บทที่ 880 ทุกคนต่างสงสัย
ลูกเอ่อตันแดงส่วนมากจะเติบโตที่แคว้นเอ่อตาน ที่เหลือแม้จะไม่ได้งดการใช้ แต่ของพวกนี้ใช้แลกเงินไม่ได้และเอามาทำเป็นยาไม่ได้ และยังมีผลกระทบต่อคนที่ส่งของอีก คงไม่มีใครมาปลูกโดยที่รู้ว่าจะขาดทุนหรอก
พื้นที่ของแคว้นชางหลานไม่เหมาะกับปลูกลูกเอ่อตันแดง แต่ลูกเอ่อตันแดงพวกนี้กลับใหญ่เท่าๆกับในแคว้นเอ่อตัน
กุ่ยเม่ยขมวดคิ้วเอาลูกเอ่อตันแดงพวกนี้ไปไว้อีกกล่องหนึ่ง: “ลูกเอ่อตันแดงไม่ใช่ของดีอะไร ถ้ามีคนรู้ว่าในร้านชาซ่านมีของพวกนี้ ต่อไปคงจะทำการค้าขายได้ไม่ดี”
ซ่านจินจื๋อปิดบานประตูของกู้อ้าวเวย: “เอาลูกเอ่อตันแดงพวกนี้ไปให้จางเหยียงซานดู”
พูดจบ ซ่านจินจื๋อก็บอกเรื่องหลุมฝังศพจำนวนมากเมื่อกี้ไปทั้งหมด และให้โม่ซานปลุกยู่จือให้ตื่น ยู่จือก็ตื่นสดชื่นทันที: “ข้าอยากไปดูที่นั่น ตอนนั้นกู้อ้าวเวยอายุยังน้อย แต่พี่สาวข้าต้องรู้เรื่องนี้แน่”
ซ่านจินจื๋อสั่งลูกน้องให้พานางกับยู่หงไป และยังสั่งให้ระวังอีก
โม่ซานขมวดคิ้วพูดว่า: “เมืองเทียนเหยียนแปลกแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน”
“แค่ปิดบังไว้ลึกเท่านั้นเอง” ซ่านจินจื๋อเดินช้าลงออกไปด้านนอก: “ช่วงนี้ต้องจัดการเรื่องพันธมิตรระหว่างสองแคว้น อย่าให้นางเดินเพ่นพ่าน ก็บอกว่าเป็นคำสั่งของข้า”
กุ่ยเม่ยรู้งานและเปิดทางให้เขา ซ่านจินจื๋อก็รีบออกไปทันที นอกจากกู้อ้าวเวยแล้วสีหน้าเขาก็เคร่งขรึมกับคนนอกทั้งหมด โม่ซานถอนหายใจ: “ตั้งแต่ข้าเจอเขามา เขาไม่เคยอ่อนโยนเช่นวันนี้เลย”
“ตอนนี้คงไม่มีเรื่องของพวกเราชั่วคราว แม่ครัวคงจะเก็บของกินให้พวกเราอยู่หน่อย” กุ่ยเม่ยก็โล่งอก ดึงผ้าปิดหน้าลงมาวางไว้ข้างๆ โม่ซานก็พยักหน้าตาม มองออกไปด้านนอกท้องฟ้าที่สว่างขึ้นเรื่อยๆ และถามเขาว่า: “ถ้าลูกเอ่อตันแดงมีประโยชน์จริง จะมีแต่คนของร้านชาซ่านที่รับผลเสี่ยงนี้เองใช่หรือไม่”
กุ่ยเม่ยใช้ศอกแระแทกที่แขนนาง: “รอนางตื่นขึ้นมาข้าจะบอกนาง ตอนนี้พวกเราไปกินข้าวก่อนเถอะ”
โม่ซานกลอกตาขึ้นบนอย่างเบื่อหน่าย แต่ก็ตามเขาไปห้องครัวด้วยกัน
รอคนอื่นๆออกไปแล้ว กู้อ้าวเวยก็เปิดประตูออกมาใหม่ กู้อ้าวเวยโผล่หัวออกไปดูสถานการณ์ด้านนอก ตามหลังกุ่ยเม่ยอย่างระวัง ยังเดินออกไปไม่ถึงสองก้าวก็ถูกโม่ซานจับตัวได้เสียก่อน ดึงคอเสื้อนางและลากตัวเข้าไป: “เจ้าไม่ได้นอนเหรอ?”
“ตอนที่วางข้าลง ข้าก็ตื่นแล้ว” กู้อ้าวเวยปล่อยให้โม่ซานดึงตัวเองไว้ ลูบคล่ำท้องตัวเองและพูดว่า: “ข้าหิวแล้ว”
กุ่ยเม่ยมองนางอย่างสงสัย ดึงตัวนางออกมาจากโม่ซาน: “เจ้ากลัวว่าจะฟังผิด จากนั้นก็ไม่อยากให้ท่านอ๋องรู้สิท่า”
กู้อ้าวเวยมองค้อนเขา: “ข้ารู้สึกว่าเขายุ่งมากเกินไป”
“เจ้าทำเกินไปต่างหาก” กุ้ยเม่ยมองนางอย่างจริงจัง
ภายใต้เสียงทะเลาะของทั้งสอง โม่ซานผลักทั้งสองออก ไปขอบะหมี่จากแม่ครัวใหญ่มาสามถ้วย กู้อ้าวเวยสั่งเสี่ยวหลงเปามาหนึ่งจาน และพูดเรื่องหลุมฝังศพจำนวนมากอีกครั้ง บอกว่า: “ผลเสียของการเป็นอมตะ ก็คือลูกเอ่อตันแดงที่เน่าเสียและมีพิษอยู่ในนั้น พวกเขาคงจะทำเพื่อเก็บความสดใหม่ไว้ถึงเลือกเลี้ยงเอาไว้ และไม่ได้ส่งไปทันที”
“ต่างกันยังไง?” โม่ซานถาม
“พิสูจน์ได้ว่าที่พวกเขาต้องการไม่ใช่ลูกเอ่อตันแดงที่เน่าเสีย หรือว่า พวกเขากลัวว่าลูกเอ่อตันแดงเน่าเสียจะทำให้เป็นเรื่องใหญ่ ขอแค่รู้ว่าพวกเขาเป็นคนก่อนหรือหลัง ถึงจะรู้ได้ว่าเป้าหมายพวกเขาคืออะไร” กู้อ้าวเวยกินไข่หนึ่งคำใหญ่ รู้ว่าแม่ครัวใหญ่ไปส่งอาหารแล้ว โม่ซานกับกุ่ยเม่ยก็ดูรอบข้างไม่มีคนแล้ว ถึงได้พูดต่อว่า: “ถ้าพวกเขาต้องการลูกเอ่อตันแดงไม่เน่าเสีย ใช้ลูกเอ่อตันแดงทำยาเสน่ห์คงไม่ได้ผลดี ลงทุนก็มากขึ้น งั้นพวกเขาคงรอเวลาอยู่”
“งั้นถ้าพวกเขาแค่กลัวว่าจะถูกเปิดเผลล่ะ?” โม่ซานก็พูดตาม
“หนึ่งคือไม่มีวิธีรักษา สองอำนาจเขาไม่พอที่จะสามารถปิดบังเขาไม่ให้คนอื่นเห็นได้ เพื่อที่จะเอาของส่งเข้ามาในเมืองเทียนเหยียน แต่ต้นกล้าของลูกเอ่อตันแดงไม่มีคนรู้จัก ดังนั้นจึงปลอดภัยกว่า” กู้อ้าวเวยกินไข่คำสุดท้ายจนหมด เอาเสี่ยวหลงเปาจานนั้นมาตรงหน้า
กุ่ยเม่ยกินหมดคำสุดท้าย ดันถ้วยตรงหน้าโม่ซานออก บอกให้นางกินไปด้วยและฟังไปด้วย จากนั้นพูดถามต่อว่า: “แต่พวกนี้เกิดขึ้นรอบข้างองค์ชายสาม ไม่ต้องการลูกเอ่อตันแดงที่เน่าเสียน่าจะใหญ่กว่า”
“เจ้ารับรองได้ยังไงว่าองค์ชายสามกับฝ่าบาทไม่ใช่พวกเดียวกัน?” กู้อ้าวเวยอดไม่ได้ยักคิ้วขึ้น คีบเสี่ยวหลงเปาขึ้นมากิน และพูดด้วยกินไปด้วยว่า: “ถ้าเป้าหมายของฝ่าบาทคือการให้ซ่านจินจื๋อขึ้นครองราชย์ จากนั้นทำให้ชางหลานล่มจมเพื่อแก้แค้นเขา หรือเพื่อให้เขารับรู้ถึงความรู้สึกเสียคนที่รักไป หรือแค่ไม่อยากจะเป็นฮ่องเต้ แต่แค่เชื่อใจน้องชายละก็ ถ้าเป็นสองอันหน้า ก็ไม่มีผลต่อผลประโยชน์ขององค์ชายสาม”
ถ้ากู้อ้าวเวยเมื่อก่อน ก็คงจะลังเล
แต่ตอนนี้องค์ชายสามที่นางรู้จักก็แค่ช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกัน และไม่ได้ไว้ใจมากนัก
กุ่ยเม่ยมองดูนาง: “ยังจะกินอีกไหม?”
“ไม่กินแล้ว” กู้อ้าวเวยกินเสี่ยวหลงเปาอันสุดท้ายด้วยความเขินอาย เลิกคิ้วขึ้นพูดว่า: “ยังมีลูกเอ่อตันแดงไหม? ถ้าปลูกในแคว้นเอ่อตันต้องต่างกันแน่”
กุ่ยเม่ยหยุดไม่ให้โม่ซานเอาของขึ้นมาจากใต้โต๊ะ ส่ายหน้าพูดว่า: “ไม่ก็กินข้าว ไม่ก็นอน”
กู้อ้าวเวยเบะปาก แต่ก็ไม่กล้าต่อรองอะไร เพราะยังไงกุ่ยเม่ยคงไม่ลงไม้ลงมือกับนางจริงๆ แต่ซ่านจินจื๋ออาจจะส่งคนมาจับตานางไว้ และไม่ฟังคำร้องของนาง
สู้ไม่ได้ นางก็หลบได้
พอกลับมาถึงห้องก็นอนหลับอย่างสบายใจ
โม่ซานที่อยู่ข้างๆกลับไม่เข้าใจอย่างมาก: “ข้ายังมีอีกหน่อย เจ้าบอกว่าเก็บไว้เผื่อนาง ทำไมถึงไม่ให้ล่ะ?”
“ขอแค่ท่านอ๋องเชื่อใจได้ ข้าก็จะไม่ให้นางไปเผชิญอันตรายอีก” กุ่ยเม่ยนั่งตรงหน้าโม่ซานด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึม สายตาเต็มไปด้วยความรู้สึกไม่สบายใจ: “ข้าดูแลนางเสมือนเป็นน้องสาวแท้ๆของข้า”
โม่ซานถอนหายใจหนัก เก็บลูกเอ่อตันแดงไว้ที่เดิม
“นอนก่อนเถอะ ข้าเฝ้าอยู่ตรงนี้ก็พอ เมื่อวานองค์ชายสามปรากฏตัว วันนี้ท่านโม่น่าจะยุ่งมากพอสมควร” กุ่ยเม่ยชี้ไปที่เตียงข้างๆ โม่ซานคิดแล้วก็พยักหน้าเอาดาบไว้ข้างๆเตียง และขึ้นเตียงนอนทันที
หลับไปแค่คืนเดียว เรื่องอ๋องจิ้งรักเอ็นดูหญิงสาวตระกูลยู่จากเย่นเจียงก็แพร่สะพัดไปทั่ว
ตอนกลางวันแสกๆ ซ่านจินจื๋ออ่านราชสารอย่างเหนื่อยล้า ขุนนางตรงหน้าพูดอะไรไม่ออก ซ่านจินจื๋อก็รู้สึกรำคาญ: “ใต้เท้าทุกท่าน มีอะไรก็พูดกันตรงๆเถอะ”
ขุนนางทั้งหลายต่างมองตากัน จนในที่สุดก็มีคนยืนออกมา: “กระหม่อมคิดว่า ท่านอ๋องจิ้งใกล้กับตระกูลยู่จากเย่นเจียงไปหน่อยดูไม่ดี แม้แม่หญิงยู่ชีงท่านนั้นจะเหมือน……”
“คนที่ข้าอยากได้ เกี่ยวกับเรื่องแคว้นตั้งแต่เมื่อไหร่กัน” ซ่านจินจื๋อตบราชสารดังปังบนโต๊ะ ตะวันส่องไปที่ตัวของตระกูลตงฟาง: “เทียบกับสิ่งนี้ เรื่องของงานวันเกิดใต้เท้าตงฟางสืบไปถึงไหนแล้วบ้าง?”
“ตอบอ๋องจิ้ง คนร้ายคนนั้น……ตายในคุกแล้ว” ตระกูลตงฟางพูดถึงตรงนี้ ก็พูดด้วยเสียงที่สะอื้นต่อว่า: “วันนี้ที่มา ก็เพื่อขอท่านอ๋องจิ้งเป็นพยานให้ท่านพ่อของข้าด้วย!”