บทที่ 895 จริงหรือเท็จ
“ยู่ชีงเป็นคนของเย่นเจียง ไม่มีนาง ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองแคว้นก็ไม่มีความจำเป็นต้องคุยอะไรกันอีก”
ขณะนี้ทูตของเย่นเจียงก็เดินเข้ามา ปกป้องยู่จือไว้ด้านหลัง “พวกเราได้แสดงความจริงใจต่อชางหลานอย่างเต็มที่แล้ว ไม่ว่าพวกเจ้าจะเห็นว่าแม่นางเป็นคนของอ๋องจิ้ง หรือการเข้าวังไปถวายเครื่องบรรณาการ ตอนนี้พวกเราจะไม่ยอมให้ใครในทูตเย่นเจียงได้รับการเอาเปรียบจากพวกเจ้าอย่างเด็ดขาด”
ยู่จือแอบกรอกตามองขึ้นบน แต่ก็ยังคงชอบความรู้สึกที่ถูกปกป้องแบบนี้ นางค่อยๆถอยไปหลบอยู่ด้านหลังพวกทูต ภายใต้สายตาจ้องมองเตือนของซ่านเชียนหยวน แต่ซ่านเซิ่งหานกับซ่านเชียนหยวนกลับรู้ว่า พูดพวกนี้เพียงแค่ต้องการผลตอบแทนที่ดีเท่านั้น
ซ่านเชียนหยวนนวดขมับอยู่อย่างปวดหัว “พวกเราจะส่งคนไปตามหาแม่นางยู่ชีง พวกท่านไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องนี้ กลับไปยังเมืองเทียนเหยียนพร้อมกับท่านพี่สามข้าเถอะ วันอื่นพวกเราจะพาแม่นางยู่ชีงกลับไปตรงหน้าท่านอย่างปลอดภัย”
ซ่านเซิ่งหานสีหน้าเคร่งเครียด ไม่พูดอะไรสักคำตั้งแต่เริ่มแรก
รอจนหลังจากทูตเย่นเจียงพวกนั้นไปกันหมดแล้ว ซ่านเชียนหยวน คิดว่าเมื่อทูตพวกนี้กลับไปถึงเมืองเทียนเหยียนจะต้องเรียกความต้องการแน่ ส่วนทางด้านซ่านเซิ่งหาน หลังจากที่ลังเลอยู่สักพักแล้วก็พยักหัวพูดขึ้นว่า “เจ้าจะต้องตามหานางให้เจอ”
“เจ้ารู้ตั้งแต่เมื่อไหร่?” ซ่านเชียนหยวนมองดูเขาอย่างมุ่งมั่น
“ตั้งแต่ก่อนหน้านี้ที่จากไป การกระทำกับความเคยชินไม่สามารถหลอกคนได้” ซ่านเซิ่งหานลุกขึ้นยืน แล้วก็ตกบ่าซ่านเชียนหยวนอย่างมุ่งมั่นเช่นเดียวกัน บอกกับเขาว่า “ได้เรื่องอะไรยังไงก็บอกข้าด้วย”
ซ่านเชียนหยวนพยักหัวอย่างละอายใจ คิดว่าเขาจะต้องเป็นคนแรกที่เอาข่าวไปบอกให้กลับเสด็จอา
ทูตเย่นเจียงไม่ได้ลังเลเกี่ยวกับเรื่องของยู่ชีงเลยจริงๆ ในใจยู่จือเป็นห่วงแต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้ ก่อนที่จะจากไป นางได้เอาแม่ลูกหนอนของตนมอบให้กับซ่านเชียนหยวน ยังให้หนังสือเล่มหนึ่งกับเขา “บางทีอาจมีประโยชน์”
“เอาอันนี้มอบให้กับเสด็จอา” ซ่านเชียนหยวนยื่นถุงหอมอันหนึ่งให้กับยู่จือ
ในมีสายเชือกสีแดงที่ขาดแล้ว กับจี้ทองที่ยังไม่ได้รับความเสียหายใดๆ
ยู่จือพยักหัว เดินขึ้นไปบนรถม้า สบตากับตงฟางซวนเอ๋อที่ได้รับบาดเจ็บ ทั้งสองคนต่างก็หลบสายตากันอย่างไม่ได้นัดหมาย ตงฟางซวนเอ๋อถึงขั้นคิดว่าที่ยู่ชีงทำแบบนี้ก็เพื่อเพิ่มผลประโยชน์ให้กับเย่นเจียง
ทั้งสองคนต่างก็มีความคิดอยู่ในใจ ส่วนซ่านเซิ่งหานกลับมองดูทุกอากัปกิริยาอยู่ รวมถึงตอนที่มองดูถุงหอมนั่น เขากำหมัดแน่น ถามคนด้านข้างว่า “นางสบายดีไหม?”
“ถึงเรือนเล็กกลางป่าเรียบร้อยแล้ว ทั้งสองคนต่างก็ปลอดภัย ไม่มีใครพบร่องรอย”
ซ่านเซิ่งหานยกมือแสดงให้รู้ว่าพวกเขาไม่ต้องเข้ามาใกล้อีกแล้ว เดินกลับมาพูดกับซ่านเชียนหยวนอย่างอย่างละเอียด ด้วยความวางใจแล้วค่อยจากไป เผชิญหน้ากับพวกผู้หญิงที่มีนิสัยเหมือนกันภายในรถม้า เขาทำเพียงเงียบครึ้มไม่พูดอะไร
ส่วนพวกทูตของเย่นเจียงต่างคนต่างก็แสดงสีหน้าอึมครึมมืดมัว ก่อนที่จะไปยังไม่ลืมที่จะพูดขึ้นว่า “ท่านอ๋อวงจงผิง ขอยินยอมให้คนของอยู่ตามหายู่ชีงบ้างเถอะ”
“ไม่มีความจำเป็น ทหารชางหลานของเรามีอยู่อย่างเพียงพอ” ตอนนี้หากยังมีคนเหลืออยู่ จะไม่เป็นที่ขบขันของคนอื่นหรือ เช่นนี้แล้ว ยังไงซ่านเชียนหยวนก็ไม่มีทางรับปาก ยิ่งไปกว่านั้นคนที่อยู่เบื้องหลังเป็นคนชางหลาน หรือเย่นเจียงที่สร้างเรื่องขึ้นมาเองเพื่อผลประโยชน์ ตอนนี้ยังไม่เป็นที่ชัดเจน
แต่ดูจากการที่กู้อ้าวเวยถูกลักพาตัวไป อีกฝ่ายไม่ได้ต้องการชีวิตของนาง หากไม่เช่นนั้น ในวันนั้นตอนที่เขาเข้าไปในห้อง สิ่งที่เห็นควรที่จะเป็นรอยเลือด ยังไงกู้อ้าวเวยก็จะต้องอยู่ในสถานที่ใดสักแห่ง
……
ซ่านเชียนหยวนไม่ได้อาศัยอยู่ภายในว่าง ฉีหรัวก็จะไม่อยู่ภายในวังนาน
หลังจากกลับมาแล้วก็ได้จัดการแก้ปัญหามากมายภายในสำนักเยียนหยู่เก๋อด้วยตัวเอง นางได้พาท่านพ่อไปโรงหมอด้วย และก็ได้ต้อนรับจางเหยียงซานมาอาศัยอยู่ในจวนฉีเป็นการชั่วคราว และก็ได้เร่งรัดฉีหลินสังเกตดูภายในซอยอย่างละเอียดอีกรอบ ยุ่งจนเท้าแทบไม่ได้หยุดกับพื้น เมื่อกี้มีเวลาได้พักผ่อนอยู่หนึ่งชั่วโมง ในวังกลับส่งกงกงออกมาอย่างรีบร้อน “คุณหนูกู้อ้าวเวยถูกจับตัวไปยังคุกหลวงแล้ว ท่านอ๋องจิ้งขอเชิญท่านไปรอท่านอยู่ในวัง”
ฉีหรัวลุกขึ้นมาทันที ชายแขนเสื้อแทบจะปัดถ้วยชาบนโต๊ะ รีบเดินมาตรงหน้าขันทีน้อย คิ้วขมวดพร้อมถามขึ้นว่า “ทำไมถึงได้ถูกส่งตรงไปยังคุกหลวง?”
“บ่าวก็ไม่ทราบ ดูเหมือนนี่จะเป็นคำสั่งของฮ่องเต้” ขันทีน้อยถอยหลังไปหลายก้าว และก็ไม่กล้าเงยหน้าขึ้น จึงมองไม่เห็นแววตาแปลกใจของฉีหรัว
หากในคุกหลวงคนนั้นเป็นกู้อ้าวเวย แล้วยู่ชีงคนนั้นเป็นใคร?
“ข้าอยากไปที่คุกหลวง” แววตาฉีหรัวเยือกเย็น
“ไม่ได้เด็ดขาด คุณหนูฉี อีกไม่กี่วันท่านก็จะต้องอภิเษกกับท่านอ๋อวงจงผิง คุกหลวงเป็นสถานที่อัปมงคล หากท่านไปแล้วก็จะเป็นการทำลายความศักดิ์สิทธิ์” ขันทีน้อยรีบพูดห้ามขึ้น หวาดล้อมให้นางเข้าไปรอท่านอ๋องจิ้งในวังก่อนแล้วค่อยว่ากัน ในใจฉีหรัวอึดอัดมาก แต่ก็ทำได้เพียงตอบตกลง
ในขณะเดียวกัน ซ่านจินจื๋อที่เพิ่งรู้ข่าวก็ได้เข้าไปภายในคุกหลวง
ภายในคุกหลวงนี้สะอาดสะอ้าน พวกทหารรอบๆกลับเหมือนตั้งใจดับไฟแล้วไม่น้อย ตั้งทั้งที่ยังเป็นกลางวันสดใส ในที่นี้กลับดูมืดมนลึกลับ เฉิงซานที่ตามติดอยู่ด้านหลังซ่านจินจื๋อพูดขึ้นว่า “คนที่ถูกขังอยู่ตอนนี้ไม่ใช่องค์ชาย พวกเจ้าจึงขี้เกียจขนาดนี้หรือ?”
“ข้าน้อยไม่กล้า” คิดไม่ถึงว่าอ๋องจิ้งยังมีความรู้สึกที่ดีต่อผู้หญิงคนนี้ พวกเขาจึงรีบไปจุดไฟใกล้ๆอย่างรีบร้อน แต่ภายในห้องขังริมสุดนั้น ผู้หญิงชุดขาวนั่งอยู่บนกองหญ้าในมุมหนึ่ง เอาหัวมุดอยู่บนเข่าแล้วนั่งแนบชิดผนัง เหมือนกำลังนอนหลับ
ตรงปลายชายเสื้อเผยให้เห็นสายเชือกสีแดงที่ยังมัดอยู่บนข้อมือ และก็มีผ้าพันรอบๆอยู่เป็นชั้นๆ ตรงข้อเท้ามีเส้นเล็กสองเส้นมัดอยู่ เสื้อผ้าตรงส่วนอื่นมีคาบเลือดติดอยู่
ซ่านจินจื๋อเดินหน้าไปด้วยสีหน้าเคร่งเครียด สั่งให้คนเปิดประตูคุกออก
ผู้หญิงคนนั้นตื่นขึ้นมาด้วยความสั่นเทาเล็กน้อย ดวงตางดงามคู่นั้นสว่างไสวขึ้นมาทันที นางมองดูซ่านจินจื๋อที่ยืนอยู่ตรงหน้าก่อน แล้วค่อยเอามือแนบอกแล้วพูดว่า “นึกว่าเจ้าก็ถูกจับตัวมาขัง เช่นนี้แล้ว กลับเป็นข้าที่ทำให้เจ้าต้องลำบากถึงจะถูก”
เมื่อเอ่ยปากพูดขึ้นแล้วน้ำเสียงก็เหมือนกับกู้อ้าวเวยไม่มีผิด แม้แต่รูปร่างใบหน้าก็เหมือนกัน ดูความผิดปกติใดๆไม่ออกเลย ยังมีน้ำเสียงการพูดนี้ด้วย ก็เหมือนเป็นคนคนเดียวกันกู้อ้าวเวย
ซ่านจินจื๋อยกมือห้ามคำถามของเฉิงซานที่อยู่ด้านหลัง ก้มโน้มตัวลงแล้วเชยคางของนางขึ้นมา หนังหน้าใบนี้ก็ไม่มีร่องรอยการทำศัลยกรรมใดๆ ดวงตางดงามคู่นั้นกลับแฝงไปด้วยรอยยิ้ม มือข้างหนึ่งก็วางอยู่บนแขนของเขา “ข้าสบายดี ยังมีชีวิตอยู่”
ลำคอซ่านจินจื๋อเคลื่อนไหวเล็กน้อย เขารู้สึกทำอะไรไม่ถูกขึ้นมา
ใบหน้ากลับยังคงสงบนิ่งแล้วพูดต่อว่า “เจ้ามาอยู่ที่ด่านลั่วสุ่ยได้ยังไง?”
กู้อ้าวเวยใช้แววตามองดูเขา เหมือนอย่างกับมองดูคนโง่ แล้วสายตาก็มองผ่านไหล่ของเขามองดูบนร่างกายทหารพวกนั้นที่อยู่ไม่ไกล ค่อยๆเงยคางขึ้น “ข้ากำลังทำตามคำสัญญา มีอะไรผิดหรือ?”
ท่าทีกับความระมัดระวังเหมือนกับกู้อ้าวเวยไม่มีผิด
ซ่านจินจื๋อค่อยๆคลายแรงลง นิ้วมือสัมผัสโดนเส้นไหมบนนิ้วของนางอย่างไม่ได้ตั้งใจ แล้วก็พูดว่า “พิษในร่างกายของเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง”
“เจอข้อมูลบ้างแล้ว แต่ไม่ใช่ว่าปัญหาจะสามารถแก้ได้ในเร็ววัน” กู้อ้าวเวยพูดขึ้น แล้วก็เขียนบนฝ่ามือซ่านจินจื๋อว่าเช่ออี้จื่อสามคำ พร้อมกระซิบพูดว่า “ข้าต้องการสิ่งนี้เพื่อใช้บรรเทาพิษ”
เช่ออี้จื่อขมวดคิ้วยิ่งกว่าเดิม แต่เช่ออี้จื่อตอนนั้นยู่จือเอาไป แล้วเอาไปให้กู้อ้าวเวยด้วยตัวเอง
แล้วทำไมกู้อ้าวเวยตรงหน้านี้กลับไม่รู้เรื่องนี้