บทที่ 1015 รู้น้อยปลอดภัยเสียกว่า
ปลายจมูกแตะเข้าหากัน กู้อ้าวเวยยกมือขึ้นตบหน้าซ่านจินจื๋อเบาๆ
“เจ้าโกรธข้าไหมที่คิดไม่ดี?”
“เจ้าเสียความทรงจำไป และทำมันด้วยตัวตนของตัวเอง ไม่เป็นไรหรอก”
ซ่านจินจื๋อกลับนึกย้อนกลับไปถึงเรื่องเก่าๆ ทุกเรื่องหลายๆเรื่อง ก็ล้วนแต่เป็นสิ่งที่เขาต้องชดใช้ให้กับกู้อ้าวเวย ตอนนี้แม้กู้อ้าวเวยจะหลอกใช้เขาจริง ไม่มีความจริงใจให้กับเขาเลย เขาก็จะยอมเป็นคมดาบให้กับนาง ลุยให้กับนางเอง
กู้อ้าวเวยถูกสายตาตรงหน้ามองจนใบหน้าร้อนผ่าว จึงผลักคนออกไปเล็กน้อย และถามว่า: “ได้ยินว่าฉูห้าวไม่กี่วันนี้จะเข้าเมืองเทียนเหยียนแล้ว ข้าควรบอกเรื่องที่ข้าเสียความทรงจำแล้วดี หรือไม่บอกดี? เขาเป็นคนยังไงเหรอ?”
“ฉูห้าวดูแลเจ้าเหมือนเป็นพี่สาว ถึงเวลาเจ้าก็รู้เอง กุ่ยเม่ยอยู่ในวังไม่สะดวกเท่าไหร่ ต้องการให้ข้าส่งคนรู้ใจมาหรือไม่”
“ถึงแม้จะส่งมา ก็ไม่มีประโยชน์กับข้าหรอก รอข้าทำให้ยู่จุนตื่นขึ้นมาก่อน ค่อยว่ากัน” กู้อ้าวเวยส่ายหน้า
นางนึกถึงวังหลวงที่ว่างเปล่านั้น สาวรับใช้ขันทีในวังก็นับว่าน้อย ยิ่งไปกว่านั้นมีคนมากมายตั้งแต่เริ่มจนจบไม่เคยเงยหน้ามองนางเลย ยิ่งไปกว่านั้นตอนนั้นซ่านจินจื๋อแอบเอาสายสืบไว้ในวัง ก็ไม่เห็นการอยู่ของหยูนซีและยู่จุนเลย เห็นได้ว่าซ่านต้วนโฉงซ่อนไว้อย่างดีมาก
สายตาทั้งสองจริงจังขึ้นมา
ซ่านจินจื๋อครุ่นคิด เรื่องที่ควรบอกก็บอกไปหมดแล้ว จึงไม่คิดจะอยู่ต่อนาน ตอนก่อนจะไป ก็เอานิ้วมือลูบไล้ไปที่หลังใบหูนาง พูดเสียงเบาว่า: “ฝังเข็มได้เท่านั้น จะเกินขอบเขตไม่ได้ ไม่งั้น……”
“ใจแคบจริงๆเลย รีบไปเถอะ” กู้อ้าวเวยผลักเขาออกด้วยสีหน้าที่แดงระเรื่อ และพูดอย่างเขินอายว่า: “อยู่นานไป คนที่ไม่รู้คงจะคิดว่าพวกเราทำเรื่องบังอาจที่ไม่ควรทำ”
ซ่านจินจื๋อส่ายหน้า และรีบเดินออกไป
ไม่นาน ก็มีสาวรับใช้อุ้มเอาผ้าห่มนุ่มๆเข้ามา ดวงตาเปล่งประกาย
“ท่านหมอเทพ ต้องการให้หม่อมฉันเปลี่ยนผ้าปูให้ไหมเจ้าคะ……”
“ยังสะอาดอยู่เลย” หูกู้อ้าวเวยแดงแปร๊ดทันทีที่ได้ยิน
สาวรับใช้ทั่วไปในบ้านเทียบไม่ได้กับสาวรับใช้ในวังเลย แต่ละคนฉลาดเอามากๆ ขนาดเรื่องลับๆยังรู้ชัดเจนเช่นนี้
สาวรับใช้อึ้ง รีบคุกเข่าขอโทษ: “หม่อมฉันผิดไปแล้วเพคะ”
“ในนี้เป็นวังหลวง ต่อไปก็อย่าริอาจเดาสุ่มสี่สุ่มห้าเลย” กู้อ้าวเวยไอกระแอม ยกมือขึ้น: “แต่ว่าไปเรียกจางเหยียงซานมาดีกว่า และไปเอาเข็มจากโรงหมอหลวงมาอีกหนึ่งชุด”
สาวรับใช้ก็เข้าใจทันที และรีบออกไป
ไปเอาเข็มจากโรงหมอหลวง น่าจะไม่มีคนพูดอะไรแล้ว
กู้อ้าวเวยจึงนอนฟุบลงไปอีกครั้ง กำลังจะหลับลง สาวรับใช้ก็รีบเข้ามา: “ท่านหมอจางไปลงชื่อที่โรงหมอหลวง ตอนนี้กำลังรับใช้อยู่ที่ตำหนักของพระชายาจงผิง เกรงว่า……”
“เข้าใจแล้ว ข้าง่วงแล้ว” กู้อ้าวเวยหาวเสียงดัง ฟุบลงหมอนหลับไปทันที
สาวรับใช้รอเงียบๆอยู่นาน ถึงเห็นนางกลับไปแล้ว ก็ออกไปและปิดประตูเงียบๆ เฝ้าอยู่ด้านนอกประตู
ท่านหมอเทพนี้ อยู่หลังวังเป็นตำแหน่งอะไรกันแน่?
และในเวลาเดียวกัน ในตำหนักของฉีหรัว จางเหยียงซานนั่งอยู่ข้างๆด้วยความโกรธ กุ่ยเม่ยก็รู้สึกความเย็นเฉียบขึ้นครอบใจจิตใจ ชายชาตรีทั้งสองตอนนี้กลับมีท่าทีทำอะไรไม่ได้ ฉีหรัวกลับอดไม่ได้ วางแก้วลงแรงๆบนโต๊ะเสียงดัง: “พวกเจ้าสองคนก็เห็นอ๋องจิ้งครั้งเดียว คำพูดไม่กี่คำก็ทำพวกเจ้ากลัวขนาดนี้เชียวเหรอไง”
กุ่ยเม่ยส่ายหน้าติดกัน รีบพูดว่า: “ท่านอ๋องไม่รู้ว่าทำไมถึงโมโหเช่นนั้น เมื่อก่อนถ้าโกรธขนาดนี้ คงได้ฆ่าคนไปแล้ว”
“ข้าอยากออกวัง” จางเหยียงซานโกรธจนหน้าดำหน้าแดงไปหมด: “ข้าก็ไม่อยากเป็นศิษย์ของนางแล้ว จวนนั้นข้าก็ไม่เอาแล้ว”
ฉีหรัวกระตุกยิ้มเบาๆ อยากจะด่าแรงๆไปสักสองคำ แต่สุดท้ายก็พูดไม่ออก จึงพูดว่า: “แต่เมื่อกี้นางเรียกเจ้าไปฝังเข็มให้ ร่างกายของนางเป็น……”
“ช่วงนี้ปวดหัว ปวดเอวด้วย เป็นเพราะเลือดไหลเวียนไม่ดี และถ้ากินยาพวกนั้นเข้าไปด้วยก็จะเป็นพิษต่อร่างกาย ให้ช่วงนี้ผ่านไปก่อนถึงจะเป็นเวลาเหมาะของการฝังเข็ม” จางเหยียงซานพูดถึงตรงนี้ ก็สบตากับกุ่ยเม่ย ทั้งสองก็สงบลงมามาก
ฉีหรัวไม่เข้าใจจริงๆ แต่ก็รู้ว่าในวังมีคนมองอยู่มาก กู้อ้าวเวยให้จางเหยียงซานลงมือเอง เพื่อไม่ให้คนอื่นสบโอกาสสืบเรื่องอะไรไปได้ กู้อ้าวเวยไม่ตายเพราะพิษหรอก แต่ถ้าเรื่องความลับที่ฝ่าบาทเก็บไว้แพร่งพรายออกไป คงจะเป็นเรื่องไม่ดีเสียเท่าไหร่
“ไม่งั้น พรุ่งนี้ข้าไปพร้อมเจ้า ถ้าเป็นอย่างนี้ อ๋องจิ้งก็คงไม่ทำอะไรเจ้า” ฉีหรัวเสนอความเห็น
จางเหยียงซานตอบตกลงด้วยสีหน้าซีดเผือด
เช้าวันต่อมา ทั้งสองก็เข้าวังไปเคารพฮองเฮา เสร็จแล้วจึงจะไปตำหนักข้าง กลับถูกสาวรับใช้บอกว่า: “ท่านหมอเทพเมื่อคืนกลับมาดึก เมื่อกี้ถึงหลับไป ขอเชิญพระชายาจงผิงและท่านหมอจางรอสักครู่”
เมื่อคืนกลับดึก?
ทั้งสองสบตากัน แต่กลับนึกไม่ออกว่ากู้อ้าวเวยไปไหน
และตอนนี้คนที่กำลังหลับอยู่นั้นเมื่อคืนพึ่งกลับมาจากตำหนักของยู่จุน งานเขียนเสร็จแล้ว สมุนไพรในมือก็เก็บได้มาไม่น้อย จึงวิจัยเสียเพลิน ฟ้าส่างถึงได้กลับมา หลับไปพร้อมความหนาว นอนไม่สนิทเท่าไหร่
ได้ยินเสียงเล็กเสียงน้อยด้านนอก กู้อ้าวเวยถึงลุกขึ้นมา พูดด้วยเสียงที่แหบว่า: “ฮองเฮามาเหรอ?”
“พระชายาอ๋องจงผิงกับท่านหมอจางเพคะ” สาวรับใช้เข้ามารายงาน เห็นกู้อ้าวเวยยังไม่ถอดเสื้อกันหนาว ยังอยากจะไปจัดการให้ กลับเห็นกู้อ้าวเวยหรี่ตาเล็กน้อย พลิกตัวฟุบลงไปบนเตียงอีกครั้ง หัวหมุดลงหมอนอย่างนั้นและพูดว่า: “เรียกสองคนเข้ามา และไปเอาเข็มเมื่อวานมาด้วย ถ้าต่อไปมีคนมาอีก ก็บอกว่าท่านหมอจางกำลังฝังเข็มให้กับข้า อย่าได้เข้ามาเด็ดขาด”
“แต่ฮองเฮาบอกว่าท่านหมอเทพวันนี้จะได้ไปจัดการเรื่องของเฉิงกุ้ยเหริน……”
“เฉินกุ้ยเหรินเป็นหลานของฮองเฮาท่านก่อน และยังเป็นเพราะใจร้อน ข้าไม่ติดตามต่อ เรื่องของหลังวังมีฮองเฮาตัดสินใจนั้นดีแล้ว” กู้อ้าวเวยพูดจนจบ ในคำพูดนั้นก็หมายความว่าไม่อยากยุ่งกับเรื่องนี้
สาวรับใช้ได้ยินเช่นนั้น ก็จึงทำตามที่สั่งไป
ฉีหรัวพาจางเหยียงซานเข้ามา จางเหยียงซานจึงล็อกประตูแน่น ถึงฝังเข็มให้กับนาง
ฉีหรัวกลับถามว่า: “ได้ยินว่าเมื่อคืนเจ้ากลับดึก แต่ว่า……”
“ไม่มีคนทำอะไรข้าหรอก แต่พวกเจ้ารู้ยิ่งน้อยยิ่งดี จะได้ไม่เป็นอันตราย” กู้อ้าวเวยพูดเสียงเบา แผ่นหลังของนางก็เผยให้จางเหยียงซานกับฉีหรัวได้เห็นเต็มสองตา เป็นบาดแผลอ่อนๆ ฉีหรัวเห็นจนขมวดคิ้วไม่หยุด โดยเฉพาะบาดแผลตรงมือที่หายเมื่อไม่นานมานี้ มองดูจนทำเอานางเจ็บปวดหัวใจ
กู้อ้าวเวยถูกฉีหรัวมองจนรู้สึกไม่ดี จึงหันไปมองนาง หัวเราะพูดว่า: “ไม่นานจะถึงวันแต่งแล้ว เจ้าเตรียมตัวเสร็จแล้วหรือยัง?”
“ยังเตรียมไม่เสร็จเลย ต้องเชิญรัชทายาทเอ่อตานมาเมืองเทียนเหยียนก่อน” พอพูดถึงเรื่องงานแต่ง ฉีหรัวก็อดไม่ได้พูดออกไป
กู้อ้าวเวยยิ้ม และถามต่อว่า: “หยินเชี่ยวท้องเป็นยังไงบ้าง?”
“ไม่กี่วันก็จะคลอดแล้ว ฉีหลินอยู่บ้านเป็นกังวลแทบบ้าคลั่ง ท่านพ่อก็ใจร้อนตามไปด้วย”
ไม่นาน ทั้งสองก็พูดคุยกันอยู่นาน กู้อ้าวเวยกลับลืมความเจ็บปวดบนหลังไป และหัวเราะออกมา