บทที่ 855 ความเงียบ
“ท่านอ๋องจิ้งกับ……”ฉีหรัวพุ่งตัวเข้ามาเมื่อได้รับข่าว แต่กลับถูกคนตรงหน้าปิดปากแน่น โอบเอวแล้วดึงตัวลากออกไป เสียงปิดประตูดังปึ้ง
ซ่านเชียนหยวนที่พึ่งลืมตาตื่นขึ้นถึงได้ยินข่าวนี้ บนร่างกายของเขามีเพียงเสื้อบางๆที่สวมอยู่ด้านในก็ได้ยินเสียงฝีเท้าของฉีหรัวแล้ว ตอนแรกอยากจะอธิบายดีๆ ใครจะไปรู้ว่าเสียงตกใจของฉีหรัวจะดังขนาดนี้จึงทำให้เขารีบเปิดประตูดึงคนเข้ามา นานๆทีจะเห็นท่าทางตกใจของฉีหรัว
ฉีหรัวถูกปิดปากจนแน่น ถึงได้พอมีสติขึ้นมาบ้าง นางจึงตบไปที่หลังมือของเขา
“ไม่นะ เมื่อคืนเขายังให้ข้าไปหาแมวมาอยู่เลย ทำให้ข้าคิดทั้งคืน เมื่อครู่มีคนบอกกับข้าว่า เขาไปขอลูกแมวสองตัวมาจากนางกำนัลในสวนหลวง เมื่อคืนข้ามัวแต่ยุ่งวุ่นวายกับการให้คนไปหาลูกแมวอยู่ทั้งคืน”ซ่านเชียนหยวนค่อยๆอธิบายด้วยเสียงเบาถึงได้ปล่อยคนออกไปแล้วจึงรีบกระโดดกลับเข้าไปสวมเสื้อผ้า
กลัวว่าเหล่านางกำนัลกับขันทีพวกนั้นจะมีเรื่องให้นินทากันอย่างสนุกปาก
ก่อนอื่นอ๋องจิ้งทรงโปรดลูกสาวของตระกูลขุนนาง หลังจากนั้นอ๋องจงผิงก็ได้อุ้มชายาที่ยังไม่ได้เข้าพิธีสมรสเข้าห้อง แม้แต่เสื้อตัวนอกยังไม่ได้สวม
ฉีหรัวยังไม่ทันนึกถึงเรื่องนี้ ยิ่งไปกว่านั้นก่อนที่นางจะอบรมสั่งสอนฉีหลินนั้น ยังเข้ามาทุกวันไม่ขาด ถึงแม้ผู้อื่นจะซุบซิบนินทากันให้ควัก แต่นางไม่ได้สนใจพวกคำนินทาว่าร้ายพวกนี้นานแล้ว และไม่ใส่ใจ กระทั่งยังมองดูท่าทางยุ่งวุ่นวายของซ่านจินจื๋อ พลางเอ่ยปากพูดขึ้นมาว่า“ไม่ต้องรีบหอก บอกมาก่อนว่าเขาเอาลูกแมวไปทำอะไร?”
“เจ้าช่างไม่ละอายใจเลย”ซ่านเชียนหยวนรีบดึงม่านยาวลงมา
“มีอะไรให้ละอาย เจ้าสวมชุดด้านในอยู่ไม่ใช่หรอ”ฉีหรัวมองเขายังประหลาดใจ
ซ่านเชียนหยวนหมดคำจะพูด สวมเสื้อผ้าเสร็จก็เดินออกมา แล้วมองไปที่นาง“กำลังพลทหารของเสด็จลุงอยู่แค่ด้านนอกเมืองเทียนเหยียนเองนะ”
“นี่มันอันตรายเกินไปแล้ว ไม่มีใครรู้ว่าในมือของฮ่องเต้ถือไพ่อะไรอยู่”ฉีหรัวขมวดคิ้ว
“แต่องค์ชายสามก็จากไปนานแล้ว เสด็จพ่อต้องพบอะไรเข้าแล้วแน่ๆ แต่ขัดขวางไม่ได้ หรือจนถึงตอนนี้ ไม่มีใครสามารถขู่เขาได้แล้ว หรือไพ่ในมือของพวกเราจะอยู่ในสายตาเขาแล้ว”ซ่านเชียนหยวนคิดถึงความเป็นไปได้ที่เลวร้ายที่สุด
ฉีหรัวยักคิ้ว แล้วถอนหายใจ“เบี้ยต่อรองหนึ่งเดียวของพวกเราในตอนนี้ นั่นก็คือฮ่องเต้ต้องส่งมอบบัลลังก์ให้แก่อ๋องจิ้งอย่างแน่นอน”
“เพียงแต่น่าเสียดายที่เป้าหมายไม่ชัดเจน แต่เสด็จอาจจะเริ่มหมดความอดทนแล้ว แม่นางพวกนางแทบอยากจะกลืนกินเขาไปทั้งตัว”ซ่านเชียนหยวนสองมือยกขึ้น แสดงให้เห็นว่าทำอะไรไม่ได้
ฉีหรัวพยักหน้า ตัดสินใจรับประทานเช้ากับซ่านเชียนหยวนก่อนแล้วค่อยว่ากัน
ในขณะเดียวกัน ตงฟางซวนเอ๋อก็ปรี่ตัวเข้าไปหาซ่านจินจื๋อโดยความโกรธ ที่บนบ่ามีลูกแมวตัวหนึ่งปีนป่ายอยู่ อีกตัวอยู่ในอกกว้าง ชายหนุ่มผู้มีสีหน้าเยือกเย็นกับลูกแมวอ่อนนิ่มทำให้เห็นได้ชัดถึงความแตกต่าง แต่ซ่านจินจื๋อที่เล่นกับลูกแมวไม่ได้ใช้ความอ่อนโยนเลย สายตาคู่นั้นมีความเย็นชาแผ่ซ่านออกมา
ตงฟางซวนเอ๋อทำได้เพียงแค่กลับไปด้วยดวงตาแดงก่ำ ยังไม่ทันรอให้ซ่านจินจื๋อเอ่ยปากพูด“แม่นางท่านนั้นคงจะยังเร่าร้อน ในภายภาคหน้าหากเจ้าได้เป็นพระชายาของข้า จะต้องจัดการเรื่องนี้ให้ดี อย่าทำให้เรื่องให้นินทาได้”
ตงฟางซวนเอ๋อกะพริบตาปริบๆ นี่เป็นการกล่าวชมอีกอย่างหนึ่งอย่างนั้นหรือ?
แต่ นางจะไม่มีวันยอมปล่อยหญิงที่ใช้เต้าไต่ขึ้นมาบนเตียงของอ๋องจิ้งเป็นแน่
แต่ทุกอย่างอยู่ในสายตาของซ่านจินจื๋อทั้งหมด เงาตะคุ่มร่างหนึ่งเดินตามแนวของกำแพงสูงของวังหลวง เดินตามฝีก้าวของตงฟางซวนเอ๋ออย่างเงียบเฉียบ และขันทีคนหนึ่งที่เดินตามหลังของซ่านจินจื๋อ เอ่ยปากพูดขึ้นมาว่า“ใต้เท้าโม่อีได้รับสารแล้วพ่ะย่ะค่ะ คุณหนูกู้เหมือนจะกำลังเตรียมถอนยาพิษ และยังเตรียมกลับมาพบท่านด้วย”
ซ่านจินจื๋อนิ่งไปชั่วครู่อย่างเลี่ยงไม่ได้ ลูกแมวในมือของเขาร้องเรียก เหมือนจะไม่พอใจท่าทางเคร่งขรึมของเขาเขาเดินออกไปอย่างไม่สนใจ“อย่าให้นางกลับมา เรื่องของที่นี่ข้าจะจัดการเอง”
“ใต้เท้ากุ่ยเม่ยก็อยู่พ่ะย่ะค่ะ แต่ดูท่าเขาแล้วคงไม่ได้เตรียมจะขวาง อีกทั้งยังไขปริศนาของความเป็นอมตะได้แล้ว แต่เรื่องรายละเอียดใต้เท้าโม้อีก็ไม่รู้แล้ว หรือคุณหนูจะตายในขณะกำลังถอนพิษ……”
ลูกแมวในมือหล่นลงพื้นทันที แววตาของซ่านจินจื๋อมีความกังวลสั่นไหว แล้วเอ่ยขึ้นด้วยเสียงเย็นชา“เหตุใดกุ่ยเม่ยถึงไม่ขัดขวางนาง!”
“ใต้เท้ากุ่ยเม่ยไม่เคยปฏิเสธคำขอของคุณหนูกู้”ขันทีน้อยถูกความเยือกเย็นรอบสี่ทิศบีบบังคับให้ถอยหลังไปหนึ่งก้าว แล้วปาดไปบนหน้าผากที่มีแต่เหงื่อหนึ่งครั้ง
สูดอากาศเข้าไปลึกๆ รังสีอำมหิตรอบกายของซ่านจินจื๋อทำให้นางกำนัลที่อยู่ข้างหลังยังต้องอุทานตกใจขึ้นมาเบาๆ
ท่านอ๋องผู้เหี้ยมโหดไฟแห่งความโกรธสุ่มขึ้นอย่างไม่ตระหนี่ เดินกลับไปยังห้องยังเร่งรีบ
นอกจากขันทีน้อยแล้ว ไม่มีใครรู้ว่าเหตุใดอ๋องจิ้งถึงได้โกรธเกรี้ยวขึ้นมาอย่างกะทันหัน แม้แต่นางกำนัลที่รับใช้อยู่ในตำหนักต่างก็ถูกตำหนิไปฉาดใหญ่ แต่ซ่านจินจื๋อไม่สามารถทำอะไรกับแคว้นเย่นเจียงที่อยู่ไกลนับพันลี้ได้
เขานั่งอยู่บนเก้าอี้อย่างเงียบๆ มือของเขากำหมอนสมุนไพรของกู้อ้าวเวยแน่น
เขาช่างไร้ความสามารถเสียจริง
……
น้ำในฤดูเย็นยะเยือกไปถึงกระดูก แต่ร่างกายที่เตรียมถูกความเจ็บปวดรวดร้าวเข้าครอบงำกลับไม่มีปฏิกิริยาอะไรมากนัก มีเพียงแต่อาการเจ็บจี๊ดที่ไหลผ่านจากหัวเข่ามา บนร่างกายมีเพียงเสื้อผ้าชิ้นบางๆตัวในเท่านั้น น้ำค่อยๆกอยรัดเรือนร่างของนางจนแน่น แล้วรอบกายก็มีเพียงคนเพียงไม่กี่คนเท่านั้น
ก้าวขึ้นไปตรงกลางลานพิธี น้ำที่ไหลอย่างรวดเร็วไหลผ่านเอวคอดกิ่วของนาง
ในตอนที่ยัยไง่หงกำลังกระโดดโลดเต้นอยู่นั้น กุ่ยเม่ยก็ได้ยกมือขึ้นนำมีดเล็กโยนไปให้นาง แล้วเอ่ยด้วยเสียงขรึม“ข้าจะจับตาดูเจ้าตลอด ถึงอาจจะล้มเหลว ก็อย่าได้ฝืน”
แน่นอนว่าเขาเคยได้ยินขั้นตอนมาบ้างเล็กน้อย ยกตัวอย่างเช่นด้านหลังยังมียาถอนพิษที่เตรียมไว้ เพื่อกันไม่ให้ผิดพลาด
มีดเล่มเล็กในมือเย็นเกินไป แต่พอผ่านเสื้อผืนบาง ผิวกายที่อยู่ด้านในก็ค่อยๆปีนป่ายอย่างลึกซึ้งอย่างประหลาดใจ เถาวัลย์สีดำคั่บเส้นนั้นค่อยๆคลายออกอย่างรวดเร็วในตอนที่กู้อ้าวเวยกลืนยาเม็ดแกเข้าไป ความเจ็บปวดรวดร้าวกะแทนเข้ามารอบกายของนางมากับสายน้ำ
นางกำเสากลางของศาลเจ้าจนแน่น สายตาของนางค่อยๆฝ้าฟางและมีความมืดเข้ามาครอบงำ
รู้สึกเจ็บขึ้นมาหน่อยแล้วล่ะ……
นางสงสัยว่าตัวเองได้ใช้มีดแล้ว แต่ในความจริงนั้นทุกอย่างเป็นเพียงภาพลวงตา ความเจ็บปวดแล่นผ่านชีพจรเข้าไปสู่ทั่วร่างกายของนาง ยู่จือที่อยู่บนฝั่งเบิกตากว้างตาทั้งคู่มองเห็นร่องรอยทั้งหมดถูกกลืนกินเข้าไปภายในผิวหนังของนาง แต่กู้อ้าวเวยกลับใช้มีดควานหาตำแหน่งอย่างระมัดระวัง
ทำตามแผนที่วางไว้ในตอนแรก ทำให้ทั้งสี่จุดเปิดออก แล้วประตูทางตายก็ถูกอ้ายจือเปิดออก
ในตอนที่กุ่ยเม่ยพบว่าสถานการณ์เริ่มไม่ดีแล้ว ยู่จือก็กระโดดลงไปในน้ำแล้ว ตามมาด้วยมีดที่อยู่ในมือ จ้องไปที่ดวงตาที่ปิดลงอย่างไม่มีสติ“ข้าจะแทง เป็นครั้งสุดท้ายเอง”
“เยี่ยม”กู้อ้าวเวยใช้เรี่ยวแรงสุดท้ายที่เหลืออยู่น้อยนิดแสยะยิ้มออกมา
สุดท้ายยาเม็ดนั้นก็ไหลลื่นลงไป เสียงตกใจของกุ่ยเม่ยดังระเบิดออกมาข้างๆหู ต่อมาก็เหลือเพียงเสียงของน้ำที่ไหลเข้ามาหู แล้วทุกอย่างก็เงียบสงบไป
ในแคว้นเทียนเหยียนมือที่ถือแก้วของซ่านจินจื๋อแตกละเอียดออกมา
ขันทีเดินเข้ามาอย่างเร่งรีบ ดวงตาของซ่านจินจื๋อเต็มไปด้วยเส้นเลือด มองไปที่ฝ่ามือที่โดนเศษแก้วบาดอยู่นาน กว่าจะรู้สึกขึ้นมาได้
ในใจเหมือนถูกอะไรบางอย่างควักไปหนึ่งก้อน
เกล็ดหิมะร่วงมาอยู่บนฝ่ามือ แล้วแทรกซึมเข้าไปในเลือด
นี่เป็นหิมะแรกของเมืองเทียนเหยียน