บทที่ 1029 กามรมณ์มอมเมาสติ
รีบชักมือกลับมายันฝ่ามือบนหัวเตียงแล้วหยัดตัวลุกขึ้น ปลายจมูกแตะกันเล็กน้อย เขายิ่งลุกลี้ลุกลี้มากขึ้น “ไยข้าจะไปหา…”
“แล้วทำไมท่านถึงบอกว่าข้าเป็นพวกหัวเด็ดตีนขาด!” กู้อ้าวเวยกำเสื้อของเขาแล้วดึงเขาขึ้นมา “อีกอย่างเรื่องเมื่อคืน ท่านเล่าให้ข้าฟังตั้งแต่ต้นจนจบหนึ่งรอบ ไม่ว่าท่านแตะต้องปลายเล็บนิ้วไหนของนาง ข้าก็จะให้ลูกไม่ยอมรับท่านเป็นพ่อทั้งนั้น”
ซ่านจินจื๋อหายใจเฮือก รีบโอบนางเข้าสู่อ้อมกอดทันที
“ข้าเล่าๆ”
“ไม่ต้องมากอดรัดฟัดเหวี่ยงเลย เมื่อครู่คนที่โยนข้าเข้าวังแล้วยังให้ข้าตั้งมั่นคุณธรรมสูงส่งคือใครกัน”
สิ่งที่ตามมาคือเสียงข้าวของบางอย่างกระแทกหัวเตียง
จางเหยียงซานที่ยังไม่เคาะประตูอยู่ข้างนอกปั้นหน้าดำคร่ำเครียด รีบออกไปอย่างเดือดดาล
ซางนิงเดินปาดไหลจางเหยียงซานด้วยท่าทางแปลกประหลาด “เจ้าไม่เข้าไป?”
“ผู้อาวุโสลองดูก่อนสักครั้งสิ” จางเหยียงซานประสานมือคารวะน้อยๆ ด้วยอาการกึ่งยิ้มกึ่งไม่ยิ้ม
ซางนิงรีบร้อนกลับมาจากตำหนักฮองเฮาก็เพื่ออารักขาความปลอดภัยของกู้อ้าวเวย ถือโอกาสเตือนอ๋องจิ้งกว่าอย่าเข้ามาสืบข่าวในวังต่อเนื่องอย่างได้คืบจะเอาศอก แต่เพิ่งเดินมาถึงหน้าประตู ก็ได้ยินเพียงเสียงอู้อี้ๆ ของซ่านจินจื๋อดังลอยมาจากด้านใน กระทั่งเจือแววน้อยเนื้อต่ำใจที่ไม่เคยพบมาก่อนเลย
“ข้าผิดไปแล้ว ใจเย็นๆ ก่อนดีหรือไม่”
ซ่านจินจื๋อลุกจากเตียงอย่างเอาใจ แล้วกอดคนที่ห่อตัวเป็นลูกกลมๆ เข้าสู่อ้อมกอด
“มีขอะไรให้ต้องใจเย็น อย่างไรเสียร่างกายสะบักสะบอมของข้ามีหรือจะเทียบเนื้อนุ่มนิ้มไร้กระดูกของแม่นางซวนเอ๋อได้ นัยน์ตาทอประกายแวววาว เกรงว่าตลอดทั้งคืนอ๋องจิ้งคงอดใจไม่ไว้ทำผิดครั้งใหญ่ไปแล้ว ข้าเป็นแค่หมอคนหนึ่งคงปีนเกลียวไม่ไหวจริงๆ!”
หลังจากได้ยินเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อคืน กู้อ้าวเวยก็ยิ่งมีน้ำโหมากขึ้นเรื่อยๆ
ถึงแม้เมื่อวานเขาจะถูกวางยา แต่เขาก็ยังคงกดแขนแทบแตกมิอาจทำเรื่องอะไรได้ แต่วันนี้ถึงกับบอกว่านางหัวเด็ดตีนขาดเชีย!
เปลี่ยนวิธีพูดคือกำลังบอกว่านางไม่เข้าใจความเสน่หา ไม่อ่อนโยน เป็นเรื่องที่น่าโมโหยิ่งนัก!
ถูกคำพูดเป็นชุดขนาดนี้ทำเอาสำลักไม่รู้ว่าควรเริ่มขอโทษจุดไหนดี หัวใจของซ่านจินจื๋อกลับอบอุ่นขึ้นวูบหนึ่ง ภายนอกก็ได้แต่ขยี้ผมนางอย่างเอาใจ กล่าวเสียงทุ้ม “เมื่อครู่เจ้าเตะได้ดีจริงๆ”
“ข้าดูแล้วไม่ดีเลยสักนิดเดียว ควรจะเตะท่านจนมีลูกหลานไม่ได้ แล้วแพร่งพรายข่าวที่ท่านไร้สมรรถภาพไปทั่วเมืองเทียนเหยียนถึงจะถูก” กู้อ้าวเวยกลอกตาอย่างไม่รักษาภาพพจน์ พลิกตัวผลักเขาออกไปน้อยๆ สายตาเย็นเยียบ “ถ้าหากท่านกล้าบอกว่าข้านิสัยเปลี่ยนไปมาก เอะอะไร้เหตุผล วันหน้าท่านก็เป็น คนแปลกหน้ากับข้าก็สิ้นเรื่อง”
พันไม่ควร หมื่นไม่ควรเด็ดขาด!
ซ่านจินจื๋อทำเพียงตำหนิความไม่พอใจของตน ส่งผลให้ก่อเรื่องจนกู้อ้าวเวยลอบผูกพยาบาทมานานแสนนานเช่นนี้
แต่ว่ายามนี้เห็นสีหน้าหลากหลายบนหน้านางแล้ว ซ่านจินจื๋อได้แต่นวดท้องของตนที่ถูกเตะจนปวดตุบเบาๆ แล้วนั่งลงข้างเตียงอย่างว่าง่าย “วันหน้าเจ้าควรจะโกรธมากกว่านี้หน่อย”
สิ่งที่แลกมานั้นเป็นหมอนหนึ่งใบที่กระแทกบานประตู
ซ่านจินจื๋อยกมือขึ้นรับหมอนเอาไว้ เพิ่งคิดจะโต้กลับสักยก ดวงหน้าของคนผู้นั้นกลับประชิดเข้าใกล้เสียแล้ว ริมฝีปากแนบสนิทกัน ช่วงชิงลมหายใจที่เหลืออยู่เล็กน้อยของเขากลืนกินลงไป ปลายนิ้วของกู้อ้าวเวยร่วงลงบนไหล่ของเขา คุกเข่าอยู่บนเตียงแล้วโจมตีคูเมืองต่อไป
ซ่านจินจื๋อถูกบีบให้แหงนหน้าขึ้น ยกมือวางลงบนลำคอของนางพลางออกแรงเล็กน้อย
นางมักจะเผด็จการเช่นนี้เสมอ
เผด็จการเสียจนกวาดม้วนทุกแห่งหน แม้แต่มืองสองข้างนั้นก็ยังลากไล้ลงไปเบื้องล่างอย่างไม่สงวนท่าที แต่ช่วยไม่ได้ที่ตำแหน่งของทั้งสองคนไม่สามารถร่วงลงไปได้ กู้อ้าวเวยขบปลายนิ้วที่เป็นฝ่ายถูกกระทำเบาๆ ด้วยความชั่วร้าย เห็นดวงตาซ่านจินจื๋อเจือความขมขื่นหลายส่วน จึงผละออกมาพร้อมกับมุมตาโค้งองศา “คิดไม่ถึงว่าท่านจะชอบถูกคนเตะ?”
“มีแต่เจ้า” ปลายลิ้นซ่านจินจื๋อปวดตุบ ค่อยๆ หยัดตัวลุกขึ้นมาจากเตียง รวบตัวนางเข้าอ้อมอกโดยตรง กลับถูกมือของกู้อ้าวเวยกดเข้าที่หลังคอ นางยังนั่งหัวเราะน้อยๆ อยู่บนตักเขา “แล้วอาการเอะอะไร้เหตุผลเมื่อครู่ของข้า ท่านก็ชอบด้วย?”
“แบบไหนก็ชอบทั้งนั้น” ซ่านจินจื๋อบรีบข้างเอวของนางเบาๆ แทบทนไม่ไหวอยากเขมือบผู้หญิงที่ทั้งเผด็จการทั้งน่ารักคนนี้ลงท้องไปในทันที ส่วนกู้อ้าวเวยกลับประชิดเข้ามาตามความปรารถนาของเขา ยามนี้ดูเหมือนว่าดวงตาใสกระจ่างคู่นั้นจะยิ่งกลมโตขึ้นเล็กน้อย “เช่นนั้นข้าจะเอะอะแล้วนะ”
“เอะอะอย่างไร” ซ่านจินจื๋อโอบรัดคนในอ้อมแขนขึ้นอีกเล็กน้อย มืออีกข้างกลับบีบต้นขาของนาง “ต้นขาก็ผอมขนาดนี้ เกรงว่าผีภูเขาโผล่มาก็คงไม่อยากกินเจ้าแน่ เลี่ยงมิให้กัดกระดูกมากเกินไปจนฟันแตกทั้งปาก”
“ใช่แล้วๆ ก็ข้ากินไม่อ้วนนี่ ไหนเลยจะเหมือนกับเนินเขาสองข้างที่ตอนนี้ยังแน่นปึกของอ๋องจิ้งกันเล่า”
กู้อ้าวเวยตบเข้าที่บริเวณนั้นอย่างจังหนึ่งครา
ซ่านจินจื๋อกลับรู้สึกเพียงว่าใบหน้าร้อนวูบวาบ เพลิงใต้ท้องแผดเผาหัวใจ ร้อนระอุจนยากจะทนไหว
“คำพูดหยาบโลนพวกนี้ไปเรียนมาจากไหน” ซ่านจินจื๋อบีบหลังคอของนาง
“ไม่มีใครสอนแต่เป็นเอง ท่านคิดว่านัยน์ตาสีดอกท้อของข้าปรุงแต่งจริงๆ หรือ” กู้อ้าวเวยผลักเขาออกด้วยรอยยิ้มละไม ไม่สนใจเรื่องที่ตนจุดชนวนทุกหนทุกแห่งเมื่อครู่แม้แต่น้อย แต่ติดที่มือที่เห็นข้อต่อชัดเจนซึ่งอยู่หลังคอคู่นั้น จึงไม่สามารถผละออกได้สมบูรณ์ “จากนี้ไปจะทิ้งให้ข้าอยู่ในวังแห่งนี้เพียงลำพัง ไม่กลัวว่านัยน์ตาสีดอกท้อของข้าจะโอ้โลมคน หรือไม่ก็ยกบทแสดงวีรุบุรุษช่วยสาวงามให้คนอื่นหรือ?”
“เจ้ากล้า”
“ข้ากล้าทำทุกอย่างอยู่แล้ว อย่างไรเสียท่านก็เป็นคนแบกรับทุกอย่างอยู่แล้ว ใช่หรือไม่ใช่”
กู้อ้าวเวยกล่าวเช่นนี้ นัยน์ตาทอประกายสีแห่งวสันต์ลับผ่านไป แล้วกะพริบตาปริบๆ อย่างแผ่วเบา
ช่างโอ้โลมผู้คนจริงๆ
“เจ้าอยากออกไปหาชายป่าเถื่อน แล้วยังอยากให้ข้าคอบอุ้มชูเจ้า?” ซ่านจินจื๋อค่อยๆ ออกแรง มืออีกข้างหนึ่งไล้วนเรือนผมของนาง “ดูท่าข้าคงไม่อาจปล่อยให้เจ้าพักอยู่วังหลังเพียงลำพังเสียแล้ว”
“เช่นนั้นท่านควรทำอย่างไร” กู้อ้าวเวยตบพวงแก้มของเขาเบาๆ พลางยิ้มละไม
“แข็งขืนโจมตีใช้ไม่ได้ มิตรภาพระหว่างพี่น้องอ้างไม่ได้ เจ้าคิดว่าควทำอย่างไรดี” ซ่านจินจื๋อทำทีเป็นปวดหัว ไม่สนใจมือที่ยังคงจุดไฟปรารถนาข้างนั้น
“เช่นนั้นท่านก็ปลอบประโลมข้าหน่อย” กู้อ้าวเวยปลดป้ายลงจากช่วงเอวของเขาทันใด บนนั้นเขียนคำว่าจิ้งไว้เด่นหรา
นางย่อมไม่รู้ว่าป้ายนี้สลักสำคัญเพียงใด เพียงแต่เห็นซ่านจินจื๋อพกเอาไว้ทุกวัน
ซ่านจินจื๋อหน้าเปลี่ยนสี ทำเพียงดึงนางเข้ามาในอ้อมกอด “ป้ายมอบให้เจ้า วันนี้เจ้าก็เป็นของข้า ว่าอย่างไร”
“ป้ายนี้เทียบกับเวลาหนึ่งวันของข้าได้หรือ?” กู้อ้าวเวยรู้สึกแขยงแขงขนน้อยๆ ในทันที
“มีป้ายนี้แล้ว ทหารใต้อำนาจข้าก็ปล่อยเจ้าเคลื่อนย้ายตามสบาย เจ้าคิดว่าคุ้มหรือไม่” ซ่านจินจื๋อค่อยๆ หยัดตัวขึ้นแล้ววางนางลงบนเตียง
เรือนผมดำขลับแผ่สยายลงบนเตียง ซ่านจินจื๋อวางป้ายนั้นไว้ใต้หมอน แล้วปิดปากที่เอาแต่พูดแว้ดๆ ไม่หยุดก่อนที่กู้อ้าวเวยจะเอ่ยปฏิเสธใดๆ
กู้อ้าวเวยทำได้แค่หอบหายใจ ถือช่องโหว้ตอนที่ซ่านจินจื๋อปลดเข็มขัดออกแล้วทุบลงบนไหล่เขาเบาๆ “เรื่องข้างนอก…”
“เจ้าเตะข้าอีกสองครา วันหน้าเรื่องเล็กน้อยข้างนอกเจ้าก็ไม่ต้องจัดการแล้ว ว่าย่างไร”
“ท่านว่าข้าเป็นตัวถ่วง?” นัยน์ตางามกู้อ้าวเวยเลิกขึ้นหมายจะเตะผู้ชายคนนี้ลงไป
คว้าหมับเข้าที่เท้างามเรียวเล็ก ซ่านจินจื๋อโน้มตัวไปข้างหน้า “แต่ไรมาไม่เคยรังเกียจเจ้า เพียงแต่ฮูหยินลำบากซูบผอม สามีปวดใจ”
รังแต่ทำให้กู้อ้าวเวยหน้าแดงซ่าน ครั้งนี้ก็เตะไม่ลงเสียแล้ว
การเคลื่อนไหวภายในห้องค่อยๆ เปลี่ยนอารมณ์ ซางนิงที่อยู่นอกประตูได้แต่เดินสาวเท้าฉับๆ ออกไปด้วยสีหน้ามืดมนอาการน้ำตาจวนนองหน้า กามรมณ์มอมเมาสติ ไร้ว่าจะไร้เหตุผล