บทที่ 916 ความจริงใจ
เก็บร่มกระดาษวางไว้ด้านข้าง ในดวงตาสองคู่ที่ต่างกันนั้นกลับมองเห็นเป็นภาพที่เหมือนกันทุกอย่าง
แม้กระทั่งการกระทำเพียงเล็กๆ ก็เหมือนกันไปหมด แต่เสี่ยวฮัวและเสี่ยวป๋ายนั้นกลับวิ่งเล่นรอบๆ กู้อ้าวเวย แล้วร้องเหมียวๆ ดวงตาสีเทาของกู้อ้าวเวยเผยให้เห็นความอ่อนโยนเล็กน้อย นางถอยเพียงครึ่งก้าวแล้วนั่งลงที่เก้าอี้ยาวตรงทางเดิน มองดูภาพที่ไม่ค่อยชัดตรงหน้า แล้วถาม “หากเจ้าไม่ยอมเอ่ยปาก งั้นข้ามาถามเองดีกว่า”
“ที่แท้ เจ้าเองก็เริ่มก่อนเป็นหรือ” กู้อ้าวเวยอีกคนยืนอยู่ด้านข้าง แล้วมองกู้อ้าวเวยที่พิการสาหัสที่อยู่ตรงหน้าจากที่สูง เห็นได้ด้วยตาเปล่าว่าบนร่างกายของนางเต็มไปด้วยบาดแผล
“หากไม่ใช่เพราะเจ้าเดินเข้ามาเอง ข้าเองก็คงไม่เริ่มก่อน” ปล่อยให้เจ้าตัวเล็กทั้งสองเล่นกระโปรงของนางไปมา ส่วนแขนทั้งสองนั้นจับที่แก้มสองเข้าแล้วเงยหน้าขึ้นมามองนาง “เจ้าเป็นตัวจริงหรือตัวปลอมกันแน่?”
“เจ้าไม่รู้หรือว่าตนเองเป็นตัวจริงหรือตัวปลอม?” คนนั้นหัวเราะเสียงดัง “หากเจ้าไม่รู้แม้กระทั่งว่าตนเองคือใคร แล้วเหตุใดจึงจมปลักอยู่ที่นี่เล่า”
“พูดเรื่องพวกนี้ช่างไม่น่าสนใจยิ่งนัก ข้ารู้เพียงว่ายิ่งพวกข้าเหมือนมากแค่ไหน งั้นข่าวของคนเบื้องหลังก็คงจะมากพอ และมากพอที่จะมาติดตามทุกการกระทำของข้า ถ้าเป็นเช่นนี้ ในใจของข้าคาดเดาได้ก็เพียงพอ” กู้อ้าวเวยพิงที่เสาข้างๆ ดวงตาสีเทาไม่มีอารมณ์แม้แต่น้อย ทำให้คนแยกแยะความจริงไม่ได้
ส่วนกู้อ้าวเวยอีกคนนั้นขมวดคิ้ว “เจ้าคิดว่าตนเองสามารถควบคุมทุกอย่างได้หรือ?”
“ในตอนที่เจ้าถามคำถามนี้ ก็แยกแยะความจริงได้แล้ว” กู้อ้าวเวยค่อยๆ ลุกขึ้น แล้วเดินมาข้างนางสบตากับนาง จับมือของนาง แล้วลูบมือของนาง ยิ้มอ่อน “ถึงเจ้าจะเป็นหมอ แต่ก็ไม่ได้ใช้ดาบบ่อย กระดูกนี้ยังไม่ได้เปลี่ยน”
“ข้ายังคงเป็นคุณหนูใหญ่จวนเฉิงเสี้ยน เหตุใดเล่าข้าจึงต้องใช้ดาบ” นางยังคงกัดฟันไม่ยอมรับ
กู้อ้าวเวยวางมือของนางไว้ในมือของตน แล้วกดเบาๆ จะเห็นได้ว่าปกติตรงที่ถือดาบนั้นกระดูกจะโผล่ออกมาเล็กน้อย และนิ้วโป้งกับนิ้วนางเบี้ยวเล็กน้อยเพราะท่าจับดาบของนาง รู้สึกได้ว่านิ้วของนางเกรงเล็กน้อย ถึงยอมปล่อยมือไป
นางถอยหลังไปนั่งที่เก้าอี้อีกครั้งด้วยความเงียบ กู้อ้าวเวยเงยหน้ามองนาง “น้อยมากที่จะมีคนเห็นข้าถือดาบ แต่หากข้าถือดาบก็จะต้องเสียเวลาประมาณหลายชั่วยาม และทุกอย่างก็อยู่ใต้การควบคุมของข้า”
“ยโสโอหัง” ในที่สุดนางก็ควบคุมอารมณ์ไม่อยู่
“เป็นเพราะว่าข้ามีสิทธินี้ ในตอนที่เรื่องทุกอย่างหมุนรอบตัวข้านั้น ทำไมข้าถึงควบคุมทุกอย่างไม่ได้ ข้าเพียงแค่เสียสละและผจญภัยเล็กน้อย เจ้าและตระกูลตงฟางหรือแม้กระทั่งองค์ชายอื่นๆ ก็จะไร้ความหมาย เจ้าเชื่อหรือไม่?” กู้อ้าวเวยพูดด้วยความมั่นใจ ดวงตาสีเทาคู่นั้นมีแววตาที่แปลก ทำให้คนรู้สึกกลัวเล็กน้อย
การเจอกันครั้งนี้จบลงโดยไม่มีความสุข ฟังเสียงฝีเท้าของนางไกลมากขึ้นเรื่อยๆ และเงาก็จางหายในฝน กู้อ้าวเวยกลับเก็บความรู้สึกทั้งหมด จัดเสื้อผ้าตรงคอเสื้อด้วยสีหน้าที่เฉยเมย แล้วอยู่ที่เดิมโดยไม่ออกเสียงใดๆ ก้มหน้ามองเงาสองตัวที่อยู่ตรงพื้น
ถึงคนปลอมคนนี้จะเลียนแบบได้เหมือนมาก แต่ที่จริงนั้นไม่ใช่คนที่ฉลาดเฉลียว
แต่เวลาที่นางพูดจาปกตินั้น กลับเหมือนกับจน คนฉลาดกับคนโง่เขลานั้นอยู่เส้นด้ายเดียวกัน บางทีอาจจะเป็นเพราะว่านางคิดมากไปหน่อย
ในขณะที่คิดอยู่นั้น นางก็ก้มตัวเพื่อที่จะอุ้มเจ้าตัวเล็กทั้งสองตัว แต่กลับได้ยินเสียงของซ่านจินจื๋อ “ฝนตกหนักเช่นนี้ ก็ไม่รู้จักกลับห้องให้เร็วหน่อย”
มีเสื้อคลุมที่ใหญ่คลุมลงมาที่ไหล่ กู้อ้าวเวยแค่ชะงักเล็กน้อย จากนั้นก็อุ้มเจ้าสองตัวนั้นเข้าอ้อม เสื้อคลุมแทบจะหลุด ซ่านจินจื๋อจึงจัดเสื้อให้นาง แล้วเดินตามไป “ในเมื่อข้ารับปากแล้วว่าจะส่งเจ้ากลับร้านยาเหย้า ข้าก็ย่อมไม่คืนคำ”
“คืนคำหรือไม่นั้น การกระทำของเจ้าจะบ่งบอกเอง” กู้อ้าวเวยกดเสี่ยวฮัวที่อยากกระโดดลงมานั้นกลับไปยังอ้อมอีกครั้ง และมืออีกข้างนั้นจับหางของเสี่ยวป๋ายที่แกว่งไปมา แล้วพูดต่อ “หญิงสาวข้างกายเจ้านั้นดูไม่น้อยเลยนะ”
“หากเจ้ายังจำหน้าตาของข้าได้ ก็คงจะรู้ว่าหญิงสาวพวกนี้มาจากที่ใด” ซ่านจินจื๋อเดินไปข้างกายนาง แล้วแอบทำสัญลักษณ์มือเบาๆ ให้ทหารที่คอยปกป้องอยู่ในที่ลับว่าห้ามเข้ามารบกวน จากนั้นก็อุ้มเสี่ยวฮัวมาจากอ้อมของนาง แล้วพูด “กลางคืนค่อยส่งเจ้ากลับ ตอนนี้อยากฟังเรื่องในอดีตของพวกข้าหรือไม่?”
“คาดว่าคงเป็นเรื่องที่ทำให้ไม่มีความสุข” กู้อ้าวเวยส่ายหน้าไปมา “ข้ากลับไปกับเจ้านั้นเป็นเพราะว่าสถานการณ์บีบบังคับ ข้าไม่อยากอยู่แม้แต่ร้านยาเหย้า”
“คนนั้นเชื่อถือไม่ได้ แต่แมวนี้กลับเชื่อถือได้” ซ่านจินจื๋อจับที่หางของเสี่ยวฮัว แล้วอุ้มมันไปหอมแก้มของกู้อ้าวเวยเบาๆ กู้อ้าวเวยไม่ได้หลบหนี เพียงแค่ทำตาหยี “อ๋องจิ้งในความทรงจำนั้นเป็นผู้ที่เย็นชาและพูดจาน้อย เกรงว่าคนที่ถูกสลับเปลี่ยนนั้นไม่ใช่ตัวข้า”
“หน้าเย็นชาทุกวันนั้นเป็นความเคยชิน แต่หากอยู่กับเจ้าแล้วยังเย็นชา งั้นระหว่างเจ้ากับข้าก็คงไร้บทสนทนา” ซ่านจินจื๋อไอเบาๆ ใบหน้าที่เฉยเมยนั้นมีรอยยิ้มเล็กน้อย ยกมือขึ้นขยี้ที่ศีรษะ “ก่อนหน้านี้ไม่ง่ายเลยที่เจ้าจะมีชีวิตราวกับเด็ก แต่ตอนนี้กลับระแวงเช่นนี้ คาดว่าโหงวเฮ้งตำหนักของข้าไม่ค่อยดีนัก”
“ในเมื่อรู้ว่าไม่ดี ก็ควรจะรีบย้าย” กู้อ้าวเวยหลบมือของเขา แล้วขยับไปด้านข้าง เหลืออีกมือหนึ่งมาจับกำแพง เดินอีกเล็กน้อยถึงพบว่าเมื่อครู่มัวแต่คุยจนไม่รู้ว่าเดินไปถึงไหนแล้ว จึงหยุด
ซ่านจินจื๋อเงยหน้าขึ้นมามอง แล้วยักคิ้ว “เจ้าอยากไปตำหนักของข้าหรือ?”
“ตำหนักของเจ้า?” กู้อ้าวเวยไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับที่นี่เลย นางขยี้ศีรษะแล้วหันหลัง แต่กลับชนกับอ้อมที่กว้างใหญ่ ซ่านจินจื๋อกอดคนที่หันมาชนเข้าอ้อม “น้อยมากเลยที่เจ้าจะมาตำหนักของข้า คืนนี้อยู่ต่อ……..”
ท้องน้อยโดนทุบแรงๆ หนึ่งทีโดยไร้เหตุผล ซ่านจินจื๋อคำพูดชะงัก คนในอ้อมกอดกอดแมวไว้แล้วหนีออกไป เขาจับท้องน้อยที่โดนทุบเมื่อครู่นี้ แล้วส่ายหน้าไปมา
คนที่สามารถทุบเขาในเมืองเทียนเหยียนนั้น ก็คงมีเพียงกู้อ้าวเวยเท่านั้นแหละที่กล้า
ตอนนี้เผชิญหน้ากับคนรักที่ซับซ้อน ซ่านจินจื๋อทำได้เพียงเดินตามนางไป “เจ้ากับข้ามีลูกกันแล้ว แค่นอนด้วยกันก็คงไม่เกินไปหรอก”
“แต่ข้าไม่เคยเห็น” กู้อ้าวเวยหันกลับไป ในแววตามีแต่ความโกรธ “หากข้ามีลูก ก็ย่อมจะดูแลไม่ห่างหายไปไหน แต่ทำไมตอนนี้ข้าไม่เห็นแม้แต่เงา”
ซ่านจินจื๋อยืนชะงักอยู่ที่เดิม รอยยิ้มในแววตาของเขาหายไป ความรู้สึกผิดเข้ามาทับถม
จริงๆ แล้วนางก็ไม่อยากห่างจากลูกสินะ?
นึกถึงในอดีตนางพาชิงจือมาเข้าเฝ้าทุกวันทุกคืน และหน้าที่ส่งมอบลูกให้กุ่ยเม่ยก่อนจะหลอกตาย คอหอยของซ่านจินจื๋อเหมือนโดนยาพิษ เขาสูดอากาศลึก แล้วเดินไปข้างหน้า “ข้าไม่ดีเอง”
กู้อ้าวเวยถอยหลังไปหนึ่งก้าว “ข้าไม่ดีเอง รอบตัวเจ้ามีแต่ความอันตราย การให้พวกเขาอยู่ต่างหากเป็นการทำร้ายพวกเขา”
กอดเสี่ยวป๋ายในอ้อมไว้แน่น แล้วออกไปจากอีกทาง ในใจรู้สึกถึงความเจ็บปวดที่ซับซ้อน
พูดไปพูดมา นางไม่ได้เป็นเพียงกู้อ้าวเวย แต่ยังเป็นแม่ของชิงจือและอี้จื๋อ
“ช่วงก่อนมีจดหมายจากชิงจือ ข้าพาเจ้าไปดูนะ” ซ่านจินจื๋อจับแขนของนาง เห็นใบหน้าที่เย็นชาของนางนั้นมีความสุขขึ้นมา ในใจจึงยิ่งรู้สึกผิดไปใหญ่
หากไม่ใช่เพราะนางสูญเสียความทรงจำ เขาก็คงไม่มีทางรู้ใช่ไหมว่านางต้องการอะไร