บทที่ 844 ยาแก้พิษ
หลายปีมานี้ดูเหมือนยัยไง่หงจะไม่เคยเปลี่ยนไปเลย
เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมาเมิ่งซู่เข้ามาเป็นเจ้าหน้าที่ในราชสำนัก ครอบครัวใหญ่ย้ายถิ่นฐานมาที่เมืองเทียนเหยียน ยัยไง่หงดูแลเรือนหลังเก่าในเขตชานเมืองเพียงลำพัง ถือโอกาสช่วยซู๋โหย่วเหวยซื้อแปลงยาในเขตชานเมือง อยู่ค่อนข้างใกล้จากทุ่งดอกไม้ของสำนักเยียนหยู่เก๋อ หาคนทำยาจำนวนมากมาคอยดูแลในแต่ละวัน ยัยไง่หงเองก็เคยชินกับการทำความสะอาดคฤหาสน์ จึงวิ่งวุ่นไปพักทั้งสองแห่ง มือไม้คล่องแคล่วและขยันขันแข็ง
คนที่สามารถทำให้ผู้คนรอบกายไว้วางใจจนได้เป็นผู้ช่วยนั้น จักต้องไม่เพียงแต่กล่าวขอโทษอย่างง่ายดายขนาดนี้เป็นแน่
“อันที่จริงครั้งนี้ข้ามา…”
“คำพูดนี้รอจนกว่าพวกเราอยู่กันสองคนค่อยว่ากัน” กู้อ้าวเวยยกมือขึ้นอุดปากของนางเอาไว้ เหลือบตามองบนเตียงที่อยู่ด้านข้างปราดหนึ่ง พลางกล่าวเสียงแผ่ว “เดินทางมาเหน็ดเหนื่อย ไปนอนพักสักประเดี๋ยวเถิด”
“คุณหนูยังใส่ใจอยู่เช่นเคย” ยัยไง่หงยิ้มตาหยีพลางพุ่งเข้าไป และยังไม่ลืมจัดระเบียบเตียงนอนก่อนหนึ่งหนอีกด้วย
ยู่จือที่อยู่ด้านหลังโยนกล่องไม้กกกล่องหนึ่งลงต่อหน้านาง “ยาเล่า?”
มิได้ไปตรวจสอบว่าของที่อยู่ในกล่องไม้คือเช่ออี้จื่อหรือไม่ กู้อ้าวเวยกลับยืนขึ้นอย่างสบายๆ ถือโอกาสตอนที่ยู่จือยังไม่ทันตั้งตัว สองมือก็ประกบดวงหน้าของนาง สายตากวาดมองลายสักแปลกประหลาดบนดวงหน้าของนาง และกล่าวว่า “ตระกูลหยุนตระกูลยู่แต่เดิมก็เป็นสายตระกูลเดียวกัน ตระกูลหยุนมีพิษ ตระกูลยู่มียา”
ยู่จือที่คิดจะสวนกลับพลันแน่นิ่ง หรี่ตาลงเล็กน้อย มือข้างหนึ่งกลับโรยลงบนปกเสื้อของกู้อ้าวเวย “ข้าคิดว่าตระกูลหยุนของพวกท่านลืมเลือนนี้ไปตั้งนานแล้ว”
“ต้องขอบคุณพี่สาวเจ้าที่บอกให้รู้” กู้อ้าวเวยกล่าวเช่นนี้ ชี้ไปที่ตำแหน่งกระดูกไหปลาร้าของตัวเอง “รอยประทับนั้นยังคงอยู่ตรงนี้ ตอนนี้ดูแล้วน่าสะพรึงกลัวยิ่ง แต่ว่าก็ช่างเถิด”
ยู่จือนิ่งงันไปก่อนเล็กน้อย จากนั้นจึงปั้นหน้าขรึมบีบลำคอของกู้อ้าวเวยเอาไว้ “แพทย์ของหลิ่งหนานตระกูลหยุนจิตใจเมตตา เป็นที่รู้จักกันถ้วนหน้า แต่ตระกูลยู่ต่อให้เข้าสู่แวดวงสังคม ก็คงไม่พ้นแลกมาด้วยคำว่านักต้มตุ๋น ตอนนี้รู้เรื่องนี้แล้ว ท่านยังคิดจะออกอุบายอะไรอีก”
หญิงสาวรูปรางเพรียวลมเวลานี้มีไอสังหารแผ่กระจายออกมาทั่วสรรพางค์กาย ยู่หงผู้มีใบหน้าอัมพาตอยู่ข้างๆ กลับเอื้อมมือไปดึงนางกลับมา แล้วมองกู้อ้าวเวยปราดหนึ่ง “อย่าก่อเรื่อง ที่นี่ไม่มีใครปกป้องท่านได้”
“ข้าเปล่าก่อเรื่อง ข้าเพียงแต่คิดจะคลี่คลายปริศนาบนลายสักของนางก็เท่านั้น ถ้าหากลายสักนี้ของพวกเจ้าเป็นมรดกตกทอดมาจากต้นตระกูลบรรพบุรุษ บางทีข้าอาจจะหาวิธีแห่งการไขปริศนาออกก็ได้ วันหน้าคนของตระกูลยู่ของพวกเจ้าก็ไม่ต้องแบกลายสักลนหน้าแบบนี้ออกไปอีกแล้ว” กู้อ้าวเวยถูกผลักออก ซวนเซหลายก้าวไปพยุงขอบโต๊ะ ความเจ็บปวดที่อยู่ภายในร่างกายค่อยๆ เพิ่มขนานขึ้นเล็กน้อย
“แก้ได้หรือ?” ยู่จือเบิกตากว้างอย่างเฉียบพลัน
“แต่ข้าต้องใช้เวลาไม่น้อยเลย ถ้าหากไม่มีอะไรผิดพลาด พิษนี้ของเจ้าน่าจะมีประสิทธิภาพเหมือนกันกับพิษของตระกูลหยุนของข้า เพียงแต่พวกเราหลงเหลือคำว่าหยุนคำเดียวเอาไว้ ส่วนสิ่งที่พวกเจ้าหลงเหลือ กลับเป็นลายสักที่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน” กู้อ้าวเวยหย่อนตัวนั่งลงช้าๆ เสียเลย แล้วโบกมือให้นาง “ตระกูลยู่ถนัดเรื่องยาพิษหนอนแมลง แต่ตระกูลหยุนกลับถนัดเรื่องการรักษาคน”
ใบหน้าของยู่หงกระตุกเกร็งเล็กน้อย ผลักยู่จือออกเบาๆ ในปากยังกล่าวว่า “ไม่มีลายสักนี่แล้ว ตระกูลยู่ของพวกเจ้าก็ไม่ต้องฤๅษีชีปะขาวไปตลอดชีวิตแล้ว”
“ถ้าหากทายาทตระกูลหยุนคลี่คลายได้จริงๆ พวกเราร่วมตระกูลร่วมบรรพบุรุษ เหตุใดต้องปล่อยยืดยาวตั้งหลายพันปี?” ยู่จือปากบอกว่าไม่เชื่อ ดวงตาคู่นั้นยิ่งชำเลืองมองกู้อ้าวเวยอย่างเย็นชา ทว่าข้อมือกลับยังคงวางมืออยู่ต่อหน้าของกู้อ้าวเวยอย่างไม่ใคร่เต็มใจนัก
ตรวจวัดชีพจรให้กับนาง สิ่งที่น่าแปลกประหลาดคือ กู้อ้าวเวยรู้สึกว่าอัตราชีพจรคงที่ ซึ่งแตกต่างจากตอนที่ต้องพิษอย่างสิ้นเชิง
มุ่นคิ้วเล็กน้อย และวาดเลือดต่อหน้ายู่หง ก็ลองใช้เข็มเงินเคลือบผงยาเจ็ดแปดเล่ม จนกระทั่งหัวคิ้วของยู่จื่อแทบขมวดชันขึ้นมา ขณะที่จะเริ่มลงมือ บานประตูพลันถูกเปิดออกอย่างแรง เข็มเงินในมือของกู้อ้าวเวยตำนิ้วเข้าจนร้องเสียงหลงออกมาเบาๆ
ไม่กี่คนเงยหน้าขึ้น เมื่อเห็นว่าโม่ซานที่กลับมาอย่างล้มเหลวเดินเข้ามา สายตาพลันซับซ้อน “ที่แท้พวกเขามุ่งตรงมาที่นี่นี่เอง”
“เป็นเพราะเจิ้งฉิงคุนและยัยไง่หงรู้จักกัน จึงบังเอิญพบกัน ลำบากเจ้าแล้ว” กู้อ้าวเวยถือเข็มเอาไว้ ยิ้มพิมพ์ใจก่อนหันหน้าไปมองยู่จือ “นี่เป็นพิษชนิดหนึ่งจริงๆ ด้วย แต่ค่อนข้างคล้ายคลึงกันกับยาพิษหนอนแมลงของพวกเจ้า น่าจะเป็นบรรพบุรุษรุ่นก่อนของตระกูลยู่ซ่อนไว้ในร่างกาย ผลลัพธ์คือถ่ายทอดสู่คนรุ่นหลัง รอให้ถึงวินาทีที่พวกเจ้าเริ่มสัมผัสหญ้าพิษ พิษนี้ก็จะออกฤทธิ์ และทิ้งร่องรอยเอาไว้ แต่เป็นเรื่องบังเอิญหรือไม่ที่ยาพิษหนอนแมลงตระกูลยู่ของพวกเจ้าถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่นและไม่เคยหนีห่างจากหญ้าพิษเลย”
โม่ซานเพิ่งกลับได้ยินเพียงความเดียว ก็มุ่นคิ้วทันที “เพราะเหตุใดถึงต้องเอาหนอนแมลงไปเลี้ยงในร่างกายด้วย ว่างจนไม่มีอะไรทำหรือ?”
“เพราะนี่คือยาพิษที่สืบทอดกันมา ยาถอนพิษที่แก้ไม่ตก ถ้าหากบันทึกลงตำรา ล้วนถูกคนช่วงชิงไป แต่ถ้าหากอยู่ในตัวของทายาทตระกูลยู่ก็จะมีรอยประทับแบบนี้กันทั้งนั้น กลับกันคงไม่ถูกผู้อื่นรู้สึกเร้นลับ ต่อให้คิด ก็ไม่ได้รุดหน้าก่อนเป็นก้าวแรกเฉกเช่นความลับยาพิษที่ตระกูลหยุนทำการทดลอง หรือกล่าวได้ว่า นี่คือวิธีสืบทอดที่ดีที่สุดแล้ว” กู้อ้าวเวยเก็บเข็มที่เปลี่ยนสีเอาไว้ให้เรียบร้อย ก่อนหยัดตัวลุกขึ้น “เป็นดังนี้แล้ว ตระกูลยู่และตระกูลหยุนต่างไม่เต็มใจให้วิธีที่ฟื้นจากความตายเช่นนี้สาบสูญไป แต่ขณะเดียวกัน ก็ไม่หวังให้ถูกคนอื่นเอาไปใช้ประโยชน์ ต่อมาทั้งสองแบ่งฝักฝ่าย เป็นเหตุให้การสืบทอดทางกรรมพันธุ์นี้ถูกแบ่งเป็นสองส่วนด้วยเช่นกัน”
ยู่จือกะพริบตาปริบๆ ด้วยความงุนงง มองดูปลายนิ้วที่มีสีแดงไหลซิบเจ็ดแปดจุดด้วยอาการเหม่อลอย
“ข้าถามท่านหมอมาไม่น้อย และก็พลิกตำราแพทย์ดูแล้ว แต่สายตระกูลพวกเราไม่ได้มีวี่แววจะต้องพิษเลย”
“เพราะว่าพวกเจ้าเข้าใจผิดเกี่ยวกับเรื่องพิษ อันที่จริงพิษนี้มีเพื่อต่ออายุชีวิต” กู้อ้าวเวยดึงปกเสื้อของตนอย่างช่วยไม่ได้ เสมองไปที่ซูพ่านเอ๋อ “พิษตระกูลหยุนของพวกเรามีไว้สำหรับประโยชน์ทางการทดลองของหัวหน้าตระกูลในอนาคต ถ้าหากไม่ได้แก้ไข ก็จะตายในทันที ส่วนพิษตระกูลยู่ของพวกเจ้า กลับมีประสิทธิภาพแตกต่างกัน พิษนี้นำภาระมาสู่อวัยวะภายใน ขณะเดียวกันก็สามารถทำให้พวกเจ้าเฉลียวฉลาดยิ่งขึ้น คำนวณหยั่งรู้เรื่องราวในอนาคตจากความแตกต่างอย่างละเอียดอ่อนได้ รอถึงคราวที่พวกเจ้าอายุมากแล้ว อวัยวะภายในก็จะเสื่อมสภาพ และพิษนี้ได้รับการบ่มเพาะมาอย่างดีแล้ว จะช่วยทำให้พวกเจ้ามีชีวิตได้ยาวนานยิ่งขึ้นไปอีก”
น้ำเสียงสิ้นสุด สีหน้าของไม่กี่คนภายในห้องล้วนปากอ้าตาค้างกันเป็นแถบ
ส่วนกู้อ้าวเวยกลับกอดเรียวแขน เอนพิงตู้ที่อยู่ด้านข้างเบาๆ “แน่นอน แม้ว่าข้าจะถอนพิษแล้ว พวกเจ้าก็ยังคงฉลาดอยู่เหมือนเดิม เพราะมันลุกลามมาหลายพันปี นี่เป็นสิ่งที่สลักอยู่ในหยาดโลหิตและแกนกระดูกของพวกเจ้าไปแล้ว แต่จะแก้พิษให้พวกเจ้าข้ายังต้องใช้เวลาไม่น้อย ก่อนหน้านี้ เจ้าต้องช่วยข้าหนึ่งเรื่อง”
ยู่จือจดจ้องด้วยแววตาเย็นชา “ถ้าข้าช่วยท่าน ชะตาชีวิตที่ข้าหยั่งรู้ในอนาคตก็จะเปลี่ยนแปลงไปหมด!”
“เช่นนั้นวันหน้าเจ้าก็จงแบกลายสักนี้ไปชั่วชีวิตเถิด ยู่หงก็หน้าเป็นอัมพาตไปตลอดชีวิต เผลอๆ ยังมีอันตรายต่อชื่อสกุลอีกด้วย ถ้าเจ้าช่วยข้า ยาต่ออายุชีวิตนกให้เจ้า ลายสักนี้ก็จะกำจัดให้เจ้าด้วย ว่าอย่างไร?” หางตาของกู้อ้าวเวยโค้งงอ เวลานี้กลับไม่รอให้ยู่จือตอบคำถาม แต่ผลักไสไล่ส่งนางออกไปพร้อมกับยู่หงทันที ปิดประตูเข้าหากันดังปึง แล้วยังกล่าวว่า “เมื่อครู่ให้เด็กรับใช้เสี่ยวเอ้อร์เปิดห้องไว้ให้พวกเจ้าแล้ว”
ส่วนยู่หงกลับมีแววตาอึมครึม ยกมือขึ้นลูบดวงหน้าที่เป็นอัมพาตของตัวเอง
ยู่จือกลับเอนพิงลำแขนของยู่หง แหงนหน้าขึ้นมองเขา “ช่างน่ารังเกียจเสียจริง”
ภายในประตู กู้อ้าวเวยกลับมาเดินมาหยุดข้างเตียง ปลุกยัยไง่หงที่แกล้งหลับให้ลุกขึ้นมา “เมิ่งซู่ให้เจ้ามาพูดอะไร”
ยัยไง่หงประชิดข้างหูของกู้อ้าวเวยอย่างรวดเร็ว แล้วกล่าวว่า “นายน้อยบอกว่าโลงศพของแม่นางหยูนซีและองค์หญิงหลิงเอ๋อร์ล้วนว่างเปล่า อีกทั้งนั้น องค์หญิงหลิงเอ๋อร์ก็ยังถือกำเนิดจากแม่นางหยูนซี ต่อมาเพราะเรื่องของซูพ่านเอ๋อองค์หญิงหลิงเอ๋อร์จึงเสียชีวิต ตอนนี้ความคิดของฮ่องเต้ยังคาดเดาไม่ได้อยู่”
องค์หญิงหลิงเอ๋อร์เป็นถึงลูกสาวของหยูนซี! กู้อ้าวเวยตบหน้าอก รู้สึกตกใจไม่น้อย
โม่ซานที่อยู่ด้านหลังก็เอ่ยปากด้วยเช่นกัน “ระหว่างทางข้าเห็นเมี่ยวหารแล้ว เขาดูเหมือนรอให้ท่านพาซูพ่านเอ๋อมาปรากฏตัวอยู่”
“ทำดีมาก” กู้อ้าวเวยยกนิ้วโป้งให้นาง “หากเป็นเช่นนี้ ข้าก็ไม่ต้องไปด่านลั่วสุ่ยด้วยตัวเองเพื่อยืนยันว่าเขายังอยู่หรือไม่แล้ว