บทที่ 1066 ระมัดระวังละเอียดรอบคอบ
ชุดขาวยิ่งกว่าหิมะ จิตใจสะอาดสะอ้าน
แต่เวลาผ่านมาจนถึงวันนี้ กลับเป็นครั้งแรกที่กู้อ้าวเวยเห็นซ่านจินจื๋อสวมชุดขาว ถึงแม้ยังไงก็ยังคงเป็นการแต่งกายเหมือนนักรบ แต่ก็ยังคงทำให้ดูดีไปอีกแบบหนึ่ง ทำให้กู้อ้าวเวยหลงรักอย่างหัวปักหัวปำ มือเรียวยาวคู่นั้นวางอยู่บนไหล่ของซ่านจินจื๋ออย่างไม่ยอมปล่อย
ซ่านจินจื๋อก็ตามใจนาง กอดเอวของนางไว้อย่างหลวมๆอย่างไม่ยอมปล่อยเหมือนกัน
“ช่วงนี้สุขใจดีไหม?”
“สุขใจอยู่แล้ว” กู้อ้าวเวยยิ้มแย้ม มืออีกข้างกลับเอาแขนของเขากอดตรงเอวของตนไว้ พูดขึ้นอย่างตั้งใจว่า “ทำไมถึงยังมีท่าทีขวัญหนีดีฝ่อเช่นนี้? หรือเป็นเพราะว่าก่อนหน้านี้ข้าไม่ได้พูดให้ชัดเจน?”
เพียงแค่รู้สึกว่าข้าไม่เข้าใจเจ้าเท่านั้น
คำพูดนี้หมุนอยู่ในลิ้นหนึ่งรอบ แล้วก็ถูกซ่านจินจื๋อเองกดเข้าไปในลำคอ แล้วก็เปลี่ยนวิธีพูด แรงในมือก็เพิ่มขึ้นเล็กน้อยพร้อมพูดว่า “กลัวเจ้าบอกว่าไม่มีแล้วก็ไม่มีแล้วจริงๆ”
“เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว ข้ารู้ว่าขีดจำกัดของตนนี้อยู่ที่ไหน” พูดถึงตรงนี้ เดิมกู้อ้าวเวย อยากที่จะเอาคำพูดประโยคหลังซ่อนไว้ภายในใจ ไม่ให้ซ่านจินจื๋อต้องเป็นห่วง
แต่มองดูท่าทีที่เป็นกังวลนั้นของเขา นางจึงต้องเอาคำพูดที่ซ่อนไว้อยู่ภายในใจมาตลอดนั้นพูดออกมาว่า “เพราะว่าข้ารู้ ดังนั้นข้าจึงจัดเตรียมทุกอย่างไว้อย่างชัดเจน หากเจ้าไม่ชอบความเคยชินของข้านี้ ข้าเปลี่ยนก็ได้”
“ทำไมเจ้าต้องเปลี่ยนแปลงเพื่อข้า?” ซ่านจินจื๋อทั้งดีใจทั้งเป็นกังวล
ดีใจที่ตอนนี้นางยอมพูดออกมาตรงๆ แต่ก็เป็นกังวลเพราะคำพูดพวกนี้ เป็นการจัดเตรียมทุกอย่างไว้อย่างดีก่อนที่นางจะตาย
“เพราะว่าเจ้าก็ปฏิบัติต่อข้าแบบนี้ ต่างคนต่างก็เท่าเทียมกัน ให้เกียรติซึ่งกันและกัน ไม่ถูกหรือ?” กู้อ้าวเวยกลับหัวเราะแล้วก็ถามกลับ มือที่อยู่บนไหล่นั้นก็ค่อยๆเลื่อนไปบนต้นคอของซ่านจินจื๋อแล้วก็บีบหนึ่งทีพร้อมพูดว่า “ข้าง่วงแล้ว….”
“ข้าไป…”
“นอนเป็นเพื่อนข้าแป๊บหนึ่ง” กู้อ้าวเวยค่อนข้างออกแรงจับตรงคอของเขา
เพียงชั่วพริบตาซ่านจินจื๋อถูกนางพาไปยังบนเตียงอย่างไม่อาจต้านทาน ทำให้แมวสองตัวร้องตกใจกระโดดลงจากเตียงไป แต่ก็ยังชนถูกปลายจมูกของทั้งสองคนจนแดง แต่กู้อ้าวเวยยังคงลืมตาขึ้นอย่างดื้อๆ พร้อมพูดว่า “ถึงไม่รู้ว่าเจ้าได้ยินอะไร พวกเราก็เกี่ยวข้องพัวพันกันมากกว่าสิบปีแล้ว หรือว่าเจ้ายังเป็นห่วงกลับความผิดในตอนนั้นยังไม่ได้ลบล้างหรือ?”
“ข้าแค่อยาก…”
“หรือว่า เพราะเจ้ากลัวจึงจะปล่อยข้าไป?” น้ำเสียงของกู้อ้าวเวยยิ่งอยู่ก็ยิ่งตื่นเต้นขึ้นมา
ซ่านจินจื๋อมองดูดวงตาคู่นั้นที่ค่อยๆจมดิ่งสู่ความสับสนวุ่นวายอย่างตื่นตระหนก ให้ขณะที่นางยังไม่ได้สติรีบกอดนางมาแนบอก นอนตะแคงอยู่บนเตียงจนอยากที่จะรวบกอดนางเข้าไปในเลือดเนื้อของตนเอง กระซิบพูดคำปลอบโยนอย่างง่ายๆอยู่ข้างหูของนาง
“ข้าอยู่นี่ตลอด”
“ขอโทษ”
รอเมื่อร่างกายในอ้อมกอดค่อยๆสงบลง เขาถึงค่อยๆคลายแรงออกอย่างระมัดระวัง ฝ่ามือเลื่อนขึ้นไปปัดขนตายาวนุ่มๆนั้น เคลื่อนไหวเหมือนระลอกคลื่น
ภายนอกเขากลับมาเป็นอ๋องจิ้งที่กำเริบเสิบสานคนนั้น
แต่ยังไงก็กลับไปเป็นซ่านจินจื๋อที่กำเริบเสิบสานไม่ได้
เริ่มคิดอยากที่จะจากไป ซ่านจินจื๋อกลับคิดถึงเมื่อกี้ที่นางชักนำ ในที่สุดก็ปลดเสื้อคลุมสีขาวนั้นแล้วก็เข้าไปในผ้าห่ม แตะปลายนิ้วและฝ่าเท้าของนางอย่างระมัดระวังเพื่อให้หายร้อน แล้วค่อยนอนไปกับนางสักพัก
หงเซียวที่อยู่ด้านนอกประตูรออยู่เนิ่นนาน มักจะถอนหายใจเบาๆอยู่อย่างนั้น ให้คนด้านนอกมองอย่างนั้น
จางเหยียงซานกับกุ่ยเม่ยก็มา กลับถูกคำพูดของหงเซียวทำให้ต้องกลับไป
“ท่านอ๋องจิ้งกับคุณหนูใหญ่กำลังนอนอยู่ในห้อง”
ทำให้จางเหยียงซานทั้งโมโหทั้งโกรธแล้วก็เดินกลับไป สีหน้ากุ่ยเม่ยยิ่งทั้งเขียวทั้งซีด แล้วก็เดินไล่ตามจางเหยียงซานไป ถามเขาว่าแบบนี้จะส่งผลกระทบต่อกู้อ้าวเวยไหม กลับยิ่งทำให้จางเหยียงซานโกรธจนพูดว่าจะหักหลังไปจากอาจารย์
แต่ภายในห้องกลับเงียบสงบอยู่ตลอด ทำให้หงเซียวสงสัยในตัวท่านอ๋องของตนเองว่าไม่มีน้ำยา
คนที่ว่างไม่มีอะไรทำมักจะคิดอะไรที่เกินกว่าเหตุ
รอเมื่อกู้อ้าวเวยตื่นขึ้นมา สองคนกอดรัดกันไว้อยู่ด้วยกัน ไปในห้องเงียบสงบอบอุ่นเหมือนทุกอย่างกลับมาสงบเหมือนเดิมแล้วแบบนั้น นางอยากที่จะยกมือนวดขมับที่ค่อนข้างปวด
กลับมีมือข้างหนึ่งยืนขึ้นมาเสียก่อน น้ำเสียงนั้นยังแฝงไปด้วยเสียงแหบพี่เพิ่งตื่นขึ้นมา
“อารมณ์ไม่ดีก่อนนอน จึงควรแล้วที่จะเจ็บหน่อย ต่อไปจะได้จำ”
ถูกกอดรัดไว้แนบอกอันแข็งแรงของผู้ชาย ต่อให้กู้อ้าวเวยหน้าหนาถึงเพียงนี้ ความใกล้ชิดกันถึงขั้นแนบกายจนรู้สึกได้ถึงลมหายใจของอีกฝ่าย ยังคงทำให้นางหูแดง
แต่เพียงสักพัก ซ่านจินจื๋อกลับยิ้มหัวเราะ หน้าอกนูนขึ้นลง ยิ่งทำให้กู้อ้าวเวยต่อต้านขึ้นมา
ด้วยความตั้งใจที่อยากจะแกล้งจึงดึงนางขึ้นมาจากบนเตียง ซ่านจินจื๋อกดทับนางไว้ที่ขอบเตียง แล้วก็ช่วยกู้อ้าวเวยสวมเสื้อผ้าทีละชิ้น กู้อ้าวเวยเองก็ยอมให้เขาช่วยอย่างว่าง่าย แต่ก็ค่อนข้างจักจี้ จึงหลบหลีกเล็กน้อย แล้วก็จ้องมองเขาอย่างโกรธๆ
“เจ้าจักจี้ข้าทำไม?”
“ข้าไม่ได้ตั้งใจ” ตอนที่ซ่านจินจื๋อพูดสี่คำนี้ สีหน้าเรียบเฉย ก้มคุกเข่าอยู่บนพื้นแล้วก็ช่วยนางสวมถุงเท้ารองเท้า พร้อมพูดอยากจนใจว่า “หากเจ้าอยากรู้เรื่องอะไร มาทางข้าก็ได้ ทำไมต้องไปถามความเท็จนั้นจากกู้ซวง”
อึ้งไปสักพัก แล้วกู้อ้าวเวยค่อยเบิกตาทั้งคู่จ้องมองดูเขา และพูดขึ้นว่า “งั้นก่อนหน้านี้เจ้าก็ได้ยินทั้งหมดแล้วใช่ไหม?”
“ก็ได้ยินแล้วบ้าง คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะให้ความสนใจกับเรื่องนี้” ซ่านจินจื๋อเองก็ไปขึ้นมาหนึ่งทีอย่างค่อนข้างทำอะไรไม่ถูก เห็นสีหน้ากู้อ้าวเวยเปลี่ยนไป จึงพูดว่า “เจ้าไม่อยากรู้หรือว่าทำไมตงฟางซวนเอ๋อถึงถูกข้าลงโทษด้วยเรื่องอะไร?”
เห็นซ่านจินจื๋อไม่มีท่าทีโมโห กู้อ้าวเวยค่อยพยักหัว บ่งบอกว่าอยากฟัง
“ตงฟางฮองเฮาเคยช่วยข้าพาเสด็จแม่ออกมาจากทางลับ ตอนนี้เสด็จแม่ถูกข้าซ่อนตัวไว้ในเรือนด้านหลัง มีเพียงตงฟางซวนเอ๋อที่ไปพบนางอยู่บ่อยๆ…”
“ดังนั้น ไทเฮาเป็นคนบอกทางลับให้กับตงฟางซวนเอ๋อ ให้นางพาตัวข้าออกมาจากในวัง?” กู้อ้าวเวยเข้าใจความจริงนั้นในทันที นิ้วมือกำหมัดแน่นแล้วพูดว่า “คนที่อยู่เบื้องหลังตงฟางซวนเอ๋อนั้นคือใคร?” แล้วทำไมไทเฮาถึงได้เกลียดชังไม่พอใจข้าถึงเพียงนี้?
“เจ้าตั้งใจฟังข้าเล่า รายละเอียดหลังจากนั้น เจ้าค่อยไปฟังตงฟางซวนเอ๋อพูด” ซ่านจินจื๋อ นวดขมับให้นางอยู่อย่างปลอบโยน แล้วก็นวดลูบไปถึงหลังคอพร้อมพูดปลอบว่า “กู้ซวง เป็นสายเลือดของตระกูลตงฟาง เจ้ามีรูปร่างหน้าตาเหมือนกับนาง บางทีอาจจะสามารถยืมสถานะของนางแล้วถามอะไรได้มากกว่านี้”
“เจ้าไม่กลัวว่าพิษของข้ากำเริบแล้วไม่มีสติแล้ว?”
ครั้งนี้กลับเป็นกู้อ้าวเวยเองที่ท้อถอย เมื่อกี้นางหลับไปได้ยังไง เหมือนกับดื่มเหล้าเข้าไปแล้วก็ความจำเสื่อมไปชั่วขณะแบบนั้น
“มีข้าอยู่ด้วย”
ซ่านจินจื๋อช่วยนางเก็บผมที่ยุ่งเหยิงไปไว้ด้านหลัง พร้อมพูดว่า “แต่เรื่องทรงผมนี้ ข้าช่วยเจ้าไม่ได้”
กู้อ้าวเวยหัวเราะ รอเมื่อซ่านจินจื๋อสั่งให้นางกำนัลเข้ามาช่วยตนหวีผม ก็ฟังเขาพูดเหมือนกับลูกน้องที่มีความจงรักภักดี เล่าเรื่องที่ผ่านมาทั้งหมดนั้นให้ฟัง
มหันตภัยไฟจากฟ้าในตระกูลหยุนตระกูลยู่ กับตระกูลซ่าน ไม่ว่าเรื่องเล็กหรือใหญ่
กู้อ้าวเวยพยายามระมัดระวังไม่ให้อารมณ์ของตนเองไม่สงบ อีกด้านเมื่อหลังจากฟังเรื่องทั้งหมดจบแล้ว นางค่อยพูดขึ้นว่า “หากเป็นเช่นนี้ ความอุดมสมบูรณ์บนพื้นดินนั้น กับผลไม้สีแดงบนกำแพง ถูกพิษในเมืองมรณะนั่นชำระล้าง สุดท้ายก็ค่อยๆปิดผนึก พิษนั้นจึงเกาะติดอยู่บนผนังนั้น”
มันเป็นเพียงผลไม้สีแดงที่มีพิษหลอนประสาท