บทที่ 994 ความทรงจำที่แตกต่าง
ทั้งคู่มองตากัน ภายในดวงตากู้อ้าวเวยไม่มีความหวาดกลัวเลยสักนิด
ศพข้างเท้าซ่านต้วนโฉงถูกนำออกไปจัดการจนสะอาด แขนเสื้อกู้อ้าวเวยมีเลือดไหลเป็นหยดๆ มีดเล็กที่อยู่ในมือทุกล้างจนสะอาด มีเพียงดวงตากลมใส่คู่นั้นที่ยังคงมีชีวิตชีวาอยู่ภายใต้เม็ดฝนที่ตกหนัก
ฮองไทเฮาที่อยู่ด้านหลังถูกใส่กุญแจมือไว้ กุ้ยมามาถูกบังคับให้คุกเข่าอยู่ตรงหน้าฮ่องเต้ ด้วยสภาพทุลักทุเล
“ต่อให้ต้องขุดชินเทียนเจียนลึกสามฟุต ก็จะต้องเอาตัวยู่จือกลับมาอยู่ตรงหน้าข้าอย่างสมบูรณ์” สีหน้าซ่านต้วนโฉงบึ้งตึง เดินหน้าไปหนึ่งก้าวแล้วใช้มือที่เปื้อนไปด้วยเลือดจับข้อมือของกู้อ้าวเวย ดึงผู้หญิงคนที่น้องค์ชายรักมากที่สุดมาอยู่ภายใต้ร่มกระดาษบาง แล้วพูดว่า “ข้านึกว่าผู้หญิงหยุนเซ่อทุกคนจะเป็นหมอที่มีความเมตตากรุณาทุกคน”
แรงที่จับข้อมือไม่แรงมาก แต่กลับทำให้กู้อ้าวเวยยิ่งมองไม่รู้ว่าซ่านต้วนโฉงเป็นคนยังไง
หวางกงกงมองดูทั้งสองคนยังแปลกใจ แล้วก็ได้ยินฮองไทเฮาร้องตะโกนพูดขึ้นมาอย่างเจ็บปวดใจว่า “ผู้หญิงหยุนเซ่อ ล้วนเป็นมารปีศาจ”
กู้อ้าวเวยค่อยๆหันไปมอง ยังอยากที่จะมองดูฮองไทเฮาสักครั้ง กลับถูกซ่านต้วนโฉงยกมือปิดตาทั้งคู่ไว้ แล้วก็หันไปมองแม่ของตัวเองด้วยสายตาเยือกเย็น พูดขึ้นด้วยเสียงต่ำว่า “ฮองไทเฮาป่วย พระตำหนักที่กว้างใหญ่เช่นนี้ก็ไม่ต้องอาศัยอยู่ตลอด นำตัวไปยังตำหนักอื่น พร้อมกับทหารองครักษ์ลับทั้งสามพันนายนั่น”
“ฮองเต้” ฮองไทเฮาร้องขึ้นว่า “องครักษ์ลับทั้งสามพันนายนี้ข้ามีไว้เพื่อเจ้า……”
“หากข้าเป็นลูกแท้ๆของเจ้าจริง วันนี้เจ้าก็จะไม่เข้าข้องจินจื๋อ” ซ่านต้วนโฉงมองดูสายตาเย็นชา ดึงมือกู้อ้าวเวยแล้วก็จากไป
สายตามองไม่เห็น ข้อมูลกับถูกค่อยๆจับแน่นจนรู้สึกเจ็บ
เดินโซซัดโซเซสะดุดบนถนนอยู่หลายก้าว นางก็ไม่เคยรู้ว่าฮองไทเฮาจะตกอยู่ในสภาพไหนในตอนนี้ รอเมื่อมองเห็นทุกอย่างชัดเจนแล้ว ต้องหน้ามีเพียงผ้าม่านปลิวไหว จากนั้นก็เป็นเสียงไฟจากเทียน แสงสะท้อนให้เห็นเงาร่างของผู้หญิง
ได้ยินเหมือนประตูบานใหญ่ถูกเปิดออก ผู้หญิงหนึ่งในนั้นลุกขึ้น รีบลุกขึ้นดึงผ้าม่านบางเปิดออก
“แตรด แตรด”
เสียงโซ่ดังก้องกังวานอยู่ในพระราชวังขนาดใหญ่แห่งนี้ และหญิงคนนั้นก็สวมชุดกระโปรงยาว เห็นเพียงดวงตาคู่นั้นแล้วพิงเหนือเสาสีแดง สายตามองดูข้อมือกู้อ้าวเวยที่ถูกจับไว้ แววตาเย็นชา มีเพียงเสียงที่แหบแห้งนั้นพูดขึ้นว่า “นี่เป็นคนโปรดปรานคนไหนของเจ้า? ให้ข้าเปิดท้องมองดูสิ”
เมื่อพูดเสร็จ กู้อ้าวเวยก็ถูกผลักเข้าไปภายในตำหนัก ถูกลากล้มนั่งลงบนผ้าม่านบาง
ขาทั้งคู่เมื่อยล้า และทั้งตัวก็เต็มไปด้วยเลือด ตอนที่เงยหน้าขึ้นมามองผู้หญิงคนนั้น ยิ่งดูสภาพย่ำแย่
“นางคือกู้อ้าวเวย” ซ่านต้วนโฉงเดินเข้ามาทางหน้าประตูใหญ่ แต่เป็นการเดินสวนทางกับผู้หญิงคนนั้น
สีหน้าผู้หญิงคนนั้นแสดงอาการตกใจ แล้วก็ยักยิ้มที่มุมปาก พูดขึ้นว่า “ครั้งก่อนเจ้าบอกว่านางเป็นส่วนเกิน วันนี้เจ้ายกให้ข้าฆ่าก็พอ”
“นางเคยตายแล้วฟื้น” ซ่านต้วนโฉงพูดเพียงประโยคนี้ แล้วก็เดินจากไป
ประตูบานใหญ่ภายในห้องที่มืดมิดถูกเปิดออก กู้อ้าวเวยหรี่ตาลงแล้วก็ลุกขึ้นมาจากระหว่างผ้าม่านบาง ผู้หญิงคนนั้นยังคิดที่จะเดินเข้ามา กลับถูกเงาสองคนด้านหลังดึงโซ่ไว้ ฉุดดึงลากนางกลับไป แล้วก็ล้มนั่งลงบนพื้นเหมือนกัน
กู้อ้าวเวยไม่เคยรู้จักผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้า ได้ยินเพียงเสียงหัวเราะเย้ยที่เยือกเย็นของนาง แล้วพูดขึ้นว่า “ข้าคิดหาวิธีมาทั้งชีวิต ยังไม่สามารถรู้ถึงความเร้นลับในนั้น กลับคิดไม่ถึงว่าเด็กที่ไม่มีความสามารถอะไรเลยอย่างเจ้าจะสามารถรู้ถึงความเร้นลับนั่น อยากผ่าท้องของเจ้าออกมาดูนักว่าข้างในใส่อะไรไว้”
ไม่มีใครห้ามนางพูดจาเช่นนี้
กู้อ้าวเวยยกมือปัดเช็ดตา แล้วก็คิดขึ้นมาได้ว่าใช้ผ้าตาข่ายบางเช็ดหน้าดีกว่า ขาดผ้าตาข่ายบางไปส่วนหนึ่ง นางถึงค่อยรู้ว่าด้านหลังผ้าตาข่ายนี้ถูกนำมากองไว้ แล้วซ้ายขวาสองคนที่ดึงโซ่ไว้เป็นนางกำนัลสองคน ดูอายุก็น่าจะเยอะแล้ว ไม่พูดไม่จา มองเพียงผ้าตาข่ายบางชิ้นนั้นในมือของนาง
“ถูกขังอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมนี้ ยังอยากที่จะรู้เรื่องฟ้าดิน ฝันเฟื่อง
กู้อ้าวเวยหยิบผ้าตาข่ายบางมาเช็ดตัวต่อ แล้วก็สังเกตดูนางอย่างละเอียด ค่อยสังเกตเห็นว่าบนตัวนางพันไว้ด้วยผ้าผืนยาว ตอนนี้จึงอดทนกลั้นหายใจจ้องมองดูนาง พร้อมถามว่า “เจ้าเป็นใคร?”
“รู้ชื่อของข้าไปก็ไม่มีประโยชน์ เขาเอาเจ้ามาโยนไว้ที่ข้านี่ ก็เพื่อให้ข้าได้พูดคุยสนิทสนมกับเจ้า เผื่อเจ้าจะยอมพูด วิธีทำให้คนตายแล้วฟื้น เขาจะได้ปลิดชีวิตข้าทิ้งอย่างไม่เสียดาย” ผู้หญิงหัวเราะเย้ย แต่น้ำตาไหลเปื้อนผ้าจนเปียก ร้องไห้จนนิ้วสั่นเทา
เหมือนดั่งผู้หญิงบ้า
ในใจกู้อ้าวเวยแอบคิดว่าฮ่องเต้กำลังเล่นเกมอะไรอยู่ ใบหน้ายังคงมองผู้หญิงคนนั้นอยู่ ครุ่นคิดสักพักแล้วก็นั่งขัดสมาธิ เช็ดผมไปด้วยพูดไปด้วยว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้ากับเจ้าก็ไม่ต้องพูดคุยกัน ข้าก็จะได้ไม่ถูกตามฆ่า”
พูดถึงตรงนี้ ผู้หญิงด้านหลังม่านบางอึ้งไปเล็กน้อย เงยหน้าขึ้นถามนางว่า “เจ้ายอมที่จะถูกขังอยู่ที่นี่หรือ?”
“เดิมข้าก็สมัครใจมาอยู่แล้ว ไม่เกี่ยวกับคำว่ายินยอมหรือไม่ยินยอม” กู้อ้าวเวยรู้สึกน่าขำ
ตำหนักที่กว้างใหญ่นี้ ยังไงก็ดีกว่าวัดร้างในป่าอย่างมากมาย
ผู้หญิงคนนั้นพูดพึมพำเองอยู่คนเดียวสักพักหนึ่ง แล้วก็ปีนขึ้นไปบนโต๊ะทั้งเขียนและวาดไม่พูดอะไรอีก กู้อ้าวเวยก็ดึงผ้าม่านบางลงมาหลายผืน ปูไว้บนพื้นที่ทั้งแข็งทั้งเย็น หมอบอยู่บนนั้นคนเดียว
ซ่านต้วนโฉงที่อยู่ด้านนอกประตูฟังอยู่ตั้งเนิ่นนาน สีหน้าบนใบหน้าเปลี่ยนแปลงไปอย่างไม่แน่นอน
หวางกงกงก็คิดไม่ถึงว่าผู้หญิงทั้งสองคนนี้จะแปลกประหลาด เข้ามาในวังแล้วชีวิตก็ตกอยู่ในกำมือของฮ่องเต้ แต่ก็ยังกล้าท้าทายขนาดนี้ จึงรีบพูดขึ้นว่า “ให้บ่าวส่งคนไปสั่งสอนพวกนางไหม?”
สายตาซ่านต้วนโฉงเยือกเย็น เงียบอยู่เนิ่นนานแล้วค่อยพูดขึ้นอย่างเย็นชาว่า “มัดตัวนางออกไปตากฝนสองชั่วโมง”
พวกทหารองครักษ์ด้านข้างต่างก็มองหน้ากัน ไม่รู้ว่าห้องแต่หมายถึงใคร หวางกงกงถีบขันทีสองคนที่อยู่ด้านหลัง แล้วก็พูดด้วยเสียงต่ำว่า “จะล่วงเกินพระฉายาอ๋องจิ้งได้ยังไง”
ขันทีทั้งสองคนพยักหัว แล้วก็มาจับตัวผู้หญิงที่พันไปด้วยผ้าคนนั้นออกไป จับกดไหล่ของนางคุกเข่าตากฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก กู้อ้าวเวยรีบเดินหน้ามา แล้วถูกจับอยู่ตรงหน้าประตู มองดูซ่านต้วนโฉงแล้วพูดว่า “ฮ่องเต้หมายความว่าอย่างไร?”
“เจ้าพูดเมื่อไหร่ ก็จะเอาตัวนางเข้ามาเมื่อนั้น” ซ่านต้วนโฉงพูดขึ้นด้วยเสียงเย็นชา
“นางไม่ใช่ญาติไม่ใช่คนรู้จักของข้า ข้าจะสนใจทำไม?” กู้อ้าวเวยมองดูทุกอย่างด้วยสายตาเฉยเมย
ผู้หญิงคนนี้ใจดำอำมหิต แค่ให้นางตากฝน ในใจกู้อ้าวเวยไม่รู้สึกอะไรเลย
ซ่านต้วนโฉงมองดูนาง “เจ้าไม่รู้จัก?”
“ข้าควรรู้จักหรือ?” กู้อ้าวเวยยืนตัวตรงเอนหลังติดข้างประตู เห็นผู้หญิงคนนั้นหัวเราะอย่างมีความสุขท่ามกลางสายฝน ยิ่งทำให้น่าแปลกใจ
“ตอนนั้นหยูนซีกับหยุนหว่านสนิทกันมาก หยุนหว่านไม่เคยพูดอะไรกับเจ้าเลยหรือ?” ซ่านต้วนโฉงหรี่ตาลง
ไม่เคยพูดถึง ไม่มีภาพความทรงจำเลย
กู้อ้าวเวยมองดูผู้หญิงที่ตากฝนอยู่คนนั้นอย่างไม่อยากเชื่อ ไม่เหมือนกับหยูนซีที่ในใจนางคิดไว้
แต่ว่านางก็รู้สึกว่าเรื่องราวค่อนข้างผิดปกติ
นางเคยตายไปแล้วหนึ่งครั้งจึงทำให้จำเรื่องราวในตอนเด็กได้ ต่อมาก็ไม่รู้เรื่องของท่านแม่หยุนหว่านกับหยูนซีเลย แต่ก่อนหน้านี้เนิ่นนาน ซ่านจินจื๋อเคยพูดว่าหยุนหว่านกับองค์ชายสองก็สนิทกันมาก แต่หยุนหว่านก็ไม่รู้เรื่องเลย
เหมือนมีคนตั้งใจลบความทรงจำพวกนี้
และความทรงจำพวกนี้ที่เหมือนกัน มีเพียงสองคน
ยู่จุนกับหยูนซี