บทที่ 1036 ข้าติดค้างพวกนาง
ปีกโค้งงอไปด้านข้าง นกพิราบบินลงบนแขนของเฉิงซานอย่างมั่นคง
เป็นสาส์นมาจากอารามไป๋หม่า หลังเฉิงซานดูแล้วหนึ่งรอบ แล้วก็ยื่นให้กับซ่านจินจื๋อ “ท่านอ๋อง องค์หญิงพบร่องรอยของซูพ่านเอ๋อกับเที่ยวการ บอกว่าพวกนางกำลังมุ่งหน้าไปทางเมืองเทียนเหนียน”
หลังจากอ่านข้อความทุกคำทุกประโยคบนสาส์นแล้ว ซ่านจินจื๋อนิ่งเงียบ
ตอนนั้นถึงจะไม่รู้ว่าทำไมกู้อ้าวเวยถึงได้ปล่อยซูพ่านเอ๋อไป แต่ตอนนี้ทั้งสองคนน่าจะไม่มีที่พึ่ง ทำไมถึงยังกล้ามาเมืองเทียนเหยียน แต่ต้องหัวคิ้วของตน หรือมาเพื่อแก้แค้นตนเองกับกู้อ้าวเวย
ก่อนหน้านี้หากไม่ใช่เพราะหลิงเอ๋อร์พูดขึ้นมาเองว่าต้องการที่จะไปสืบหาเบาะแสที่อารามไป๋หม่า ตอนนั้นเขาไม่มีความคิดที่จะไปอารามไป๋หม่าเลย แม้แต่เรื่องที่เขาก็ยังไม่รู้ คนอื่นก็ไม่มีทางสืบรู้แน่ งั้นซูพ่านเอ๋อกับเมี่ยวหารก็คงยังไม่รู้เรื่องที่พวกเขาจะเข้าเมืองเป็นที่ล่วงรู้แล้ว
ดังนั้น พวกนางอยากที่จะแอบหลบเข้าเมือง
ไม่ว่าเป้าหมายคืออะไร ซ่านจินจื๋อก็ยังรู้สึกว่าเรื่องพวกนี้ไม่ใช่เรื่องที่ง่ายๆธรรมดาแน่
คนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับพวกเขาในตอนนั้น หลายคนที่มีความเกี่ยวพันกันลึกซึ้งตอนนี้ก็หายสาบสูญไปหมดแล้ว
องค์ชายเก้าหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย กู้เฉิงก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงถูกลักพาตัวไป เมี่ยวหารกับซูพ่านเอ๋อกลับกำลังจะมาเมืองเทียนเหนียน อีกอย่างจนถึงตอนนี้เขายังไม่รู้ว่าทำไมเมิ่งซู่ถึงได้บอกว่าป่วยจนไม่สามารถขึ้นว่าราชการสามเดือน
สิ่งที่ถูกลิขิตไว้แล้วท่ามกลางความมืดมน เหมือนมีคนกำลังชักนำคนที่เกี่ยวข้องเข้ามายังเมืองเทียนเหยียน
มีเขาอย่างไม่ต้องสงสัย ซ่านจินจื๋อตัดสินใจในทันใด “เอาภาพวาดซูพ่านเอ๋อกับเมี่ยวหารแจกออกไป หากเห็นร่องรอยของคนทั้งสองอีก ให้จับตัวไปขังไว้ยังคุกใต้ดิน”
“ขอรับ”
พูดเสร็จ เฉิงซานถวายความเคารพแล้วก็ถอยออกไป เฉิงยีกลับเดินเข้ามา
“ท่านอ๋อง คุณหนูตงฟางมาขอเข้าพบ บอกว่ามีเรื่องสำคัญต้องการปรึกษา”
“ให้นางเข้ามา”
เพราะความเข้าใจผิดในก่อนหน้านี้ เดิมซ่านจินจื๋อไม่อยากที่จะยุ่งเกี่ยวกับตงฟางซวยเอ๋อ บวกกับวันนั้นไม่รู้ว่าใครปล่อยข่าวร่ำลือกันว่าเขาอุ้มตงฟางซวนเอ๋อออกจากวัง บวกกับรายวันนี้ฮองเฮาถูกลอบทำร้าย เดิมคิดว่าตอนนี้ตงฟางซวนเอ๋อควรที่จะอยู่ในวัง
แต่ตอนนี้ตงฟางซวนเอ๋อ เปลี่ยนสวมชุดกระโปรงยาวสีขาวสง่างาม เข้ามาถวายความเคารพให้กับซ่านจินจื๋อ “ท่านอ๋องจิ้ง”
“มีเรื่องอะไร?” ซ่านจินจื๋อแสดงท่าทีบอกให้นางไม่จำเป็นต้องถวายความเคารพ”
“คืนก่อนเขาเจอคนเร้นลับคนหนึ่งในวัง” ตงฟางซวนเอ๋อเดินมาตรงด้านหน้าโต๊ะของซ่านจินจื๋อ สีหน้าปกติ มือทั้งคู่กลับกำชายแขนเสื้อไว้อย่างระมัดระวัง ท่าทีไม่เป็นสุข
ซ่านจินจื๋อโบกมือเบาๆ ให้ทุกคนในห้องถอยออกไป
เมื่อประตูปิดลง ตงฟางซวนเอ๋อค่อยย้ายไปนั่งบนเก้าอี้ด้านข้าง มือกอดแขนไว้อย่างไม่เป็นสุข มองดูสีหน้าเยือกเย็นนั้นของซ่านจินจื๋ออย่างระมัดระวัง พูดขึ้นด้วยเสียงเบาว่า “เขาอาศัยตอนที่ข้ากำลังกระสับกระส่ายเพราะท่านป้าถูกลอบทำร้าย บอกว่าจะช่วยฆ่าล้างแค้น ขอเพียงข้าช่วยเขาปล่อยคนที่อยู่ในคุกจวนอ๋องจงผิงออกไป”
ท่าทีซ่านจินจื๋อที่ถือเอกสารราชการไว้หยุดชะงักทันที หัวคิ้วชนกัน
“เขายังพูดอะไรอีก?”
“เขาพูดเพียงแค่นี้ ตอนนั้นข้าก็อยากที่จะทำตามข้อเสนอของเขา หาตัวคนร้ายที่ทำร้ายท่านป้า แต่สุดท้ายเมื่อข้าไปสอบถามทั่วทั้งวัน ก็ไม่พบว่ามีใครรู้เรื่องที่มีคนซ่อนอยู่ภายในวัง ข้าไม่สบายใจ จึงแกล้งไม่สบายแล้วกลับมายังจวนตงฟาง เมื่อคืนก็ได้ยินข่าวว่าเกิดเรื่องที่จวนอ๋องจงผิงอีก ข้าจึงหวาดกลัวมาก”
สีหน้าตงฟางซวนเอ๋อขาวซีด กอดแขนตัวเองไว้แล้วก็พูดพึมพำว่า “คิดไปคิดมา ข้าก็อยากที่จะมาบอกกับท่านอ๋อง เพื่อต่อไปจะได้ไม่เป็นภัยต่อตนเอง”
ตงฟางซวนเอ๋อในฐานะที่เป็นลูกสาวของตระกูลตงฟาง อยากที่จะพึ่งพาซ่านจินจื๋อผู้มีอำนาจนี้ ก็จะต้องแสดงถึงความจริงใจอย่างที่สุด
อีกอย่างเรื่องที่ตงฟางซวนเอ๋อพูดมาก็มีคนสามารถทำได้จริง
ถ้าไม่อย่างนั้นก็เป็นตงฟางซวนเอ๋อเองที่เป็นโจรแล้วเรียกหาจับโจร ถ้าไม่อย่างนั้นก็มีคนอีกคนที่กระทำเรื่องนี้
แต่ตามที่ซ่านจินจื๋อเห็น ตงฟางซวนเอ๋อไม่มีความสามารถที่จะไปช่วยคนออกมาจากคุกในจวนอ๋องจงผิง
“หยวนเอ๋อ เจ้าเห็นว่าอย่างไร?” ซ่านจินจื๋อก้มหน้าดูเอกสารราชการต่อ
ตงฟางซวนเอ๋ออึ้งไปเล็กน้อย แล้วก็มองเห็นอ๋องจงผิงซ่านเชียนหยวนกำลังเดินอ้อมออกมาทางด้านหลังม่าน ในมือถือตำราที่ไม่มีชื่อกำกับไว้ มองด้วยแววตาเย็นชาแล้วพูดว่า “คนๆนั้นไปขอให้เจ้าช่วย เพราะคิดว่าตระกูลตงฟางมีความสามารถเข้าไปหลังจวนของข้าได้ สามารถพาคนออกไปจากคุกทางหลังจวน”
ตงฟางซวนเอ๋อรีบลุกขึ้นมาอย่างร้อนรน พูดขึ้นด้วยสีหน้าขาวซีดว่า “ท่านอ๋องจงผิง ตระกูลตงฟางซื่อของเราไม่มีใครมีความสามารถขนาดนั้นแน่ ถึงได้ไม่ลงมือ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ อาหลานทั้งสองก็ไม่ได้ทำให้ตงฟางซวนเอ๋อต้องลำบากใจ ซ่านจินจื๋อกลับบอกให้นางกลับไปเลย
ถึงแม้ตงฟางซวนเอ๋อจะไม่พอใจอย่างมาก แต่การที่นางมาบอกเล่าความจริงได้บรรลุตามเป้าหมายแล้ว
เมื่อจากไปแล้ว ซ่านเชียนหยวนที่อยู่ในห้องหนังสือ วางสมุดบันทึกรายชื่อขุนนางพวกนั้นลง แล้วถามซ่านจินจื๋อว่า “เสด็จอา เจ้าคิดว่าเรื่องนี้จริงหรือเท็จ?”
“เมื่อกี้เฉิงเอ้อได้ออกไปสืบเรื่องนี้แล้ว เพียงแค่ต้องรู้ว่าหลายวันนี้นางหลบซ่อนตัวอยู่ในจวนตงฟางจริงหรือไม่ หรือตอนที่นางอยู่ในวังได้ส่งคนตามหาบุคคลลึกลับคนนั้นจริงหรือไม่ แค่นี้ก็รู้แล้วว่าที่นางพูดมาจริงหรือเท็จ” ซ่านจินจื๋อหยิบสมุดรายชื่อนั้นขึ้นมาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด สายตามองไปยังหน้าต่างด้านหลังม่านที่เปิดอยู่
ซ่านเขียนหยวนเมื่อรู้ว่าตงฟางซวนเอ๋อมา ก็กระโดดออกไปทางหน้าต่างไป
“ตงฟางซวนเอ๋อมา เจ้าตื่นเต้นจนถึงขั้นต้องกระโดดออกไปจากทางหน้าต่าง?” ซ่านจินจื๋พูดล้อ
“ไม่ได้เป็นเช่นนั้น” ซ่านเขียนหยวนเอามือลูบปลายจมูกอย่างละอายใจ มองดูซ่านจินจื๋ออย่างมีเลศนัยแล้วพูดว่า “ตอนนี้นับว่าฉีหรัวถือเป็นพี่สาวบุญธรรมของฉูห้าว งั้นกู้อ้าวเวยก็นับว่าเป็นญาติของข้าแล้ว ยังไงข้าก็ต้องเฝ้าดูแทนคนบ้านเดียวกัน เพื่อป้องกันไม่ให้เสด็จอาเจ้าไปมีชู้”
“ค่อกแคร่ก…”
กระบอกจดหมายที่เมื่อกี้ซ่านจินจื๋อกดออกมาถูกหักขาด ปรากฏให้เห็นจดหมายลับที่อยู่ภายใน
“มีชู้?” ซ่านจินจื๋อพูดซ้ำด้วยสีหน้าเยือกเย็น
“ยังไงสาวๆของเสด็จอาก็มีไม่น้อย ตงฟางซวนเอ๋อคนนี้ก็เป็นสาวงามมีความสามารถ” ซ่านจินจื๋ยิ้มแห้งๆแล้วก็ถอยหลังไปหลายก้าว พร้อมโบกมือพูดขึ้นว่า “ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องนี้ ข้าแปลกใจที่เจ้าส่งหลิงเอ๋อร์ไปไกลแสนไกลขนาดนั้น ไม่กลัวจะเกิดเรื่องกับนางหรือ? หลายวันนี้หมิ่นเอ๋ออยู่กับโม่ซาน แต่ก็พูดถึงเรียกหาแต่ชื่อของหลิงเอ๋อร์”
ถูกเปลี่ยนเรื่องที่พูด สีหน้าซ่านจินจื๋อค่อยอ่อนโยนขึ้นมาบ้าง วางของลงแล้วพูดขึ้นด้วยเสียงต่ำว่า “ให้นางอยู่ที่นั่นก่อน ที่นั่นปลอด….”
“ปล่อยข้า”
เสียงผู้หญิงที่คุ้นเคยตะโกนดังขึ้น ประตูถูกผลักเปิดออกอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย
กู้ซวงที่มีรูปร่างหน้าตาเหมือนกับกู้อ้าวเวยเดินพลุ่งเข้ามา สะบัดองครักษ์ที่คิดจะเข้ามาขวางทางนางทั้งสองข้าง มองดูซ่านจินจื๋อด้วยดวงตาแดงก่ำ “ข้าได้ยินหมดแล้ว เจ้าปล่อยให้หลานสาวแท้ๆของเจ้าไปเสี่ยงอันตรายได้ยังไง”
ซ่านเชียนหยวนอึ้ง นางคงได้ยินพวกเขาสองคนพูดยังไม่จบก็พุ่งเข้ามาแล้ว เพิ่งคิดอยากอธิบาย กลับเห็นสายตาเยือกเย็นของซ่านจินจื๋อ เหมือนกำลังบอกให้เขาหุบปากไม่ต้องอธิบาย
ส่วนซ่านจินจื๋อกลับค่อยๆลุกขึ้นยืนอย่างเชื่องช้าแล้วพูดว่า “วันนั้นคนที่ป้อนยาพิษให้กับหมิ่นเอ๋อ ไม่ใช่ข้า”
สีหน้ากู้ซวงเปลี่ยนไปทันที แล้วก็กระพริบตาอย่างค่อนข้างละอายใจ พูดขึ้นด้วยเสียงเบาว่า “ตอนนั้นข้า…ถูกบังคับ ตลอดชีวิตนี้พวกนางทั้งสองพี่น้องลำบากมามากพอแล้ว ข้า…ขอท่านอ๋องเห็นแก่ที่พวกนางเป็นหลานสาวแท้ๆของท่าน…”
“ขอเพียงเจ้ายอมเป็นตัวแทนกู้อ้าวเวย ข้าก็จะรับปากเจ้ารับหลิงเอ๋อร์กลับมา”
กู้ซวงเบิกตากลมโต เหมือนความน้อยใจที่ทั้งชีวิตนี้เป็นได้แค่ตัวแทนของคนอื่นพูดขึ้นมาในใจ
“หากเจ้าไม่รับปาก อีกไม่กี่วันหมิ่นเอ๋อข้าก็จะส่งออกไป” ซ่านจินจื๋อพูดขึ้นด้วยเสียงเย็นชา
“ข้า…ข้ารับปาก ขอเพียงเจ้าดูแลพวกนางให้ดี” กู้ซวงรีบก้าวเดินมาข้างหน้า มือกำหมัดแน่น น้ำตาไหลอาบแก้ม “นี่เป็นสิ่งที่ข้าติดข้างพวกนาง”