บทที่ 904 แปลกกว่าคนอื่น
เสียงเล็กๆน้อยๆดึงความสนใจจากกู้อ้าวเวย
ไม่เหมือนเสียงฝนที่ตกใส่ใบไม้ และไม่ใช่เสียงลมพัดที่ทำให้กิ่งไม้กระทบกัน แต่เป็นเสียงที่หนักกว่า มีของบางอย่างขยับบนใบไม้พวกนั้น
เปิดตามองรอบๆไม่ได้ แต่เสียงที่ได้ยินกลับชัดแจ้ว
นางแหวกพวกใบไม้กิ่งไม้ออก นางดึงมีดสั้นที่เอวออกมา หยิบถุงมือมาใส่ไว้ ตอนที่เฟิงฉีนปีนขึ้นไป เงาดำนั้นก็เหมือนแส่ที่ฟาดออกมา กู้อ้าวเวยรู้สึกข้อมือเย็นหน่อยๆ รีบจับร่างงูที่ลื่นไหลไว้
“ฟ่อๆ——”
สูดหายใจเข้าลึกๆ นางใช้มืออีกข้างดึงปากงูไว้ มีดเล็กถูกโยนไว้ที่พื้น นางจึงหรี่ตาพยายามมองหาบาดแผลตัวเอง ยกมือขึ้นจับมือข้างขวาไว้แน่น อีกด้านก็ดูดเลือดที่เปื้อนพิษงูออกไป หัวใจเต้นเร็วถี่ขึ้น
นางจึงไม่ทันสังเกตเห็นพวกชุดดำที่อยู่รอบๆและหายไปอีกครั้ง
เฟิงฉีนที่เอาหญ้าเย้นมาได้แล้วก็รีบกลับมา เห็นมือนางจับงูไว้ด้วยสีหน้าที่เคร่งจัดกำลังจะฆ่ามัน กู้อ้าวเวยรีบเอางูกลับมา สะบัดเลือดที่ติดมือและเอากล่องหยกในกระเป๋าออกมา ส่งไปให้เฟิงฉีน: “จับกลับไป ข้าให้หมอหลั่งทำเป็นเหล้าดองงู!”
เฟิงฉีนสูดหายใจเข้าลึกๆ มองดูคนที่สายตาไม่ดี เอางูยัดลงไปในกล่องและเก็บไว้อย่างดี นางหยิบผ้าออกมาพันแผลตรงที่ถูกกัดไว้แน่น และเอาหญ้าเย้นห่อไว้ในถุงจากนั้นหนีบไว้ที่แขน ถึงค่อยจับมือเฟิงฉีนไว้: “ไปเถอะ”
พูดไม่ออกชั่วขณะ เฟิงฉีนจึงยกมือขึ้นเช็ดเลือดที่มุมปากของนาง
ฝนตกหนักขึ้น ถนนบนดอยเริ่มลื่นเดินยากมากขึ้นไปอีก กู้อ้าวเวยเอามือบังไว้ตาข้างหน้า ดวงตาสีเทากวาดมองใบไม้ตรงหน้า ก็ได้ยินเสียงด่าพึมพำของเฟิงฉีนเบาๆ จนทำให้นางหยุดอยู่ตรงที่เดิม: “ทางข้างหน้าถูกบังไว้แล้ว”
พูดมาแบบนี้แล้ว เฟิงฉีนเดินไปด้านหน้า ชายชุดดำที่ตามคุ้มครองอยู่ด้านหลังก็จะขยับลำต้นให้
กู้อ้าวเวยสองมือยกขึ้นบังหัวไว้ ลมหนาวในป่ากลับหนาวขึ้นมากว่าเดิม พัดมาจนนางต้องจับต้นไม้ข้างๆไว้ ดินเหนียวตรงเท้าก็ยุบลงไปหน่อยๆ นางก้มลงมอง ข้างหูก็มีเสียงของเฟิงฉีนดังขึ้นมา
“เปรี้ยง——”
เสียงฟ้าผ่าลงมาจากต้นไม้ ดินตรงเท้าก็แตกแยกทันที เท้าโล่ง สายตาตรงหน้ากู้อ้าวเวยมีแสงวาบสีขาวกระพริบขึ้น รวมไปถึงมือที่จับต้นไม้นั้นไว้แน่น
“ข้าโชคดีจริงด้วย! ขนาดนี้แล้วยังไม่ตายอีก!”
“เจ้ายังจะยิ้มอีก! กลับไปกับข้าเดี๋ยวนี้เลย!”
เฟิงฉีนรีบดึงนางมา เมื่อมองดูถนนบนภูเขาที่เพิ่งมีสภาพสมบูรณ์ตอนนี้พังทลายลงไปในหลุมโคลนขนาดใหญ่อย่างไม่อยากจะเชื่อ แต่กู้อ้าวเวยกลับมองดูมือตัวเองอย่างเหม่อลอย
“รีบไปเถอะ!” เฟิงฉีนจับนางไว้ด้านหลังตัวเอง และไม่สนว่าชายชุดดำที่อยู่ข้างๆจะถูกสังเกตเห็นหรือเปล่า สั่งคนให้เปิดทางลงดอยไป
กู้อ้าวเวยโชคร้ายจนทำให้คนกลัว!
เกาะอยู่หลังเฟิงฉีน น้ำฝนที่หนาวเหน็บตกลงมาตรงหน้า แต่กู้อ้าวเวยกลับหลับตาลง ง่วงไม่ไหว
ในฝันมีเถาวัลย์ยาว ยังมีสายตาที่กังวลของซ่านจินจื๋อ
ถูกส่งกลับภายในหมู่บ้าน นางนอนหลับลึกไปหลายวัน ถ้าไม่ใช่เพราะหมอหลั่งบอกว่านางแค่เป็นหวัดไม่ได้เป็นอะไรมาก เฟิงฉีนคงจะเอาหัวไปเจอองค์ชายสามแล้ว นางยืนอยู่ในห้องมองพวกชายชุดดำ ก้มหัวลง: “เป็นเพราะข้าตามใจคุณหนูมากไป ถึงเกิดเรื่องอย่างวันนี้ได้”
“องค์ชายบอกว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเจ้า ขอแค่เจ้ารีบนำตัวคนกลับไป ไม่งั้นคุณหนูคงจะไม่ได้เจอหมอท่านนั้นแล้ว” ชายชุดดำพูดขึ้น เสียงสูงต่ำยากที่จะฟังออก เอากล่องไม้ส่งไปให้นาง: “ถ้าร่างกายคุณหนูดีขึ้นมาแล้ว ก็ให้นางกินนี่”
สีหน้าเฟิงฉีนดีขึ้นมาหน่อย ก็เอากล่องไม้ที่ใหญ่เท่าฝ่ามือยัดเข้าไปในเสื้อ
กลับมาถึงในห้อง กู้อ้าวเวยนั่งอยู่บนเตียง ขาทั้งสองหดอยู่บนเตียง มือข้างหนึ่งบีบนวดขมับ อีกข้างก็ยืดเตียงไว้อย่างขี้เกียจ ได้ยินเสียงประตูดังขึ้น นางก็พูดขึ้นมาด้วยเสียงที่แหบว่า: “ข้าหลับไปนานเท่าไหร่แล้ว?”
“สองวันแล้ว ข้าไปทำอะไรให้ท่านกินหน่อย” เฟิงฉีนมองดูสีหน้าของกู้อ้าวเวยอย่างร้อนรน กลัวว่านางจะได้ยินเข้า
“บะหมี่ร้อนที่ดีที่สุด ต้มไข่ให้ข้าอีกสองฟอง” กู้อ้าวเวยพูดด้วยรอยยิ้ม ดึงผ้าห่มออกและลงมาจากเตียง สวมรองเท้าและเสื้อคลุมเดินขึ้นไป: “เตรียมรถม้าไว้ ข้าจะไปเจอท่านแม่เสียหน่อย”
สีหน้าเฟิงฉีนเปลี่ยนไปทันที ยืนอยู่ที่เดิม ยังรอกู้อ้าวเวยถามอีกคำถาม
กู้อ้าวเวยยิ้มอ่อนๆส่ายหน้า พูดกับนางว่า: “ไปเอาของกินมาหน่อยเถอะ”
เฟิงฉีนถึงออกไป พอในห้องเหลือแค่นางคนเดียว ถึงหลับตาลงแสร้งทำเป็นว่าไม่ได้ยินอะไร——องค์ชายสามไม่ได้น่าพึ่งพาเหมือนในความคิดเท่าไหร่
แต่ซ่านจินจื๋อเป็นคู่ของตัวเองจริงเหรอ?
ในความทรงจำที่เลือนรางของนางไม่มีคำตอบที่แน่ชัดเลย เหมือนทางตลอดหลายปีก็มีแต่นางกับกุ่ยเม่ย ซ่านจินจื๋อมีเรื่องที่ช่วยนางน้อยมาก นางเหมือนไม่ได้ทำอะไรที่ปกป้องซ่านจินจื๋อเลย
หลอกใช้กัน สงสัยซึ่งกันและกัน ใช้การแสดงมาแก้ไขปัญหา
แต่นางกลับรู้สึกว่าตอนนี้ตัวเองทำเรื่องพวกนี้ไม่ได้เลย จับรอบแผลมีดบาดบนฝ่ามือและรอยแผลที่ถูกงูกัดเมื่อวาน นางก้มตาลงคิดอย่างละเอียด ขนาดหน้าพ่อแม่ยังไม่ชัดเจนเลย แม้จะบอกว่านางเป็นองค์หญิงแคว้นเอ่อตาน แต่นางกลับจำอะไรไม่ได้เลย
รอบข้างก็ไม่มีคนที่เชื่อใจได้ ขนาดยัยไง่หงก็เป็นเช่นนี้
พอกินอิ่มแล้ว ทั้งสองก็รีบกลับเมืองเทียนเหยียนโดยไม่หยุดพักเลย เฟิงฉีนเปิดม่านขึ้นท่ามกลางฝนและลมพัดแรง มองดูกู้อ้าวเวยที่กอดสัมภาระไว้อย่างเหม่อลอย ใบหน้านั้นรอยยิ้มได้หายไปแล้ว ตลอดทั้งทางแทบจะไม่ได้พูดอะไรเลย
หลายวันหลังจากนั้นทั้งสองหยุดพักที่โรงเตี้ยมนอกเมืองของเมืองเทียนเหยียน
พวกคุณชายคุณหนูที่สวมชุดหรูราวเหมือนออกมาเล่นด้านนอก ยังมีพวกข้ารับใช้ที่อยู่มุมหน้าของห้อง ดูวุ่นวายมาก
ทั้งสองหาที่เงียบๆนั่งลง แต่กลับได้ยินเสียงพูดของพวกคุณชายและคุณหนูเบาๆ: “คนร้ายที่ฆ่าคนในด้านลั่วสุ่ยจับหมดหรือยัง ครั้งก่อนข้าไปทำงานกับท่านพ่อ เหลือบเห็นองค์หญิงเอ่อตานนั้นคล้ายกับผู้หญิงที่ตายนั่นเลย?”
มีคุณหนูไม่น้อยที่ต่างปิดปากด้วยความตกใจ มีคุณชายที่ใจกล้าพูดอย่างตลกว่า: “คงเป็นวิญญาณขององค์หญิงเอ่อตานนั้นมาหาล่ะสิ”
“บังเอิญจังเลยนะ องค์หญิงเอ่อตานนั้นคล้ายกับอีกคน” คุณชายที่พูดเรื่องนี้ก็ตั้งใจพูดเสียงเบาลง พัดในมือเคาะลงที่โต๊ะ: “องค์หญิงเอ่อตานคล้ายกับพระชายาจิ้งท่านก่อนอยู่มาก”
ทุกคนต่างร้องเสียงเบา
กู้อ้าวเวยยังสงสัยว่าคนร้ายในด่านลั่วสุ่ยเป็นใคร ด้านนี้ก็ได้ยินองค์ชายคนนั้นพูดขึ้นต่อว่า: “ยังไม่พูดเรื่องนี้ยะ ฝ่าบาทช่วงนี้ออกคำสั่งมาว่า ให้ส่งฮูหยินในจวนอ๋องจิ้งไปเอ่อตาน ถ้าพ่อข้ามองไม่ผิด ท่านนั้นเหมือนจะเป็นท่านแม่ของพระชายาที่เป็นสกุลกู้ เป็นหญิงปีศาจหยุนหว่านไง”
ทุกคนก็พูดเรื่องนี้กันต่อไม่หยุด กู้อ้าวเวยก็กำแก้วชาในมือแน่น และถามเฟิงฉีนว่า: “แม่ข้ากลายเป็นหญิงปีศาจตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? และแคว้นชางหลานของพวกเจ้าจะไม่เก็บความลับที่แม่ข้ายังไม่ตายงั้นเหรอ?”