บทที่ 1013 ยาคุมกำเนิด
ในวังมีเรื่องแปลกๆมากมายจริงเหรอ
ตลอดทางที่เดินไปตำหนักฮองเฮา อาจารย์ลูกศิษย์สองคนก็ต่างคิดเช่นนี้
เข้าวังมาก็สองวัน ครั้งนี้นานๆทีไม่มีการคุ้มครองจากซ่านจินจื๋อ พอมาอยู่หลังวังเอง ก็รู้ว่าเฉิงกุ้ยเฟยมีเรื่องมากมาย ได้ยินที่จางเหยียงซานเล่ามา กู้อ้าวเวยก็เงียบๆไม่พูดอะไรอีก คิดแต่ว่าตัวตนตัวเองเปลี่ยนไปมา อีกสิ่งเดียว……ไม่อยากเป็นสนมหลังวังที่น่ารังเกียจไม่มีใครเอา
และจางเหยียงซานก็กังวลแทนกู้อ้าวเวยอยู่มาก
กู้อ้าวเวยเสียความทรงจำไปยังไม่ฟื้นฟูดี บวกกับช่วงนี้ในวังมีเรื่องเกิดขึ้นมากมาย เกรงว่าความทรงจำนางคงยังกลับมาไม่หมด ตอนนี้อยู่ในวังคงมีคนมาหาเรื่องเยอะ และไม่รู้ว่าตอนนั้นเกิดอะไรขึ้นบ้าง
พอพูดแบบนี้ ก็รู้สึกลำบากใจมาก
ห้องนอนฮองเฮาหรูหรามาตลอด แต่แค่ไม่เจอสักพัก ฮองเฮาก็เปลี่ยนเป็นชุดกระโปรงที่สวมใส่ในวันธรรมดาเสร็จแล้ว แต่ยังคงความสง่าและหรูหราไว้ ปิ่นบนผมก็ส่ายตามการเคลื่อนไหวโน้มตัววางหนังสือของนาง จางเหยียงซานรีบทำความเคารพ กู้อ้าวเวยอึ้งสักพักและจึงเคารพตาม
กลับได้ยินฮองเฮาตงฟางพูดว่า: “เวลาไม่มีคน ไม่ต้องทำความเคารพก็ได้ ว่าแล้วพวกเจ้าก็ไม่ใช่คนในวังเสียหน่อย”
ทั้งสองสบตากัน และรีบนั่งลงประจำที่
บนโต๊ะมีอาหารมากมาย แต่ในตำหนักของฮองเฮาไม่เคยให้พวกนางลงมือเองเลย แค่เพียงชี้เท่านั้น ก็มีคนตักอาหารให้พวกนางแล้ว ทำเอากู้อ้าวเวยกินไม่สนุกเสียเลย จางเหยียงซานรู้สึกขัดคอมาก จนกลืนไม่ลง
มองดูฮองเฮา ยังคงมีท่าทีเชื่องช้า
กู้อ้าวเวยชี้ซุปฟักเขียว คิดว่านี่เป็นอาหารประจำบ้านทั่วไปบนโต๊ะที่เห็นเพียงอย่างเดียว แต่กลับไม่รอขันทีตักให้นาง ฮองเฮาตงฟางก็พูดขึ้นช้าๆว่า: “บนโต๊ะมีอาหารมากมาย จะให้ท่านหมอเทพกินของทั่วไปเช่นนั้นได้อย่างไร”
นี่เป็นอาหารในตำหนักเจ้านะ
กู้อ้าวเวยไม่เข้าใจ แต่ใบหน้ากลับมีความสงสัยเล็กน้อย ไม่สนใจมารยาทลุกขึ้นและตักให้ตัวเอง
สีหน้าฮองเฮาตงฟางเปลี่ยนไปเล็กน้อย ในขณะที่นางกำลังจะดื่มลงไปก็พูดว่า: “เอาซุปนี้ลงไปเสีย”
“แต่ซุปฟักเขียวนี้เป็นอาหารที่ฝ่าบาทสั่งมาเอง ต้องส่งมาทุกวัน” สาวรับใช้พูดอย่างกล้าๆกลัวๆ
สายตากู้อ้าวเวยเปลี่ยนไปเล็กน้อย เหมือนคิดอะไรได้ ขมวดคิ้วส่งน้ำซุปนี้ไปให้จางเหยียงซาน และฟังสาวรับใช้พูดต่อว่า: “ถ้าท่านจางอยากดื่ม บ่าวจะตักให้ท่านเองเพคะ”
“ซุปนี้ข้ายังไม่ได้แตะ ไม่ต้องเปลืองของหรอก” กู้อ้าวเวยอึ้งเล็กน้อย ผลักซุปออกไป
จางเหยียงซานลองชิมซุปดู สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที มองไปที่ฮองเฮาแต่กลับพูดไม่ออกสักคำ
ล่างโต๊ะ จางเหยียงซานแตะมือกู้อ้าวเวยเบาๆ และกระซิบข้างหูนางเสียงเบาว่า: “ยาคุมกำเนิด”
ดวงตาหดลง กู้อ้าวเวยคิดว่าสมองจะระเบิดเป็นเสี่ยงๆอยู่แล้ว
วังหลวงที่ใหญ่โตเช่นนี้ บ้าไปแล้วจริงๆ!
“ซุปนี้ ส่งมาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน” กู้อ้าวเวยยกมือขึ้นนวดขมับ
“ส่งมาหลายปีแล้วล่ะ” ฮองเฮาตงฟางตอบ ยกมือขึ้นสั่งทุกคนออกไป เห็นใบหน้ากู้อ้าวเวยเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ นางกลับยิ้มอย่างดีใจว่า: “ถ้าไม่ใช่เช่นนี้ ข้าจะนั่งบนที่นั่งนี้ได้ถึงวันนี้เหรอ”
“เจ้าไม่เคยโกรธเลยเหรอ?” กู้อ้าวเวยไม่เข้าใจเลย แม่ของแผ่นดินไม่มีบุตรเลยสักคน แน่นอนตำแหน่งต้องไม่คงที่แน่
ยิ่งไปกว่านั้นอาหารที่หรูหรามากมายบนโต๊ะ
พอพูดแบบนี้แล้ว ฮองเฮาตงฟางกลับหัวเราะ: “โกรธแล้วยังไง? ตอนนั้นฮองเฮาก่อนรักฝ่าบาทมาก ถวายให้ทุกอย่างมาตลอด แม้ตระกูลซู๋จะทำเรื่องชั่วมาตลอด ฮองเฮาสามารถตัดขาดกับญาติตัวเองได้ ต่อต่อมา ก็คิดว่าความรักของนางให้ผิดคน มาพูดเรื่องนี้กับข้าที่ตอนนั้นยังคงเป็นแค่ฮุยเฟยกับข้าทุกวัน”
พูดถึงตรงนี้ ฮองเฮาตงฟางกลับเทชาให้ตัวเอง ความคมบาดคอ แต่รสชาติหลังจากนั้นกลับหอมหวาน
นางยิ้มอ่อนๆ มองดูกู้อ้าวเวย: “ตอนนี้เข้าวังมา เจ้าไม่มีทางเลือกอื่น”
“ฮองเฮา หมายความเช่นไร?” กู้อ้าวเวยกำมือแน่น
“นางอยากให้เจ้าหายาให้คนที่รัก และจะทำลายชื่อเสียงเจ้าไปด้วย ก่อนหน้านี้เจ้าน่าจะได้ยินเรื่องคนที่มาแทนตัวหยูนซี ตอนนี้ยังคิดไม่ออกอีกเหรอ?” ฮองเฮาตงฟางเบิกตาขึ้น สะบัดแขนเสื้อออก และนั่งตัวตรงอย่างสง่าเฉกเช่นทุกวัน มุมปากมีรอยยิ้มเล็กน้อย: “ข้าคงพูดมากกว่านี้มาได้แล้ว”
พูดแล้ว ฮองเฮาก็ออกไปทันที
กู้อ้าวเวยคิดออกแล้ว กระตุกยิ้มมุมปากพูดว่า: “ข้าประมาทไปเอง”
“พวกเจ้าพูดอะไรกันอีกเนี้ย?”
“ตอนนี้มีคนมากมายรู้ตัวตนของข้า และกระจายข่าวออกไปว่าข้ากับฮ่องเต้มีความสัมพันธ์อะไรกัน” กู้อ้าวเวยขมวดคิ้วเข้มงวด มองดูจางเหยียงซาน: “ตอนนั้นหยูนซีเป็นตัวแทนของยู่จุน ตอนนี้ก็เอาข้ามารับผิดเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด”
“ตัวนำความโชคร้าย ขอแค่มีข้ออ้างนี้ สายตาของทุกคนคงเห็นแค่นี้ พอเป็นเช่นนี้แล้ว เรื่องร้ายออกไป ไม่มีคนมาคอยเดาว่าฝ่าบาทจะทำอะไร ก็จะเอาเรื่องการกระทำไม่ดีของซ่านจินจื๋อมาพูด อ้างไปต่างๆนาๆ” กู้อ้าวเวยชี้ตัวเอง และไม่ลืมหยิกหน้าตัวเอง
แต่กลับหยิกเนื้อหนังได้เท่านั้น
“งั้นการกระทำดีของท่านอ๋องล่ะ จะไม่ถูกคนรู้เหรอ?” จางเหยียงซานถาม
“นี่ก็ช่างเถอะ พวกขุนนางคงไม่โง่ถึงเพียงนี้ ที่สำคัญในหลังวังข้าคงยืนด้วยลำแข้งตัวเองไม่ได้ ไม่รู้ว่าใครที่รู้เรื่องของยู่จุนกับหยูนซีกัน ทำเอาข้าต้องออกมารับผิดแทน” กู้อ้าวเวยโกรธจนวางแก้วชาลงบนโต๊ะอย่างแรง
และฮองเฮาด้านนอกที่ฟังจบทั้งหมดแล้ว ก็ได้แต่แสยะยิ้ม หายไปในทางเดิน
รับประทานอาหารกลางวันที่ไม่ค่อยดีเสียเท่าไหร่ กู้อ้าวเวยยังกินได้ไม่อิ่ม แต่กลับพาจางเหยียงซานกลับมาตำหนักข้างๆ ทั้งสองพูดคุยกัน กู้อ้าวเวยมองดูจางเหยียงซานพูดว่า: “ยาในวังไม่รู้ว่าทำไมฤทธิ์ยาถึงอ่อนเช่นนี้ เจ้าฝังเข็มให้ข้าให้เลือดไหลเวียนดีหน่อย ไม่งั้นวันต่อไปเวลาข้ากินยาต้องทนเจ็บปวดอีก”
จางเหยียงซานหยิบเอาเข็มของตัวเองออกมา
แต่กู้อ้าวเวยที่กำลังจะถอดเสื้อออก ก็ต้องอึ้งอยู่กับที่ รีบกดมือนางไว้
“ไม่ได้”
“ฮื้ม?” กู้อ้าวเวยปัดมือเขาออกไป
มองดูท่าทางของกู้อ้าวเวย จางเหยียงซานขมวดคิ้วขวางนางไว้ และพูดว่า: “ชายหญิงทำแบบนี้ผิดศิลธรรม”
“ฝังเข็มไม่ได้ให้เจ้าทำอะไรเสียหน่อย” กู้อ้าวเวยมองบนอย่างรำคาญ ถ้าเจอหมอที่ยังคงติดขัดเรื่องชายหญิง งั้นก็ไม่รู้ว่าจะมีคนป่วยเท่าไหร่ที่ต้องตายเพราะเรื่องนี้ ตบมือที่ขวางไว้ของเขาออกไป กระพริบตาพูดว่า: “เจ้าไม่พูด ข้าไม่พูด ไม่มีคนรู้หรอก”
“อ๋องจิ้งได้ตัดมือข้าแน่” จางเหยียงซานยังจำท่าทางโกรธเมื่อวานของซ่านจินจื๋อได้ดี จึงตัวสั่นขึ้นมา
“ไม่มีจริยธรรมหมอ ข้าสอนเจ้าอย่างไร? คนมาก่อนเสมอ!” พูดคำสุดท้ายด้วยน้ำเสียงเน้นๆ กู้อ้าวเวยล้มตัวคว่ำลงนอนบนเตียง และสั่งคนให้ออกไป ถอดเสื้อนอกออกไปเบาๆ
เห็นจางเหยียงซานยังคงรู้สึกไม่สบายใจ นางครุ่นคิด ฝังตรงไหนก็เปิดตรงนั้น ยังไงฝังเข็มก็ฝังบนหลัง
นอนคว่ำลงไปบนเตียง ถอดเสื้อผ้าออก เผยให้เห็นถึงเนื้อหนังส่วนอื่น
จางเหยียงซานถอนหายใจ จับเข็มไว้นั่งลงข้างเตียง เข็มยังไม่ทันฝังลงไป กลับได้ยินเสียงประตูเปิดออก
กู้อ้าวเวยอึ้งนิ่ง รู้สึกข้างหูเหมือนมีเสียงลมพัดผ่าน เสื้อผ้าตัวเองยังคงที่เดิม จางเหยียงซานก็ล้มลงไปด้านล่างพื้น
“เจ้าศิษย์อกตัญญู!” เสียงที่คุ้นเคย
จางเหยียงซานปวดมุมปากมาก กำลังมองดูอยู่นั้นก็กดกู้อ้าวเวยเข้าไปในผ้าห่มคืน
เขาสาบาน ทั้งชีวิตนี้ของเขาจะเข้าวังอีก!
ไม่มีเรื่องดีหรอก