บทที่ 852 บทบาทละครและชีวิตจริง
คิดถึงจนแทบบ้า ความรักเปรียบเหมือนยา
ยัยไง่หงส่งจดหมายเนื้อหามีใจความถึงตำรับยาของซ่านจินจื๋อ ยัยไง่หงแทบจะจดทุกคำพูดทุกประโยคของกู้อ้าวเวยลงไป เพียงแต่เสียดายที่นางไม่สามารถจดทุกอย่างได้หมดลงในกระดาษที่ยับเยินนั้นได้ แต่ก็รู้ว่าสุขภาพร่างกายของกู้อ้าวเวยก็ไม่สู้ดีนัก โดยเฉพาะดวงตาคู่นั้นได้เปลี่ยนไปแล้ว
ในอกของซ่านจินจื๋อยังมีหมอนที่มีกลิ่นกายที่มีกลิ่นยาจางๆของกู้อ้าวเวย ดมกลิ่นนานแล้ว ความขมขื่นก็กลายเป็นหวานเชื่อม มาวันนี้เขาไม่ชอบกลิ่นของแป้งแม้แต่น้อย แต่กลับชอบกลิ่นของผงน้ำตาลที่โรยอยู่บนของขนมหวาน
ตงฟางซวนเอ๋อมาทุกวัน วันนี้นางเล่นพิณให้เขาฟังโดยมีผ้าม่านบางกั้นไว้ ข้างกายยังมีคุณหนูตระกูลขุนนางนั่งอยู่หลายคน ท่ามกลางฤดูหนาวที่ใกล้เข้ามาแล้วกลับสวมเพียงชุดน้อยชิ้น ขอเพียงให้ซ่านจินจื๋อสามารถมองเห็นรูปร่างอันอ่อนช้อยเส้นเว้าโค้ง หรือใบหน้าอันงดงามพวกนั้นด้วย
“ท่านอ๋องอยากฟังบทเพลงอะไรอีกหรือไม่?”ตงฟางซวนเอ๋อเอ่ยขึ้นด้วยเสียงนุ่มนวล วันนี้นางยังไม่ถูกซ่านจินจื๋อกล่าวตำหนิ จึงทำให้นางมีความเอาแต่ใจขึ้นมาเล็กน้อย ซ่านจินจื๋อจึงตามใจอย่างไม่ค่อยใส่ใจนัก
“แล้วแต่เจ้าเถิด”ซ่านจินจื๋อโยนจดหมายที่ยัยไง่หงนำมาให้ลงไปในเตาไฟ ด้านข้างของมือยังมีกระดาษหนังสือที่กู้อ้าวเวยเหลือไว้เต็มไปหมด ส่วนมากจะเป็นความรู้ทางการรักษากับพวกตำนานท้องถิ่น ไม่มีความน่าสนใจเลยแม้แต่น้อย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงตัวหนังสือนั่นว่าน่าเกลียดขนาดไหน เมื่อเทียบกับพวกลูกสาวของตระกูลขุนนางที่อยู่ด้านนอกประตูแล้ว สามารถพูดได้ว่าเหมือนหนอนเลื้อยไต่ไปมา
เขาอดที่จะยกยิ้มตรงมุมปากขึ้นมาไม่ได้ ตงฟางซวนเอ๋อคิดว่าเป็นการชื่นชมการเล่นพิณของตนเอง จึงยิ้มอย่างได้ใจแล้วจัดการดีดเล่นเพลงต่อไป หวางกงกงผู้ซึ่งวิ่งมาจากประตูด้านนอกหลังจากที่ไม่ได้มาเป็นเวลานานแล้ว เอ่ยขึ้นด้วยเสียงต่ำ“ท่านอ๋องจิ้งพ่ะย่ะค่ะ”
“มีเรื่องอะไร?”ซ่านจินจื๋อหน้าเคร่งขรึมโดยพลัน วางกระดาษที่อยู่ในมือลงทันที
“วันนี้ราชทูตของเอ่อตานจะกลับแล้วพ่ะย่ะค่ะ ฮ่องเต้เรียกท่านไปดู ไปพบฮูหยินท่านนั้น”หวางกงกงเน้นหนักคำว่าฮูหยินสองคำ แล้วหันไปมองหญิงสาวตระกูลขุนนางพวกนั้น บนใบหน้ามีรอยยิ้ม
“ไม่ต้องขู่หรอก มาวันนี้ข้าเคยทำให้พวกนางลำบากใจด้วยหรือ?”ซ่านจินจื๋อสะบัดแขนเสื้อแล้วลุกยืนขึ้น นำหมอนสมุนไพรใบนั้นวางอยู่บนเตียง แล้วเอ่ยขึ้นอีกครั้งว่า“บอกให้หยวนเอ๋อเอามาเพิ่มอีก ข้าชอบ”
“กระดาษพวกนี้……”หวางกงกงอดไม่ได้ที่จะมองไปที่ของของกู้อ้าวเวยที่วางอยู่บนโต๊ะพวกนั้น
“ปกติกู้อ้าวเวยก็อ่านแต่ตำราการรักษากับตำนานท้องถิ่น หาเบาะแสอะไรไม่พบ เจ้านำของพวกนี้ไปให้คนอื่นๆดู อย่าทำให้เสียหายล่ะ”ซ่านจินจื๋อสั่งการลงไปอย่างไม่ค่อยใส่ใจนัก แล้วจึงเดินไปข้างหน้า
ตงฟางซวนเอ๋อที่รู้เรื่องภายในอยู่แล้วก็ยกกระโปรงขึ้นแล้วรีบสาวเท้าเดินตามไป
หวางกงกงไล่พวกลูกสาวของตระกูลขุนนางออกไป แล้วสั่งกำชับให้คนอ่านตำราพวกนี้ดีๆอีกรอบ อย่าทำเสียหาย ขันทีน้อยข้างกายที่ไม่ฉลาดก็เอ่ยถามขึ้นอย่างอดไม่ได้“เห็นได้อย่างชัดเจนว่าอ๋องจิ้งยังคงมิอาจตัดขาดจากความรักครั้งนี้ได้”
หวางกงกงตบศีรษะเขาไปหนึ่งครั้ง“เจ้าจะไปรู้อะไร อ๋องจิ้งพบรักแท้เข้าแล้ว ปล่อยวางไม่ได้แล้วก็ไม่อาจจากไปไหนได้ ความรักที่ตัดขาดไม่ได้เทียบไม่ได้กับยุทธภพที่กว้างใหญ่ไพศาล”
ขันทีน้อยพยักหน้า แต่ก็ไม่รู้ว่าฟังเข้าใจหรือไม่
ซ่านจินจื๋อพาตงฟางซวนเอ๋อมาสถานที่นัดพบปะ หยุนหว่านยังคงใช้ผ้าส่าหรีสีดำปิดบังใบหน้า แต่ทว่าโชคดีที่ได้คนที่ทำงานภายในกับยามที่อยู่ด้านนอกประตู หยุนหว่านในตอนนี้ดูไปแล้วใบหน้าเต็มไปด้วยความสงบจิตสงบใจ ในตอนที่มองเห็นตงฟางซวนเอ๋อนั้นมือของนางกำหมัดแน่น
ฮ่องเต้ไม่ได้ปรากฏตัว แต่ทั้งสองต่างรู้ดีว่าสายสืบของเขาซ่อนตัวอยู่
หยุนหว่านนั่งลง แล้วเอ่ยปากพูดขึ้นมาว่า“คนทรยศ จะไม่ได้ตายดี”
ในใจของซ่านจินจื๋อมีเสียงสะอึกดังขึ้น ใบหน้าแสร้งทำเป็นโกรธเกรี้ยวแต่ก็ยังทำทางอดทนไว้ มือข้างหนึ่งจับไปที่วางมือของเก้าอี้แน่น แล้วเอ่ยปากพูดขึ้นมาว่า“ยั่วยวนคนอื่นก็ได้หรือ?”
“เจ้าไปฟังคำใส่ร้ายว่าร้ายคนอื่นของพี่ชายเจ้า เหตุใดถึงไม่ใช่สมองไตร่ตรองดูสักนิด ว่าตกลงเขาทำเพื่อเจ้าหรืออยากจะแก้แค้นเจ้ากันแน่?”หยุนหว่านหัวเราะอย่างดูถูก จื่อเหมิงที่ อยู่ด้านหลังก็มองตงฟางซวนเอ๋ออย่างโกรธเคือง แล้วเอ่ยปากพูดขึ้นมาว่า“อ๋องจิ้งก็แต่งงานมาหลายครั้งหลายคราแล้ว พระชายาก็มีมากมาย คุณหนูตงฟางซวนเอ๋อก็กล้าแต่งนะเจ้าคะ”
“อ๋องจิ้งจัดแบ่งตามความเหมาะสมต่างหาก เพียงแต่พระชายาก่อนหน้านี้ไม่ได้รับการยกย่องเท่านั้นเอง”ตงฟางซวนเอ๋อมองไปที่จื่อเหมิงด้วยสายตาเย็นชา มืออีกข้างก็ค่อยๆยกจอกน้ำกาขึ้นมา นึกถึงเรื่องที่ได้รับฟังจากท่านป้ามา จึงยิ่งพูดอย่างเสียดแทงขึ้นมาอีกครั้ง“แต่จะว่าไปฮูหยินหยุนหวานตอนนั้นก็เป็นถึงหญิงงามในแคว้น มาวันนี้ใบหน้าเสียโฉม แต่ก็โชคดีได้จักรพรรดิแห่งแคว้นเอ่อตานไม่รังเกียจ เพียงแต่น่าเสียดายเจ้ากลับไม่ได้อบรมสั่งสอนลูกสาวให้ดีๆ ทิ้งชีวิตไปโดยเปล่าประโยชน์”
แววตาเชือดเฉือนเยือกเย็นคู่นั้นมองไปที่บนลำคอของนาง
ตงฟางซวนเอ๋อรู้สึกได้เพียงเย็นสันหลังวาบ มองตาลงไป เห็นเพียงแค่ใบหน้านิ่งสงบดั่งสายน้ำของซ่านจินจื๋อ ท่าทางหดคอลงอย่างขี้ขลาด รู้สึกเพียงแค่ว่ามีรังสีอำมหิตโผล่ออกมาจากที่ไหนสักที่
“ในเมื่อฮูหยินจะจากไปแล้ว ข้าก็หวังว่าฮูหยินจะมองดูผลประโยชน์โดยรวม อย่านำอุปสรรคความน่ารำคาญของชีวิตผู้หญิงเพียงคนเดียวมาทำให้อะไรๆอยากขึ้น”ซ่านจินจื๋อยกมือขึ้นเล็กน้อย ขันทีที่อยู่ด้านนอกประตูก็ยกหีบเข้ามาสองกล่อง ด้านในมีทองคำไข่มุกนับไม่ถ้วน
ตอนนี้ใบหน้าของหลิ่วเอ๋อกลับขรึมลง“นี่มันอะไรกัน?อยากจะใช้เงินตราพวกนี้มาซื้อชีวิตองค์หญิงของพวกเราอย่างงั้นหรอ?”
“แค่เป็นการขอโทษเท่านั้นแหละ อีกทั้ง ช่วงนี้ฮูหยินอย่าพึ่งกลับไปเอ่อตานจะเป็นการดี”ซ่านจินจื๋อเอ่ยพูดขึ้นด้วยเสียงเบา ตงฟางซวนเอ๋อที่อยู่ข้างๆท่าทางกระตุกขึ้นเล็กน้อย——นี่ไม่เหมือนกับที่ตกลงไว้
“อะไร?พวกเจ้ายังสามารถพรากชีวิตของข้าไปด้วยใช่หรือไม่?”หยุนหว่านตบโต๊ะเสียงดังสนั่น ผ้าส่าหรีผืนบางที่พลิ้วไสวยังทำให้เห็นสายตาอันเกรี้ยวกราดคู่นั้นเล็กน้อย“เจ้ายังคิดว่าฉูหลี่เป็นตัวประกันที่ไร้ประโยชน์ในตอนนั้นอีกอย่างนั้นหรือ?”
“กู้อ้าวเวยอาจจะยังไม่ตาย แต่หากท่านไม่อยู่โรงเตี๊ยมต่อไป ข้าก็รับปากไม่ได้ว่าหากภายภาคหน้าพบตัวนาง……”พูดถึงตรงนี้ ซ่านจินจื๋อก็ยกน้ำชาที่ตงฟางซวนเอ๋อยื่นมาให้จิบไปหนึ่งคำ แล้วสายตาก็เต็มไปด้วยม่านหมอก
“เจ้ามั่นใจขนาดนั้นเลยหรือ?”จื่อเหมิงก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว มองด้วยแววตาโกรธเกรี้ยว
“เจ้าคิดว่าจักรพรรดิของชางหลานมีไว้ทำไม กู้อ้าวเวยจึงไร้กังวลได้อย่างนั้นหรือ?”ซ่านจินจื๋อวางถ้วยน้ำชาลง แล้วทิ้งประโยคนี้ไว้ให้นางค่อยๆคิดไตร่ตรอง อีกด้านก็ดึงไหล่ของตงฟางซวนเอ๋อมาโอบอย่างสนิทสนมชิดเชื้อ แล้วพาคนเดินออกไป
หยุนหว่านยืนนิ่งอยู่กับที่ ไม่สามารถเอ่ยอะไรได้อยู่นาน
ซ่านจินจื๋อที่อยู่ด้านนอกประตูก็เดินจากไปไกลแล้ว หวางกงกงปาดเหงื่อแล้วเดินพุ่งตัวเข้ามา“ท่านอ๋องจิ้ง ท่าน……”
“ถ้าหากหยุนหว่านไป กู้อ้าวเวยยิ่งไม่มีทางกลับมา ข้า จะทำให้นาง พูดอะไรให้มันชัดเจน”นัยน์ตาของซ่านจินจื๋อเต็มไปด้วยความเยือกเย็นดั่งน้ำแข็งผืนใหญ่ บนใบหน้าอันแข็งกร้าวยังมีความโกรธเกรี้ยวขึ้นมา
หวางกงกงไม่กล้าพูดอะไร กลัวว่าจะถูกหมัดของอ๋องจิ้งชกเข้ามาทำให้ครึ่งชีวิตของเขาสูญไป ทำได้เพียงแค่นำไปรายงานกับฮ่องเต้ หลังจากที่ซ่านต้วนโฉงได้ยินแล้ว จึงทำเพียงแค่ยกมือขึ้น“ช่างเขาเถิด”
แต่ภายในห้องนั้น ตงฟางซวนเอ๋อถูกฮองเฮาเรียกตัวเข้าพบ ซ่านจินจื๋อเงยเอียงขึ้น มีเงาของคนผู้หนึ่งนั่งลงข้างๆของเขา แล้วเอ่ยขึ้นมาว่า“คนของอารามไป๋หม่าเปลี่ยนไปเยอะพอสมควรแล้ว องค์ชายสามก็ส่งคนออกตามหาเบาะแสของคุณหนู มาวันนี้กำลังจะกลับไปยังอารามไป๋หม่า”
“อีกทั้ง โลงศพของหยุนซีกับองค์หญิงหลิงเอ๋อร์ยังคงว่างเปล่าอยู่”
พอได้ยินประโยคสุดท้าย ท่าทางของซ่านจินจื๋อก็สะดุดไป“เรื่องโลงศพน่ะ ซ่านเซิ่งหานจะไปตรวจสอบด้วยตัวเองอย่างนั้นหรือ?”
“ใต้เท้าเมิ่งซู่บอกกับใต้เท้าโม่อี”ชายชุดดำยกมือขึ้นทำท่าคารวะ แล้วนำรายชื่อฉบับหนึ่งส่งมอบไปให้กับซ่านจินจื๋อ“นี่เป็นรายชื่อที่ใต้เท้าซางนิงส่งมาให้ อีกไม่กี่วันในตอนที่เปลี่ยนเวรยามทหารจะได้ใช้ประโยชน์”
ซ่านจินจื๋อพยักหน้า แล้วเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา“ให้คุ้มครองฮูหยินหยุนหว่านด้วย แล้วส่งคนไปบอกซ่านเซิ่งหาน ว่าข้าได้ถ่วงเวลามาพอสมควรแล้ว ถ้าหากเขายังไม่ลงมือล่ะก็ ข้าก็จะลงมือเอง”
“ขอรับ”ชายชุดดำหายแวบไปภายในพริบตา
ผ่านไปชั่วครู่ ลูกสาวตระกูลขุนนางผู้มีความงามสะสวยก็เดินเข้ามาจากด้านนอกของประตู ซ่านจินจื๋อเก็บซ่อนใบหน้าอันเย็นชาเมื่อครู่ แล้วเอ่ยปากพูดกับลูกสาวตระกูลขุนนางผู้เขินอาย“ข้าชอบคนที่มีความกล้า”