บทที่ 964 กินทั้งสองข้าง
ใต้เท้าตงฟางมีอายุเกินครึ่งร้อยแล้ว ลูกชายแต่ละคนก็มีตำแหน่งในเมืองเทียนเหยียน
ตอนนี้ตงฟางซวนเอ๋อถูกอุ้มลงมาจากผ้าที่ใช้แขวนคอลงมา แทบจะสลบลงไปนอนพิงอยู่บนเตียงในห้องโถง พวกพี่น้องและญาติๆต่างรวมตัวรอบๆนางปลอบใจเสียงเบา และนายท่านตงฟางก็มองไปที่ซ่านจินจื๋อ วางถ้วยชาลงทำความเคารพ
“ท่านอ๋องจิ้ง” และพวกลูกชายที่มาดูตงฟางซวนเอ๋อก็ทำความเคารพด้วย
“ไม่ต้องเคารพมาก” ซ่านจินจื๋อพูดโดยสีหน้าเย็นชา นั่งลงที่นั่ง ไม่รอพวกตระกูลตงฟางได้พูด เขาก็พูดขึ้นเสียงเบาว่า: “ในเมื่อตระกูลตงฟางไม่ยืนข้างข้า วันนี้ตระกูลจี้ประสบเหตุ ก็ไม่เกี่ยวกับข้าแล้ว”
ทุกคำพูดเบ่งเสียงออกมาชัดเจน
ทันใดนั้น ทุกคนต่างเงียบลง
ขณะเดียวกันไม่คิดว่าซ่านจินจื๋อจะพูดตรงแบบนี้ นายท่านตงฟางลังเลเล็กน้อย แต่กลับพูดแค่ว่า: “ขอแค่ท่านยอมแต่งงานกับซวนเอ๋อ ให้นางได้เป็นพระชายาเอก ข้าตระกูลตงฟางต่อไปก็จะ……”
“ตระกูลตงฟางมีสิทธิ์อะไรมาพูดข้อเสนอต่อรองกับข้า” ซ่านจินจื๋อหัวเราะในลำคอ ใบหน้ายังคงเย็นชาไม่เปลี่ยนแปลง สายตามองผ่านพวกตระกูลตงฟาง มองไปที่ตัวตงฟางซวนเอ๋อ และหลบสายตาออกอย่างรู้สึกผิด นัยน์ตามีน้ำตาคลอเบาๆ
“ยิ่งไม่ต้องพูดถึง นางมาถึงจวนอ๋องจิ้งแค่ไม่กี่วันก็บาดเจ็บแล้วนับครั้งไม่ถ้วน ใต้เท้าตงฟางวางใจจะให้หลานสาวมารับกรรมที่ข้าเหรอ?” ซ่านจินจื๋อก็นึกถึงซูพ่านเอ๋อและกู้อ้าวเวย ตลอดชีวิตของเขาก็มีแค่ผู้หญิงสองคนนี้ที่วนเวียนอยู่ข้างเขา
แม้จะเป็นซูพ่านเอ๋อ ตอนนั้นก็ถูกคนตามฆ่า เพราะเขาจึงทำให้นางตกอยู่ในอันตราย
ก็เหมือนคำสาปที่ติดตัวเขา
“การได้ตายและทำอะไรเพื่ออ๋องจิ้ง เป็นความโชคดีของลูกสาว” ชายร่างกายกำยำเดินออกมาจากกลุ่มนั้น มือที่ยกขึ้นมีบาดแผลลากยาว
นี่ก็คือพ่อของตงฟางซวนเอ๋อ และก็คือลูกชายที่ดีที่สุดของใต้เท้าตงฟาง
“ดูแล้ว ตงฟางถงหลิ่งก็ไม่ใช่คนที่รักลูกสาวมาก” ซ่านจินจื๋อพูดโดยสีหน้าเรียบเฉย และพูดเสียงเบาว่า: “ถ้าเป็นลูกสาวของข้า นั่นก็ต้องดูแลดั่งไข่ในหิน จะไม่ปล่อยให้นางประสบอันตรายเพียงลำพังเด็ดขาด”
“อ๋องจิ้งกลายเป็นคนไม่เด็ดขาดแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?” ตงฟางถางหลิ่งไม่สนใจบรรยากาศรอบข้างที่เย็นลง แต่แค่ทนเดินไปด้านหน้า มองตาเขาพูดว่า: “ตอนนี้ตระกูลตงฟางกล้ามา ก็ต้องมีข้อต่อรองที่เพียงพอ แต่ถ้าอ๋องจิ้งยังจะฆ่าพวกเราตระกูลตงฟางให้ตายทั้งหมด พวกเราก็เอาความลับขององค์หญิงหลิงเอ๋อร์กับแม่แท้ๆของนางไปพร้อมความตายด้วย”
ดูแล้วตระกูลตงฟางเหมือนจะรู้เรื่องอะไรนะ
เหมือนที่ซ่านจินจื๋อคิดไว้ ตอนนั้นหยูนซีก็เป็นคนของตระกูลหยุน คนที่รู้จักนางก็มีมาก แม้เสด็จแม่จะลงมือกับหยูนซี ก็คงจะมีคนนอกวังคอยช่วยอยู่บ้าง
ตอนนี้ตระกูลตงฟางพากลุ่มคนเข้ามาขนาดนี้ คงไม่ได้มาเล่นๆ
และในความหมายอื่นๆ พวกเขาไม่รับใช้ซ่านต้วนโฉงหรือใครอื่น คนที่อยู่เบื้องหลังจริงๆคงจะเป็นไทเฮา แต่จนกระทั่งก่อนหน้านี้ไทเฮาถูกขังในอารามไป๋หม่า ตระกูลตงฟางต้องรับงานนี้มาโดยปฏิเสธไม่ได้ ตอนนี้ถึงได้ไม่ถูกต้อนรับในสองฝ่าย
“คนที่ข้าอยากได้คือองค์หญิงหลิงเอ๋อร์ ไม่ใช่แม่ของนาง” ซ่านจินจื๋อพูดด้วยสีหน้าเย็นชา ยกแก้วชาขึ้น: “แม่ของนางถูกฝังในสุสานราชวงศ์แล้ว……”
“ดูแล้วอ๋องจิ้งยังไม่รู้ แม่ขององค์หญิงหลิงเอ๋อร์คือหยูนซีในตอนนั้น” ตงฟางถงหลิ่งเดินไปพูดต่อหน้าเขาโดยสีหน้าเรียบเฉย และพูดเสียงเคร่งขรึมว่า: “ขอแค่อ๋องจิ้งยอมยืนข้างตระกูลตงฟาง ตระกูลข้าจะยอมรับใช้อ๋องจิ้งตลอดไป”
ถงหลิ่งคุกเข่าลงพื้นอย่างแรง และพวกคนอื่นๆก็คุกเข่าลงไปเช่นกัน
“ท่านอ๋อง ก่อนหน้านั้นคำพูดที่ท่านพูดกับซวนเอ๋อ ซวนเอ๋อบอกกับพวกผู้ใหญ่แล้ว ต่อไปจะไม่ทรยศต่อท่านอ๋องเด็ดขาด” ตงฟางซวนเอ๋อก็ลุกขึ้นจากบนเตียง พูดโดยสีหน้าซีดขาวและเกร๋งตัวไว้
พวกเขารู้แล้วว่าพวกเขาไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว
“รู้เรื่องของหยูนซีและหลิงเอ๋อร์แล้วยังไง? เป้าหมายที่ข้าหาตัวองค์หญิงหลิงเอ๋อร์ ก็เพื่อถามเลือดมังกรที่นางหาได้ตอนนี้อยู่ที่ใด” ซ่านจินจื๋อพูดอย่างเย็นชาเลิกคิ้วขึ้น: “ยิ่งไปกว่านั้นหัวใจข้ามีเจ้าของแล้ว ถ้าแต่งงานกับหญิงตระกูลตงฟางพวกเจ้า คงจะทำให้บ้านข้าไม่เป็นสุข”
พอพูดจบ ทุกคนก็คุกเข่าไม่ยอมเงยหน้าลุกขึ้น
ซ่านจินจื๋อนั่งอยู่ที่นั่งโดยไม่พูดสักคำ จนกระทั่งตงฟางซวนเอ๋อทนไม่ได้น้ำตาตก ลุกขึ้นนั่งบนเตียง พูดเสียงอ่อนโยนว่า: “ขออ๋องจิ้งประทานให้ข้าสมหวังด้วย”
“ทำให้พวกเจ้าสมหวัง เช่นนั้นก็แปลว่าข้านอกใจคนรักของข้า”
ซ่านจินจื๋อลุกขึ้นยืน มองดูแม่ทัพกองเฝ้าวังที่คุกเข่าไม่ลุกขึ้น สายตาเย็นชาลง: “ข้าไม่รู้ว่าแม่ทัพกองเฝ้าวังเมืองเทียนเหยียน จะเป็นคนที่คุกเข่าก็คุกเข่าทันทีเลย”
รู้สึกสายตาน่ากลัวที่มองมาที่ตัว ตงฟางถงหลิ่งลังเลต่อมาก็ลุกขึ้นยืนช้าๆ มองตาซ่านจินจื๋อ อ๋องจิ้งในตอนนั้นที่ยังสูงไม่ถึงเอวเขาตอนนี้กลับสูงขึ้นมามาก ร่างกายกำยำน่าเกรงขาม สายตายังมีความสง่าสูงส่ง
แต่ตอนนี้ สายตาที่มองมาที่ซ่านจินจื๋อ สายตากลับไม่มีอารมณ์ใดๆ
ทำเอาคนไม่รู้ว่าเขาคิดอะไร
เงียบอยู่สักครู่ นายท่านตงฟางก็พูดขึ้นอีกครั้ง: “อ๋องจิ้งเพียงเพื่อคนรักก็ไม่สนใจเรื่องอื่นแล้วหรือ?”
“ก็ต้องเป็นเช่นนี้” ซ่านจินจื๋อไม่อยากเข้าไปยุ่งกับเรื่องนี้อยู่แล้ว ถ้าไม่ใช่เพื่อกู้อ้าวเวยที่นางบอกว่าต้องเคารพพี่น้อง วันนี้เขาคงจะพากู้อ้าวเวยกลับแคว้นเอ่อตานแล้ว ไม่ต้องรับรู้เรื่องพวกนี้
นี่เกินความคาดหมายของนายท่านตงฟางมาก
เฉิงอีตอนนี้ก็เดินตรงขึ้นไปทันที กระซิบข้างหูซ่านจินจื๋อว่า: “ตระกูลจี้ขอเข้าพบหน้าประตู”
เสียงไม่ดังมาก แต่ตงฟางถงหลิ่งกลับฟังได้อย่างชัดเจน สีหน้าจึงเปลี่ยนไปทันที
ตอนนี้ตระกูลจี้จับเรื่องนี้ไว้ไม่ปล่อย ฮ่องแต่นอกจากจะรับและเอ็นดูฮองเฮาตระกูลตงฟางมากแล้ว ก็จัดการเรื่องนี้ได้อย่างไม่ชัดเจน ถึงทำให้ตระกูลจี้ได้คืบจะเอาศอก พวกเขาตระกูลตงฟางก็ปล่อยให้คนอื่นทำไป แต่กลับต้องหดหัวเพราะคำวิพากษ์วิจารณ์ในที่ประชุมตอนนี้
ซ่านจินจื๋อเลิกคิ้วขึ้น: “ในเมื่อตระกูลจี้บอกว่าเด็กในท้องของจี้ซูเป็นลูกของข้า ก็มาหาข้าที่จวนพูดกับข้าให้ชัดเจนก็ได้”
“ข้อน้อยจะไปบอกคำพูดของท่านโดยไม่ให้ตกหล่นสักคำขอรับ” เฉิงยีทำความเคารพ
สีหน้าคนของตระกูลตงฟางกลับแปลกไป
“ในเมื่อท่านก็รู้เรื่องทุกอย่างของตระกูลจี้ ทำไมถึงไม่เปิดเผยล่ะ?” นายท่านตงฟางพูดขึ้น
“ถ้าไม่ใช่เช่นนี้ วันนี้พวกเจ้าจะมาหาเองแบบนี้เหรอ” ซ่านจินจื๋อนั่งลงไปที่นั่งใหม่ ตรงหลังคาและข้างๆเรือนก็ต่างมีคนชุดดำมากมายคอยเฝ้าอยู่ไม่ห่าง ล้อมรอบพวกทหารที่ตระกูลตงฟางเอามาไว้
และซ่านจินจื๋อละก็คงจะถึงแล้ว: “ข้าชินกับการเอาแต่ใจ แต่ตระกูลตงฟางฆ่าลูกของข้าที่ยังไม่เกิด ก็ต้องอยู่ในจวนเพื่อให้การ”
“ถ้าพวกเจ้าตระกูลตงฟางไม่ให้คำตอบที่พอใจแก่ข้า เรื่องนี้ก็คงต้องจบเพียงเท่านี้”
ตระกูลตงฟางตั้งแต่เริ่ม ก็ไม่มีสิทธิ์มาพูดข้อเสนอ
ตงฟางซวนเอ๋อล้มนั่งลงกับพื้น และไม่รู้ว่าพวกเขาเดินมาถึงขั้นนี้ได้ยังไง