บทที่ 958ภัยพิบัติไฟจากฟ้า
ครึ่งตัวของกู้อ้าวเวยพิงอยู่ตรงหน้าโต๊ะ เส้นผมสีดำถูกแท่งเกล้าผมสองแท่งเกล้าขึ้นสูงอยู่ตรงหลังศีรษะ ไว้จอนผมที่ไม่สั้นไม่ยาวตรงข้างหู ตามจังหวะการหยิบยาของนางได้สัมผัสกับหน้าข้างๆ ดวงตาสีเทามองไปยังยาสมุนไพรที่ตำอยู่ในยาสาก ในจมูกฟุ้งเต็มไปด้วยรสชาติขม
สาวใช้ที่อยู่ข้างๆ เติมชาให้ซ่านเซิ่งหาน แต่กลับเห็นแก่ว่าที่นี่คือร้านยาแต่ไม่เคยมาส่งขนมนมเนยเลย
เฟิงเยว่ที่ข้างๆ ซ่านเซิ่งหานนั้นกำลังจ้องกู้อ้าวเวยอยู่ จนกระทั่งนางได้วางยาสากลง ยกมือขึ้นเก็บเศษผมที่อยู่ข้างหูไปยังหลังหู แล้วลุกขึ้น
“องค์หญิง”
“เรียกข้าว่าคุณหนูจะดีกว่า” ในที่สุดกู้อ้าวเวยก็เปิดผ้าม่านขึ้นแล้วเดินเข้าไปในห้องรับรองหลัก ในขณะที่สบตากับซ่านเซิ่งหาน มักจะอดไม่ได้ที่จะนึกถึงเรื่องราวที่เขาจากไปโดยไม่หันกลับมาเลยในตอนนั้น นั่งอยู่ข้างหน้าของเขาด้วยรอยยิ้มอ่อนๆ แต่ไม่ใช่ที่นั่งหลัก
“ข้าได้รับใบสั่งยาของเจ้าแล้ว” ซ่านเซิ่งหานอ้อยอิ่งไปสักพัก ถึงจะพูดประโยคนี้ออกมา
“เช่นนั้นก็ดีแล้ว ก่อนหน้านี้ซ่านจินจื๋อไม่อยากให้ข้าพบเจ้า วันนี้ก็ไม่มีความจำเป็นที่ต้องพบแล้ว” กู้อ้าวเวยยิ้มที่มุมปาก สั่งให้สาวใช้หยิบลูกเอ่อตันแดงที่เน่าเสียไปแล้วครึ่งหนึ่งมา วางอยู่บนโต๊ะ “เจ้ารู้อยู่แล้วว่าพวกนี้ต่างก็เป็นกินหมั่นโถวเลือดคนแต่ยังไปกินนั้น”(กินหมั่นโถวเลือดคน หมายถึง การที่เกิดเหตุน่าสลด มีผู้คนเสียชีวิตอย่างน่าสงสาร แต่ยังมีบางคนขยี้ไปในทางที่ไม่ควรอย่างสนุกปาก เหมือนกินหมั่นโถวเลือดคนเข้าไปโดยที่ไม่รู้สึกอะไรเลย)
“ถ้าหากบนศีรษะของเจ้ามีมีดปลายแหลม ก็จะเป็นเช่นนี้” ซ่านเซิ่งหานยิ้มด้วยความฝืน
“มีดปลายแหลมจะฟันเฉพาะคนที่มีโทษเท่านั้น” กู้อ้าวเวยโต้ตอบกลับด้วยสีหน้าที่เหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม หรี่ตาไปครู่หนึ่งก็ยังมองไม่ออกว่าคนข้างกายของเขาคือเฟิงเยว่หรือเฟิงฉีน ทางนี้จึงได้แต่เปิดปากพูดต่อว่า “ตอนนี้พวกข้าต่างก็ไม่ได้ยืนอยู่ฝั่งเดียวกันแล้ว ฮ่องเต้ก็แค่รู้สึกว่าซ่านจินจื๋อจะสามารถให้ได้ทั้งประโยชน์และโทษ ผู้ที่ได้ประโยชน์สูงสุดก็คือเจ้า แล้วทำไมเจ้าถึงต้องมาทำตัวน่าสงสารตอนนี้ล่ะ?”
ถูกกู้อ้าวเวยถามด้วยความก้าวร้าวและกดดันแล้ว ซ่านเซิ่งหานยิ้มกลับและไม่โกรธ “เจ้าคิดว่าข้ามาทำตัวน่าสงสาร?”
“ไม่เช่นนั้นล่ะ?” กู้อ้าวเวยยักคิ้ว
“ที่มาในวันนี้ ไม่ใช่เพราะเรื่องหลัก นี่เป็นเรื่องระหว่างเสด็จพ่อละเสด็จพอา ข้าแค่ต้องทำตามความหมายของเสด็จพ่อ และตั้งหน้ารอด้วยความอดทนก็เท่านั้น” ซ่านเซิ่งหานเก็บสีหน้าที่รู้สึกลำบากใจในเมื่อกี้ ใบหน้ามีรอยยิ้มเล็กน้อย “ที่มาในวันนี้ หวังว่าจะสามารถส่งเจ้ากลับไปยังแคว้นเอ่อตานได้”
ขมวดคิ้วเล็กน้อย กู้อ้าวกลับไม่เข้าใจ “ก่อนหน้านี้พวกเจ้าต่างก็ตัดสินใจให้ข้าอยู่ต่อที่นี่ เพราะเหตุใดวันนี้จึง……”
“ขอแค่เชื่อมโยงไปถึงเรื่องของหยุนซี เสด็จพ่อก็จะไม่สนใจขึ้นมา” ซ่านเซิ่งหานลุกขึ้นมาด้วยความหมดหนทาง “ตระกูลตงฟานควรจะเป็นผู้เสียสละคนสุดท้ายแท้ๆ พอเจ้าส่งใบสั่งยาขึ้นไป คนที่เสียสละก็จะไม่ใช่เพียงคนเดียวแล้ว”
“หมายความว่าเช่นไร?” กู้อ้าวเวยไม่เข้าใจ
“ที่ทิ้งศพก็ดี หมู่ตึกก็ช่าง ไม่มีใครที่จะวางไข่อยู่ในตะกร้าใบเดียว” ซ่านเซิ่งหานเงยหน้าขึ้นมองไปทางกู้อ้าวเวย ยักคิ้วแล้วพูดว่า “พูดตรงๆ อย่างไม่ปิดบัง ผู้ที่สนับสนุนเบื้องหลังของหลานเอ๋อร์คือข้า”
ที่แท้ก็เช่นนี้นี่เอง…..
แววตาในขณะนี้ที่กู้อ้าวเวยมองไปทางซ่านเซิ่งหานมีความชื่นชมเพิ่มขึ้น
“ฉะนั้นคำพูดของหลานเอ๋อร์ในตอนนั้น เพียงแค่ทำให้ข้าสามารถหาหมู่ตึกและที่ทิ้งศพที่อยู่รอบๆ นอกขอบเขตเจอ เรื่องที่ทหารเฝ้าเมืองก็แค่สร้างมาเพื่อสับขาหลอก ไม่ให้ข้ารู้ว่าหลานเอ๋อร์ตั้งใจมาส่งข่าว ใช่ไหม?” กู้อ้าวเวยส่ายศีรษะ สีหน้าเหมือนตัวเองโง่เขลา สีหน้าที่คิดว่าทำไมตอนนั้นถึงไม่ถึง
น้อยมากที่จะเห็นอารมณ์เคร่งเครียดเช่นนี้บนใบหน้าของกู้อ้าวเวย น้ำเสียงที่ซ่านเซิ่งหานเปิดปากพูดก็อ่อนโยนลงเยอะมาก แววตาก็นุ่มนวลลงเล็กน้อย ยิ้มแล้วพูดว่า “เป็นเช่นนี้แหละ ที่ข้าให้เจ้าทราบเรื่องหมู่ตึกและที่ทิ้งศพ เพราะหวังว่าเจ้าจะระวังมากขึ้น แต่กลับถูกเจ้าทำให้กลายเป็นสิ่งที่มาสร้างความลำบาก”
“นี่ไม่ใช่การจู่โจมอย่างฉับพลันในขณะที่อีกฝ่ายเผลอหรือ” กู้อ้าวเวยหัวเราะไปไม่กี่ที รีบพูดด้วยสีหน้าที่จริงจังว่า “เจ้าพูดว่าหมู่ตึกนี้ไม่เพียงมีแต่สถานที่เดียว งั้นสถานที่อื่น…..”
“เจ้ามีใบสั่งยาของเจ้าแล้ว เรื่องพวกนี้ยังคงดำเนินการต่อแบบลับๆ” ซ่านเซิ่งหานส่ายศีรษะอย่างหนัก “และสถานที่วิจัยยาพวกนี้ ไม่เพียงแต่มีใบสั่งยาไม่เจ็บไม่ตายยังมียาชนิดอื่นอีกด้วย แต่ตอนนี้ยากที่ข้าจะแน่ใจ”
“ในเมื่อเจ้ากับฮ่องเต้อยู่ฝ่ายเดียวกัน ควรจะไม่สนใจเรื่องนี้จึงจะถูก” นิ้วที่ยาวแหลมของกู้อ้าวเวยเคาะไปยังโต๊ะเบาๆ สองที และดวงตาของเฟิงเยว่ก็หรี่ตาม แล้วมองไปทางเพดานไม้ข้างบนทันที
ข้างบนว่างเปล่าไม่มีอะไรเลย
แต่กู้อ้าวเวยนั้นกำลังมองการกระทำของนางอยู่ ยิ้มที่มุมปาก แล้วทำท่าอย่าออกเสียง
วินาทีต่อมา กุ่ยเม่ยกลับเดินเข้ามาจากทางนอกประตูโดยไม่ให้สุ้มให้เสียง ข้างหลังยังมีมีดยาวของโม่ซานแทงอยู่ นั่งลงยังข้างกายของกู้อ้าวเวย
“นี่เจ้าหมายความว่าอะไร?” ซ่านเซิ่งหานหยิบแก้วขึ้นมาด้วยความเงียบสงบ
“ไม่ได้มีความหมายอะไร ข้าแค่จะรับรองว่าระหว่างพวกข้าสองคนนั้นเท่าเทียมกัน” กู้อ้าวเวยแบมือออก รับแก้วชามาจากมือของกุ่ยเม่ย “ข้าทั้งสองเปิดชางหลานอาจจะเป็นเรื่องที่ดี ช่วงเวลาของเรื่องนี้ที่ดำเนินการต่อนานเกินไปแล้ว ข้าจะรับรองได้อย่างไรว่าหลังจากที่เจ้าขึ้นครองราชบัลลังก์แล้ว จะสืบหาความลึกลับในเรื่องนี้ต่อ”
“ข้าให้เจ้าจากไปแล้ว แน่นอนว่าจะไม่ดำเนินต่อ” ซ่านเซิ่งหานขมวดคิ้ว
“งั้นข้าอยากถามเข้าดู ท่านพ่อของเจ้าในตอนนี้คือฮ้องเต้ที่มีพระปรีชาสามารถ เพราะเหตุใดจึงต้องลำบากแรงงานคนและสิ้นเปลืองทรัพย์สิน ยังต้องปิดบังพวกขุนนางมาทำเรื่องนี้” กู้อ้าวเวยลิ้มลองชาที่รสชาติขมนี้ไปหนึ่งคำ ประโยคนี้ถามออกจากปาก ก็เหมือนกำลังถามตนเองอยู่
“เป็นเพราะได้รับอำนาจจากทั่วแคว้นแล้ว อยากจะได้รับมากกว่านี้ หรือเป็นเพราะอยากจะฟื้นชีพคนรักที่เสียชีวิตไป หรือเป็นเพราะว่ายังซ่อนของอะไรที่ผู้คนต่างก็แย่งกันอยู่ภายใต้เบื้องหลังการมีชีวิตที่ยืนยาวนี้?” ใบหน้าของกู้อ้าวเวยเผยถึงความสงสัย
ซ่านต้วนโฉงไม่อยากจะแตกแยกกับแคว้นอื่น และไม่ยอมที่จะจัดการกับเรื่องของเย่นเจียงและเอ่อตานให้เรียบร้อย แล้วยังขังหยุนหว่านอยู่ที่นี่ แต่ก็แค่สั้นๆ ไม่กี่เดือน ไม่ได้มีการทำร้ายเอ่อตานอะไร
แต่กับซ่านเซิ่งหานที่ลักพาตนเองไปและปล่อยตนเองออกมาครั้งแล้วครั้งเล่าไม่เหมือนกัน เป็นเพราะว่าซ่านเซิ่งหานยากที่จะแยกแยะและควบคุม จึงสร้างผลกระทบที่มีต่อตนเองในการไปถึงเป้าหมายจะดีกว่า งั้นซ่านต้วนโฉงกับตนเองไม่ได้มีความสัมพันธ์ใดๆ วิธีการที่หว่านความไม่ลงรอยต่อก่อนไม่เคยมีแน่นอน
งั้นเก็บหยุนหว่านอยู่ที่นี่ แล้วเหตุผลที่ทำให้เอ่อตานไม่พอใจคืออะไรล่ะ?
ประโยคนี้ กลับแตกต่างจากคำถามที่กู้อ้าวเวยถามตนเอง กลับเปิดปากพูดว่า “ถ้าหากพูดว่าภายใต้นี้มีของที่จะครอบครองทั้งโลกนี้ได้ล่ะ?”
“งั้นคงจะพูดได้แค่ว่าเป็นเพราะอำนาจการครอบกรองผืนดิน ที่หลงระเริงสายตาของพวกเจ้า” กู้อ้าวเวยส่ายศีรษะด้วยความหมดหนทาง แม้กระทั่งใบสั่งยาไม่เจ็บไม่ตายนี้ก็แค่พูดปากเปล่าไม่มีความจริง งั้นสิ่งของที่จะครอบครองทั้งโลกนี้แน่นอนว่าไม่มีทางมีตัวตนอยู่แล้ว…..
“หงส์สามารถกำเนิดใหม่ได้ในเปลวไฟ ถ้าหากใบสั่งยาไม่เจ็บไม่ตายสามารถทำให้คนตายแล้วกลับมาเกิดใหม่ได้ หากเป็นเช่นนั้นการที่จะสามารถครอบครองทั้งโลกได้ก็ไม่ใช่การพูดปากเปล่า” ดวงตาของซ่านเซิ่งหานเปล่งประกายไปด้วยแสงสว่าง
ราวกับว่าถูกของบางอย่างหลงใหลเข้าในแววตา
กู้อ้าวเวยมองอารมณ์สีหน้าบนใบหน้าเขาไม่ชัด แต่กลับสามารถฟังออกถึงความบ้าคลั่งในคำพูดของเขา ลุกขึ้นมา นางจ้องซ่านเซิ่งหาน “คำพูดนี้ของเจ้าหมายความว่าอะไร”
“ไฟที่เปลี่ยนแปลงผู้คนในตอนนั้น ก็เป็นไปได้ที่จะเกิดอีกครั้งใช่ไหม?”