บทที่ 954 ตำหนักใหม่
เพียงแค่ไม่กี่วัน ข่าวที่กู้เฉิงโดนชางหลานซ่อนตัวนั้นดังไปทั่ว ทูตจากเย่นเจียงไปราชวังบ่อยครั้งเพื่อขอคำอธิบาย แต่กลับโดนฮ่องเต้ตอบกลับว่าเป็นแค่ข่าวลือ
และอีกทาง ที่อยู่เก่าของกู้เฉิงโดนขาย วันนี้ตอนเช้ารับเด็กขอทานไว้สิบกว่าคน แล้วยังจ้างสาวใช้และบ่าวเพิ่มอีกสิบกว่าคน ต่างก็เซ็นสัญญาขายตัว แล้วยังได้รับค่าจ้างรายเดือนอีกด้วย มีคนไม่น้อยที่ส่งลูกของตนเองไป เพียงแค่สักพัก หน้าบ้านจึงกลายเป็นตลาด
ในตอนที่กู้อ้าวเวยและจางเหยียงซานกลับมาจากร้านยาเหย้า ก็เห็นในห้องมีคนมากมายกำลังทำความสะอาด
ยืนอยู่ข้างประตู กู้อ้าวเวยยังคงเงยหน้าขึ้นมามองอย่างระมัดระวัง เพียงแต่ว่าคนตรงหน้านั้นมีมากมาย แล้วตนเองก็ยังสายตาไม่ค่อยดี ตอนนี้จึงมองอะไรได้ไม่ชัดเจน
“ทำไมถึงเป็นจวนฉู?” กู้อ้าวเวยเอียงหน้าด้วยความสงสัย
“พ่อของเจ้านามสกุลฉู” จางเหยียงซานมองนางด้วยความรู้สึกที่เอือม ราวกับคนโง่เขลา
อึ้งเล็กน้อย นางรู้ว่าพ่อของตนเองเป็นฮ่องเต้แห่งเอ่อตาน ปกติใครจะกล้าไปเรียกชื่อของฮ่องเต้ ก็สมควรแล้วที่นางจะไม่รู้ จับที่จมูกเล็กน้อย แล้วถามต่อ “คนพวกนี้เจ้าเป็นคนจัดเตรียมหรือ”
“เจ้าคิดข้าเก่งเกินไปหน่อย ข้าเป็นแค่คนจน” จางเหยียงซานไม่เข้าใจอีกเช่นเคย
ไม่ไกลนักก็เห็นมีชายใส่เสื้อคลุมสีน้ำเงินเข้มเดินออกมาจากจวนฉู ข้างหลังมีสาวใช้สองคนและบ่าวสองคนเดินตาม เดินมาหยุดตรงหน้ากู้อ้าวเวย แล้วก้มหน้า “ขอต้อนรับคุณหนูใหญ่กลับจวนขอรับ ข้าน้อยชื่อหลี่ซิน เป็นญาติห่างๆ ของไต้เท้าเฉิงซาน ในอดีตเคยเป็นพ่อบ้านให้กับคนมีฐานะขอรับ”
“เป็นซ่านจิน….ฮืบ!” ยังไม่ทันพูดจบก็โดนปิดปาก
จางเหยียงซานปล่อยปากของนางแล้วพูด “อยู่ข้างนอกนั้นห้ามเรียกชื่อของเขา”
“อ๋องจิ้งเป็นคนส่งเจ้ามาหรือ?” กู้อ้าวเวยจึงเปลี่ยนคำพูด
“ขอรับ อ๋องจิ้งรับสั่งไว้ว่าท่านคือคุณหนูใหญ่ จึงห้ามเสียฐานะ ตอนนี้พวกสาวใช้และบ่าวไพร่พวกนี้ เงินทองที่ใช้นั้นก็เป็นของท่านขอรับ นอกจากตัวข้าน้อย ทั้งจวนนี้เป็นของท่านทุกอย่างขอรับ” หลี่ซินหลีกทางด้วยความเคารพ จากนั้นก็เดินไปข้างๆ กู้อ้าวเวย ยกแขนขึ้นให้นางจับ
จางเหยียงซานจึงถือโอกาสส่งตัวนางไป “เจ้าลองดู ข้าจะไปรับหยินซี่งกับเซียวเซียวมา แล้วยังมีตำราอีกไม่น้อยที่ยังไม่ได้ตรวจนับ”
“อย่าลืมให้เซียวเซียวใส่เสื้อเยอะหน่อยนะ เด็กผู้ชายถ้าไม่ดูแลดีๆ ตอนเด็ก แล้วไม่สบาย ไม่แน่ไม่สบายแล้วอาจจะไม่โตอีกเลย” กู้อ้าวเวยพูดจาเป็นห่วง คืนวันก่อนเห็นเขา ใส่เพียงเสื้อบางๆ เล็กๆ แล้วปีนต้นไม้ เมื่อวานก็ไม่สบายแล้ว ดีนะที่ซ่านจินจื๋อไม่เห็น ไม่เช่นนั้นคงโดนด่าแน่ ซ่านจินจื๋อนั้นถูกใจกับร่างกายที่สามารถฝึกวิชาของเขาเลยล่ะ
จางเหยียงซานโดนพูดจนหูด้านแล้ว เขาแคะหูเล็กน้อยแล้วเดินไปเลย
หลี่ซินยิ้มเบาๆ แล้วพูด “สาวใช้สองคนนี้ดูแลชีวิตประจำวันของท่าน ส่วนบ่าวสองคนนี้รู้เรื่องยาสมุนไพร แต่ว่ารู้หนังสือน้อย ปกติถ้าท่านอ่านหนังสือ สามารถให้พวกเขารับใช้ได้ขอรับ”
กู้อ้าวเวยพยักหน้า แล้วเดินไปรอบๆ จวนตามหลี่ซินอีกครั้ง สุดท้ายถึงมาถึงตำหนักหลัก มองดูพวกของด้านในต่างโดนแก้ไขแล้ว ของต่างๆ วางดูระเบียบและหยิบง่ายมากขึ้น นางอึ้งเล็กน้อย “เวลาผ่านไปแล้วฐานะเปลี่ยนจริง ข้าไม่เคยคิดเลยว่าจะมีสักวันที่ข้าก็สามารถร่ำรวยราวกู้เฉิง”
พวกคนด้านหลังต่างหัวเราะกันคิกคัก
ในตอนที่กู้อ้าวเวยกำลังทำตัวไม่ถูกนั้น ซ่านจินจื๋อก็เดินเข้ามาจากด้านนอก บ่าวไพร่ต่างก็รีบเงียบกันหมด หลี่ซินสั่งให้ทำความเคารพด้วยความเร็ว พวกบ่าวต่างพูดทักทายอ๋องจิ้งด้วยความรน กู้อ้าวเวยจึงหันกลับไป “เจ้าเดินเข้ามาเช่นนี้ กลัวว่าผู้อื่นจะไม่รู้หรือว่าเจ้ามีภรรยารอง”
“ก็ย่อมที่จะไม่กลัว รอให้หยินซี่งและเซียวเซียวกลับจวน พวกเขาก็คงจะพูดว่าข้ามีลูกเพื่อสืบทอดตำแหน่งสินะ ในอดีตตอนที่ชิงจือไปนั้น พวกเขายังพูดกันเลยว่าชิงจือโดนโจรลอบทำร้าย” ซ่านจินจื๋อยิ้มแล้วเดินไปข้างนาง รับนางมาจากมือของหลี่ซิน จับข้อมือที่เล็กและผอมนั้น ตามด้วยมองร่างกายที่ยิ่งอยู่ยิ่งเล็กของนาง อดไม่ได้ที่จะพูด “เซียวเซียวนั้นไม่โต แต่ก็ไม่เห็นว่าเจ้าจะโต”
โกรธในทันที กู้อ้าวเวยจ้องเขาผ่านผ้าคลุมสีขาว “ไม่โตก็ไม่โตสิ ข้าไม่ใช่เด็กเสียหน่อย”
“ทานอาหารก่อน” ซ่านจินจื๋อลากนางไปที่ห้องข้างๆ ด้วยความเคยชิน ระหว่างทางจึงถามหลี่ซิน “ทางลับนั้นจัดการอย่างไร?”
“ข้าน้อยลงไปด้วยตนเองแล้วขอรับ ของวุ่นมาก ไม่มีเครื่องกลหรือความอันตรายใดๆขอรับ” หลี่ซินรีบพูด
“ก็ว่าวันนั้นเจ้าไม่ให้ข้ามา ที่แท้ก็หาคนมาแทนข้าแล้วนี่เอง” กู้อ้าวเวยเบ้ปากเล็กน้อย ยังคงนั่งลงตามซ่านจินจื๋อ เมื่อเทียบกับเมื่อก่อนที่หลายๆ คนนั่งลงทานอาหารอย่างครึกครื้น ตอนนี้รอบตัวกลับเต็มไปด้วยบ่าวไพร่
กู้อ้าวเวยสายตาไม่ดีจึงไม่ได้ใส่ใจอะไรนัก นางถอดหมวกผ้าบางออก แล้วได้ยินหลี่ซินกำลังรับสั่ง “เรื่องของคุณหนูใหญ่ หากมีคนเผยแพร่ออกไปเพียงคำพูดเดียว ทุกคนโดนเฆี่ยนสิบที”
ตกใจเล็กน้อย ซ่านจินจื๋อจึงยัดถ้วยและตะเกียบเข้ามือของนาง “กินเถอะ”
“ควรปกปิดฐานะของเจ้าไม่ใช่หรือ? ทำไมตอนนี้ถึงมาว่าข้าล่ะ” กู้อ้าวเวยถือถ้วยซุปปลา
“เรื่องของข้านั้นซ่อนไม่อยู่หรอก เพียงแต่ว่าอีกเดี๋ยวข้าจะเข้าวัง” ซ่านจินจื๋อขมวดคิ้ว สองสามวันนี้เขายุ่งจนแทบจะหมุนติ้วๆ เริ่มจากพาผู้หญิงที่วุ่นวายทั้งสองเข้าเมืองเทียนเหยียน จากนั้นก็ได้ยินข่าวของกู้อ้าวเวย แล้ววุ่นวายไปกันหมด วุ่นวายจนไม่เหลือเวลาทานข้าว
“เจ้าทานเยอะๆ หน่อย อาหารของวังนั้นดูทานไม่อิ่มเลย” กู้อ้าวเวยวางซุปปลาของตนเองไว้ตรงหน้าเขา แล้วหันกลับไปหยิบช้อนและถ้วย
มองดูซุปที่โดนกู้อ้าวเวยดื่มไปหนึ่งที ไม่รอให้สาวใช้เปลี่ยนช้อนใหม่ เขาก็หยิบขึ้นมาทาน แล้วพูดเสียงต่ำ “วันนี้เจ้ามีแผนจะทำอะไรหรือไม่”
“ของที่เจ้าให้จางเหยียงซานนั้นเริ่มมีเบาะแสแล้ว วันนี้ควรจะเป็นเรื่องที่ดีในเรือน แล้วพาคนของเจ้าไปดูว่าในจวนนี้ยังมีเรื่องกลหรือทางลับอะไรอีกหรือไม่” กู้อ้าวเวยยักคิ้วเล็กน้อย แล้วมองสาวใช้ที่อยู่ข้างๆ “ให้คนไปรอที่ประตู ต้องเอายามาไม่น้อย แล้วไปผสมของที่อยู่ในห้องยา สวนที่อยู่ข้างๆ ก็ปล่อยให้ว่าง จากนั้นก็ไปซื้อชั้นวางที่ใช้ตากยามาเพิ่ม”
สาวใช้สองสามคนออกไปด้วยความรีบ แล้วสั่งเรื่องพวกนี้
“คุณหนูใหญ่เจ้าคะ ค่าใช้จ่ายในจวนนี้…..”
“เมื่อครู่ตอนมานั้น จางเหยียงซานเห็นแถวนี้มีร้านว่างๆ เหมามาทำร้านยา ห้องใหญ่ที่อยู่ทางประตูตะวันออกทำเป็นโรงเรียน แล้วไปหาคุณครูสองสามคนในเมืองเทียนเหยียนมาสอนหนังสือ จากนั้นก็แขวนป้าย หากมีนักเรียนที่จะไปสอบในเมือง ก็สามารถมาอยู่สอนหนังสือได้ ให้ที่อยู่และให้อาหาร เด็กคนหนึ่งจะจ่ายเท่าไหร่นั้นเจ้าคิดเอง ไม่รับเด็กที่มีฐานะ กันไว้เกรงว่าโรงเรียนที่อื่นจะมาหาเรื่อง” กู้อ้าวเวยรับสั่ง แล้วทานอาหารด้วยความเร็วจนหมด
หลี่ซินรีบจดเรื่องพวกนี้ไว้
และเวลานี้ก็มีบ่าวคนหนึ่งวิ่งเข้ามาด้วยความรีบเร่ง “คุณหนูใหญ่ขอรับ คุณหนูฉีจากสำนักเยียนหยู่เก๋อพาน้องชายและคนปิดหน้ามาขอรับ ทูลว่ามีเรื่องจะปรึกษาขอรับ”
ซ่านจินจื๋อสบตากู้อ้าวเวย
ดูท่าแล้ว คงได้ความจากเจ้าตัวแสบนั้นมาบ้างแล้วล่ะ