บทที่ 1044 ทางเลือกการแก้แค้น
อาวุธลับลอยออกมา กระบี่ยาวส่ายไปมาตรงหน้าและมีแสงสว่าง มันคือการสร้างพลัง
พลังด้านนอกคนผู้นั้นกลับเห็นซ่านจินจื๋อดวงตาสีแดงกล้ำ แท่งบุหรี่ในมือที่หมุนอยู่ในมือสองรอบ สายตามองอย่างดูถูก: “เพื่อผู้หญิงคนเดียวถึงขั้นคิดไม่ตกถึงเพียงนี้ ราชวงศ์ซ่านเป็นเช่นนี้มาตลอด ไม่ทราบความรักอยู่ที่ใด และไม่รู้ว่าความรักสองคำเหมือนดั่งคำสาป ขอร้องแทบตาย ก็ยังออกมาไม่ได้”
ราชวงศ์ซ่านอีกแล้ว……
ซ่านจินจื๋อขมวดคิ้วแน่น กระโดดลงกิ่งไม้เบาๆ พลังนั้นกลับหยุดลงตาม คนที่หลบอยู่มุมมืดมองเส้นเงินนั้นอย่างละเอียด แต่กลับไม่ได้ลงมือจริง กลับกันคือกุ่ยเม่ยกับเฉิงซานที่ถูกล้อมไว้ ยากที่จะออกมา
คนที่อยู่นอกพลังนั้นหัวเราะออกมาเสียงดัง: “อ๋องจิ้งรู้ดีจริงๆ แต่ก็ไร้ประโยชน์อยู่ดี”
“เมืองเหยสุ่ยเป็นเครื่องมือของคนอื่นตั้งแต่เมื่อไหร่?”
ซ่านจินจื๋อมองด้วยสายตาเย็นชา มือกำดาบไว้แน่น แต่กลับไม่ลงมือเสียที
“ดูแล้วท่านจะไม่รู้ว่าเมืองเหยสุ่ยของข้าเป็นรับใช้ใคร”
แม่หญิงตู้หัวเราะเย็นชา มองดูซ่านจินจื๋อคิ้วขมวดแต่ยังไม่ดูหน้าตาคนด้านหลัง คิดแล้วก็รู้สึกน่าขำสิ้นดี
ก่อนหน้านี้นางเคยจัดการกู้เฉิงเพื่อกู้อ้าวเวยปรากฏขึ้นครั้งหนึ่ง หลังจากนั้นก็มาเป็นของอ๋องจิ้งซ่านจินจื๋อ แต่ต่อมาคนของเมืองเหยสุ่ยเพราะทำเรื่องชั่วร้าย ซ่านจินจื๋อไม่ได้ใช้สักที นับประสาอะไรกับเมืองเหยสุ่ยเหมือนซางนิง ที่ภักดีต่อราชวงศ์ซ่านและไม่ใช่เขาคนเดียว
แต่ตอนนี้แม่หญิงตู้จับแท่งบุหรียืนอยู่บนต้นไม้ ด้านข้างยังมีพนักงานร้านที่ก่อนหน้านี้ทำท่าทีน่ากลัว
“นางอยู่ไหน?”
“นางอยู่ที่ไหนก็ปลอดภัยมากกว่าอยู่กับพวกเจ้า” แม่หญิงตู้สีหน้าเปลี่ยน แท่งบุหรีในมือกลับหมุนเบาๆ มีรูออกมาจากพื้นผิวนั้นเล็กๆ จดหมายหนึ่งฉบับตกลงมา และวางลงพื้น พูดด้วยเสียงเย็นชาว่า: “ท่านอ๋องจิ้งแทนที่จะเป็นห่วงกู้อ้าวเวย กลับไปค้นหาตำราโบราณ เรื่องชั่วร้ายที่เคยทำไว้เมื่อก่อนดีกว่า”
พอพูดจบ แม่หญิงตู้ก็พาพนักงานเดินหายไปในความมืด
ซ่านจินจื๋อขยับตัวขึ้นไป แต่กลับถูกทหารขวางไว้ด้วยชีวิต
เลือดลอยกระจายไปทั่ว จดหมายนั้นถูกเลือดสาดอยู่บนพื้นดิน ท้องฟ้าเหมือนจะมีฝนตกลงมาอีกครั้ง
และซ่านจินจื๋อก็เก็บดาบลง โน้มตัวหยิบกระดาษนั้นขึ้นมา บนนั้นเขียนไว้ว่า: “ราชวงศ์ซ่าน จะจบสิ้นลง”
กลิ่นเลือดยังไม่ทันเข้าจมูก ไฟในใจก็ลุกลามขึ้นมาทันที
แม่หญิงตู้หมายความอย่างไรกัน?
กุ่ยเม่ยที่อยู่ด้านหลังกดแผลบนบ่าไว้รีบเดินขึ้นมา มองดูกระดาษนั้น: “ท่านอ๋อง แม่หญิงตู้คงไม่ได้ทำเรื่องนี้เพื่อตระกูลหยุนหรอกนะ?”
“แต่ทำไมถึงเป็นแบบนี้?” เฉิงซานพุ่งขึ้นมาด้วยท่าทีที่หมดแรง พูดว่า: “ตระกูลซ่านตระกูลหยุนมีสัมพันธ์แต่งงานกันแต่โบราณ ราชวงศ์นี้จะหยุดผูกติดกับชางหลาน เหตุใดจึงมีความเกลียดชังกันถึงเพียงนี้”
ไม่นาน กระดาษในมือก็แหลกละเอียด
ซ่านจินจื๋อสายตามีแต่ความโกรธ
ถ้าแม่หญิงตู้เป็นคนของตระกูลหยุนจริง ก็คงไม่ทำร้ายกู้อ้าวเวย
และจ้องมองไปในป่าที่มืดทึบ หาเบาะแสไม่เจอ หาร่องรอยไม่ได้ จะหาช่างพวกนั้นเจอคงไม่ใช่เวลาวันสองวัน เช่นนี้แล้ว เขากลับไปตรวจสอบหนังสือเมื่อก่อนจะดีกว่า อย่าได้เสียเวลา เดี๋ยวจะเกิดเรื่องผิดพลาดอีก
กุ้ยเม่ยกับเฉิงซานยังไม่ทันตั้งสติ คนตรงหน้าที่ทั้งตัวเต็มไปด้วยเลือดย้อนกลับมา กลับไปเมืองเทียนเหยียน
ยังไม่ถึงประตูเมืองตะวันตก ก็เห็นทหารที่เฝ้าประตูวุ่นวายกันไปหมด ใต้ฝ่าพระบาทมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร ภายใต้สายตาทุกคนประตูเปิดขึ้นตอนดึก และทหารต่างสู้กันจนกำแพงเต็มไปด้วยเลือด แต่คนเบื้องหลังที่ก่อเหตุกลับยังหาไม่พบ
ซ่านจินจื๋อขยับตัวออกไป ทิ้งไว้เพียงแผ่นป้ายของตำหนักอ๋องจิ้งไว้
ทหารในเมืองวุ่นวายกันไปหมด ขนาดชาวบ้านยังนอนไม่หลับทั้งคืน
เริ่มเมื่อไหร่กัน เมืองเทียนเหยียนกลายเป็นเหมือนด่านลั่วสุ่ย?
กลางคืนจะเข้าวังไม่ได้ ห้องหนังสือของซ่านจินจื๋อมีหนังสือโบราณมากมาย
พอเฉิงซานและกุ่ยเม่ยที่รีบตามมา ซ่านจินจื๋อก็อ่านจบทั้งเล่มแล้ว จึงพูดว่า: “เป็นแค่คำชมความดีที่ทวดรุ่นก่อนๆเคยทำไว้ ไม่พูดถึงตระกูลหยุนเลยด้วยซ้ำ”
เสียงเรียบเฉย สีหน้ากลับแย่มาก
เฉิงซานกลืนน้ำลาย และรีบเรียกพ่อบ้านกับคนเฝ้ามาค้นหาด้วยกัน กลัวว่าจะทำให้ซ่านจินจื๋อโมโห
เรื่องเก่าในตอนนั้นถูกขุดขึ้นมา ใครทำแบบนี้กันแน่? เป้าหมายที่แท้จริงคืออะไร?
……
และภายในห้องหินที่แทบจะไม่มีแสงเข้ามา
แม้กู้อ้าวเวยจะรู้ว่าถูกคนจับตัวมาจะถูกปฏิบัติยังไง แต่ไม่มียาติดตัว และไม่มีกับข้าวรองท้อง ขนาดชาในกายังมีน้อยนิด นางพิงไปบนเตียงธรรมดาตรงมุม แม้รอบด้านจะไม่มีคน นางกลับรู้สึกว่ามีสายตาจ้องมาที่ตัวเองตลอดเวลา
ปลายนิ้วเย็นเฉียบ นางหดตัวจับคอที่เริ่มคัน
ตรงข้างเตียงยังมีสีเลือดที่เปลี่ยนสี นางได้ยินเสียงประตูหินเปิดขึ้นอีกครั้ง ยังมีคนร้องขึ้นอย่างตกใจ
นางลืมตาขึ้นช้าๆ ที่เห็นก็คือสายตาที่ตกใจของเมี่ยวหาร แต่มองมาที่นางกลับเหมือนเห็นอุปกรณ์
“ตายอยู่ที่นี่โดยไม่มีปากเสียงใดๆ จะทำให้ซ่านจินจื๋อสบายใจงั้นเหรอ?” เมี่ยวหารวัดชีพจรให้นาง แต่ร่างกายนางไม่เหมือนผู้อื่น แม้วิชาแพทย์เขาจะเยี่ยมยอดมากเพียงใด ก็ยากที่จะรักษาอาการจากจุ้ยเวี่ยนที่ขนาดพวกรุ่นพี่ยังทำไม่ได้
พิษของรากถุงน้ำดีหงส์ไม่มียาถอน จุ้ยเวี่ยนก็เช่นกัน แต่กลับอยู่ในร่างกายนางได้อย่างสมดุล
มีเพียงพิษที่ยุ่งเหยิงเท่านั้นถึงจะปิดกั้นทางไหลเวียนได้ เหมือนกับมดที่แทะกัดที่ตรงนั้น ทำทั้งตัวสั่นไปด้วยเบาๆ
“ถ้าเป็นเช่นนี้ พวกเจ้าตายไปพร้อมข้าก็ไม่เลว” กู้อ้าวเวยหัวเราะเบาๆ นางควานหาขวดยาในแขนเสื้อแต่ก็ไม่มีอะไรเหลือไว้เลย นางกัดฟันแน่นจ้องมองเมี่ยวหารพูดว่า: “ห่างจากยา แม้จะชั่วโมงเดียวข้าก็คงไม่รอดแล้ว”
“เจ้า……”
“แต่ขอแค่เจ้าช่วยข้า ข้าก็จะเป็นคนของเจ้า” กู้อ้าวเวยจับคอเสื้อเมี่ยวหารไว้แน่น
นางยังคิดว่าตัวเองปกติปกปิดได้อย่างแนบเนียน นำผงยาและยาเม็ดพวกนั้นผสมลงในน้ำ เอาไว้ในขนมกิน
พวกหมอคงตรวจได้ยากจากการวัดชีพจรว่านางอยู่ได้อีกไม่นานแล้ว จางเหยียงซานก็คิดว่าที่นางกินคือยาสมุนไพร
แต่แค่เวลาสิบชั่วโมงกว่าเท่านั้น พอห่างจากยาพวกนั้น นางก็แทบจะหลับลงไปเสียแล้ว
จุ้ยเวี่ยนกำลังแทะกัดนางช้าๆ ทำเหมือนนางเป็นปุ้ยที่พร้อมฆ่านางเรื่อยๆช้าๆ
“เป็นไปไม่ได้ แต่ชีวิตนี้ของเจ้าเก็บไว้ยังมีประโยชน์” เมี่ยวหารกัดฟัน ออกจากห้องหินไปหายามา
กู้อ้าวเวยตัวสั่น มองเห็นซูพ่านเอ๋อเดินเข้ามาช้าๆ ครั้งนี้สายตานางก็อ่อนโยนลงเหมือนกัน แต่กลับดึงโซ่ใช้แรงดึงนางลงมาจางเตียงอย่างนั้น: “ตอนนี้ขนาดเมี่ยวหารเจ้าก็ยังอ่อยงั้นเหรอ?”
กู้อ้าวเวยไม่มีแรงที่จะตอบโต้นาง เมื่อกี้เมี่ยวหารก็แค่พยุงนางไว้เพื่อความสะดวก จะได้วัดชีพจรที่ซ่อนอยู่ตรงท้องน้อยได้สะดวก นางจึงเลิกคิ้วขึ้น ยิ้มอ่อนๆ: “เจ้า……กลัวว่าข้าจะแย่งเขาไปเหรอ?”
“ข้าอยากจะฆ่าเจ้ามาก” ซูพ่านเอ๋อใช้แรงมากขึ้น สุดท้ายกลับโยนนางกลับไปที่เตียงอีกครั้ง: “แต่ข้าเลือกได้แค่คนเดียวระหว่างเจ้ากับซ่านจินจื๋อว่าจะแก้แค้นใคร”