยุงแขนของหยุนหว่านเอาไว้ แล้วพูดอย่างเป็นห่วงว่า “ท่านน้าหยุนท่านอย่าเพิ่งร้อนใจไป หรัวเอ๋อร์เองก็ถามมาได้ไม่มาก อีกอย่างถ้านางตายจริง ก็น่าจะมีการสั่งเสียอะไรไว้สิ นางจะต้องไม่เป็นอะไรแน่”
ใครจะคิดว่าหลังจากพูดจบ หยุนหว่านกลับรู้สึกว่าร่างกายมันหนักอึ้งกว่าเดิม
หลิ่วเอ๋อสีหน้าเคร่งเครียด สายตาของนางจ้องไปที่ซ่านเชียนหยวนแล้วพูดว่า “คุณหนูเป็นคนอย่างนั้นจริง ๆ ต่อให้ตายแล้วจริง นางก็จะทำทุกอย่างแบบไม่มีช่องโหว่แน่นอน”
ซ่านเชียนหยวนสูดหายใจเข้าลึก ๆ แต่ก็ไม่กล้าคิดไปถึงขั้นนั้น
ปกติแล้วกู้อ้าวเวยจะมีแผนการเตรียมไว้สองแผนการเสมอ เมื่อมีแผนในมือเพียงพอหรือไม่ก็มีข้อมูลที่มากพอ ถึงจะเลือกแผนหลักที่จะลงมืออีกที ไม่อย่างนั้นก็จะรอให้ถูกโจมตีเพื่อรอดูสถานการณ์ก่อน แต่ว่าไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ตาม นางก็จะเตรียมพร้อมทุกสถานการณ์และมีระบบระเบียบเสมอ
หากก่อนตายนางจะสั่งเสียอะไรเอาไว้ มันก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้
ในห้องเงียบลงทันที ไม่รู้ว่านานแค่ไหน ความเงียบถึงถูกทำลายลง “เรื่องนี้ตอนนี้เรายังไม่รู้ว่าจริงแค่ไหน แต่หากท่านอ๋องจิ้งรู้เรื่องนี้ วุ่นวายแน่นอน”
หลิ่วเอ๋อมองไปที่นาง จื่อเหมิงเหมือนจะไม่เชื่อนางเช็ดไปที่ปลายตาแดง ๆ “ใครบ้างที่ดูไม่ออกว่าท่านอ๋องจิ้งใส่ใจคุณหนูแค่ไหน ข้อความที่ส่งกลับมา มันเหมือนปูทางให้กับพวกเจ้าไปหมดแล้วไม่ใช่เหรอ? หากเอาเรื่องนี้ไปบอกให้ท่านอ๋องจิ้งได้รู้ ท่านอ๋องต้องทรงกริ้วแล้วทำเสียแผนแน่ แล้วคุณหนูก็คงไม่พอใจแน่”
ทุกอย่างเงียบลงอีกครั้ง ซ่านเชียนหยวนนวดไปที่คอ เหมือนเขาตึงเครียดมาก
หลังจากนั้นอยู่นาน หยุนหว่านก็พูดว่า “หากข้าไม่เห็นศพของนาง ข้าจะไม่ยอมเลิกราเด็ดขาด เรื่องนี้อย่าเพิ่งให้ใครรู้มาก คิดว่าฝ่าบาทเองก็ไม่น่าจะบอกอ๋องจิ้งเหมือนกัน ทุกอย่างทำตามแผนเหมือนเดิม”
พวกเขาพยักหน้ากันหมด ซ่านเชียนหยวนพูดอย่างแปลกใจว่า “แผนอะไร?”
“ท่านอ๋องจิ้งน่าจะจัดการทุกอย่างได้ เราเป็นหมากที่ดีของเขาก็พอ” หลิ่วเอ๋อส่ายหน้าด้วยความจนใจ เหมือนว่านางไม่ได้รู้เนื้อหาของแผนการนี้เลย แต่ในความเป็นจริงแล้วพวกเขาไม่มีใครสามารถทำตามแผนจริง ๆ เลยสักคนเดียว
แต่เมื่อหลายวันก่อน ทหารองครักษ์กลับนำกระดาษที่มีข้อความส่งมา มันเป็นลายมือของซ่านจินจื๋อ บอกว่าให้ยึดเอาส่วนรวมมาก่อน ดูคลุมเครือ แต่ในความเป็นจริงก็คือให้พวกเขาทำหน้าที่ของตัวเองที่ทำได้
หลังจากซ่านเชียนหยวนรู้แล้ว ก็พยักหน้าจากไป
เมื่อซ่านเชียนหยวนไปแล้ว หลิ่วเอ๋อก็รีบไปเปิดหน้าต่าง นางมองหน้ากับจื่อเหมิงแล้ว ทั้งสองก็แกล้งทำเป็นไม่เห็นเงาที่มุม จากนั้นถึงได้ไปปลอบใจหยุนหว่าน
ละครฉากนี้ มันเริ่มเล่นมาตั้งนานแล้ว
………….
สายฝนโปรยปรายลงมา ทำให้ละครหลาย ๆ ฉากมันดูโดดเดี่ยว มีลมพัดมาเป็นระลอก ๆ
ตลอดทางที่ผ่านมา โม่ซานชินสังเกตเห็นท่าทางแปลก ๆ ของกู้อ้าวเวยแล้ว แต่น่าเสียดายที่นางประเมินกู้อ้าว เวยสูงเกินไป ฝนตกแค่ไม่กี่วัน เดิมคนที่ควรนั่งอ่านหนังสืออยู่บนรถม้า กลับนอนอยู่บนรถม้าอย่างไม่รู้สึกตัว เดิมยังคิดจะพานางไปหาหมอ แต่ว่ารอยบนใบหน้าของนาง ทำให้ต้องยกเลิกความคิดนั้นไป แล้วไปหาโรงเตี๊ยมใกล้ ๆ แทน
กู้อ้าวเวยนอนขดตัวอยู่บนเตียงไม่รู้สึกตัว เหงื่อไหลออกมาท่วมตัวเปียกเสื้อผ้าไปหมด เมื่อกี้หมอมาตรวจชีพจรของนางแล้ว สุดท้ายก็ตกใจหยิบกล่องยาหนีออกไปกันหมด อีกทั้งยังเกือบไปตามเจ้าหน้าที่มาบอกว่ามีคนตายอยู่ในร้านแล้ว
โม่ซานไม่มีทางเลือก เลยควักป้ายของพี่ชายนางออกมา แล้วพูดว่า “ข้าคือน้องสาวของใต้เท้าโม่ บังเอิญเจอสายลับคนหนึ่ง ตอนนี้จำเป็นต้องแอบพาเขากลับไปอย่างลับ ๆ ห้ามพูดมากเด็ดขาด”
คนของทางการถึงได้กลับออกไปกันหมด ซูพ่านเอ๋อถึงได้โผล่หัวออกมา ยิ้มแล้วพูดว่า “สมน้ำหน้านาง”
โม่ซานจ้องไปที่นาง ตลอดการเดินทาง ซูพ่านเอ๋อดูเชื่อฟังกู้อ้าวเวยมาก แต่บางครั้งก็เหมือนคนบ้าพูดจาประชดประชันนาง แปลกมาก
เมื่อเปิดม่านออก โม่ซานก็ยังคงคิดหาวิธีจะปลุกนางให้ตื่น หรือว่าจะใช้วิธีการในยุทธภพทำให้นางตื่นดี แต่ในตอนนี้เองกู้อ้าวเวยกลับค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมา ปลายตาของนางเหมือนจะมีน้ำตาไหลออกมาด้วยความเจ็บปวด หน้าอกของนางเคลื่อนไหวขึ้นลงอย่างแรงเหมือนจะระเบิดออกมา นางยังไม่ลืมที่จะบอกว่า “ไม่เป็นไร”
“สภาพแบบนี้แล้วยังบอกว่าไม่เป็นไรอีก หากเป็นแบบนี้ต่อไป ยังไม่ถึงด่านลั่วสุ่ยคงปวดตายก่อนพอดี” โม่ซานเห็นนางเจ็บจนจิกไปที่ฝ่ามือแล้ว แต่พยายามจะซ่อนเอาไว้ใต้ผ้าห่ม ดวงตาของนางมันขาวเกือบหมดจนไม่รู้ว่านางยังมีสติอยู่หรือเปล่า นางคิด แล้วถามว่า “จะให้ข้าไปซื้อยาพิษมาให้ไหม อย่างน้อยจะได้ลดความเจ็บปวดลงได้”
กู้อ้าวเวยเหมือนจะไม่ได้ยินที่นางพูด ทำได้แค่พูดอืออือไม่กี่คำ
โม่ซานทำได้แค่อดทนพูดอยู่หลายครั้ง นางถึงได้กอดผ้าห่มแล้วส่ายหน้า “ยังไงก็ต้องทนให้ได้”
พิษในโลกนี้แทบจะไม่ต่างจากฝิ่นที่เป็นยาแก้ปวดให้นาง แต่จะให้มากินยาพิษแก้อาการทุกครั้ง ต่อไปก็ยิ่งต้องใช้มันต่อไปเรื่อย ๆ แต่สิ่งที่นางต้องการทำ ก็คือแก้ที่ต้นเหตุ
หลังจากนั้นสิ่งที่โม่ซานพูดนางฟังไม่รู้เรื่องอีกเลย นางพยายามเอาผ้าห่มยัดเข้าไปในปาก พยายามไม่ส่งเสียงร้องอยู่บนเตียง ในหัวมีแต่หน้าของเพื่อนสนิทมิตรสหาย หวังว่าชีวิตของนางจะไม่ถูกสวรรค์เอาคืนไป
โม่ซานกล่อมยังไงก็ไม่เป็นผล ทำได้แค่ยืนร้อนใจอยู่ข้าง ๆ หวังว่าอ๋องจิ้งจะรีบมาจัดการได้
ในเวลานี้เอง ในวังหลวงซ่านจินจื๋อก็ตกใจตื่นขึ้นมาจากฝัน ในฝันมีเงาของวิญญาณวิ่งผ่านหน้าเขาไป เหมือนกู้อ้าวเวยจะนั่งร้องไห้อยู่ที่โต๊ะที่อยู่ไม่ไกล เขารีบลุกขึ้นแล้วเดินมาหาที่โต๊ะ แต่ว่าเขากลับพบเพียงแค่ลมพัดผ่านเท่านั้น
“ความรู้สึกแบบนี้อีกแล้ว” ซ่านจินจื๋อลุกขึ้นมานั่งที่เก้าอี้ เขามองไปที่ชุดถ้วยชาอย่างเหม่อลอย เหมือนใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเลย เขารู้สึกตลอดเวลาว่าจะมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้น
นอกหน้าต่างกำลังมีฝนตก นอกหน้าต่างมีโคมไฟที่นางกำนัลเพิ่งมาเปลี่ยนกะ ประตูถูกเปิดออก ซ่านจินจื๋อเดินออกนอกประตู เขาสั่งว่า “ไปหาเฉิงซาน ให้เขาย้ายของของเวยเอ๋อมาที่ห้องนอนของข้าที”
“เพคะ” นางกำนัลรีบไปทันที แต่ก็ยังไม่ลืมที่จะไปรายงานให้หวางกงกงได้รู้
หวางกงกงได้ยินแล้วก็โบกมือ “ขอแค่ท่านอ๋องไม่ทรงถามอะไร พวกเจ้าก็ทำตามที่สั่งก็พอ”
นางกำนัลพยักหน้า แล้วก็ฝ่าสายฝนออกไปหาเฉิงซาน
ส่วนหวางกงกงก็กระพริบตา เขาในฐานะหัวหน้าขันที ชาตินี้คงออกไปไม่ได้ หากต่อไปซ่านจินจื๋อได้เป็นฮ่องเต้ ไม่มีทางดีกับเขาแน่นอน ตอนนี้คิด ๆ ไปแล้ว เขาก็อยากจะเอาใจซ่านจินจื๋อบ้าง ต่อไปหากเขาได้ขึ้นครองราชย์จริง อย่างน้อยก็จะได้เก็บหัวเอาไว้ได้
ค่ำคืนวันฝนตก ทั่วทั้งเมืองเทียนเหยียน แต่ละคนก็ต่างความคิดกัน