บทที่ 1100 ความเลวร้ายยากที่จะกำจัด
ความเลวร้ายยากที่จะกำจัด ความเจ็บปวดในใจยากที่จะจางหาย
เมื่อฟื้นตื่นขึ้นมา กู้อ้าวเวยได้กลิ่นหอมอ่อนของดอกเหมย ด้านนอกหน้าต่างถูกปกคลุมไปด้วยหิมะสีขาว พายุหิมะยังไม่เหือดหาย ส่งเสียงหวือหวาผ่านห้องที่ว่างเปล่านี้ ท้องฟ้าสีเทาเต็มไปด้วยความเหน็บหนาว
ด้านนอกหน้าต่างหนาวเหน็บจนถึงกระดูก ภายในห้องกลับอบอุ่นเหมือนฤดูใบไม้ผลิ
กู้อ้าวเวยถูกบังคับให้นั่งพิงอยู่บนเตียงนุ่ม ด้านข้างเตียงวางเต็มไปด้วยเตาถ่าน เป็นแสงเล็กน้อยที่หลงเหลืออยู่ในดวงตาของนาง
“หากเจ้ายังนอนต่ออีกสองวัน ข้าก็จะไปเอาชีวิตของยู่จุน”
ซ่านจินจื๋อมาพร้อมฝุ่นตลบ เสื้อคลุมขนสุนัขจิ้งจอกยังไม่ทันถอด แต่ก็ไม่ได้รีบร้อนมาพร้อมกับลมหนาว แต่ยืนนิ่งอยู่หน้าประตูพร้อมกับแววตาเป็นกังวล สะบัดหิมะบนไหล่บนขาตกลง เปลี่ยนสวมใส่ชุดที่อบอุ่น แล้วค่อยเดินเข้ามานั่งตรงข้างเตียง เอาฝ่ามือถูกันจนอบอุ่นแล้วค่อยขยับเข้ามาใกล้
ไม่ทันรอให้กู้อ้าวเวยได้ตอบ ซ่านจินจื๋อก็พูดขึ้นมาเองว่า “หลายวันนี้พวกชิงจือเอะอ่ะกันมาก ก็เลยส่งไปยังจวนอ๋องจงผิง ถึงหยวนเอ๋อกับฉีหรัวจะเพิ่งแต่งงานกัน แต่ก็เข้ากันได้ดี พวกเขาไปอยู่ด้วยจะได้เป็นการเสริมมงคล เพื่อบอกข่าวให้กับฉีหลินแทนหยินเชี่ยวพอดี”
เวลานี้ กู้อ้าวเวยค่อยมองดูเขาอย่างเรียบเฉย
คำพูดของซ่านจินจื๋อ ล้วนเป็นชื่อของคนที่นางให้ความสำคัญมาก แต่เสียดายนางถูกกักขังไว้ใต้หน้าผานั่นนานเกินไป จึงงไม่รู้ว่าคำพูดพวกนี้เป็นจริงหรือเท็จ มือกำผ้าห่มไว้แน่น แล้วก็ไม่พูดอะไรสักคำ
“พวกเขาเป็นคนที่มีความสำคัญต่อเจ้า ข้าจะไม่ทำร้ายใครสักคน”
น้ำเสียงอ่อนโยน เอียงตัวเอามือข้างนั้นออกแรงบีบปลายคางผอมบางของนาง แล้วก็สบกับสายตาไม่แยแสคู่นั้นอย่างง่ายดาย ดวงตากลมโตไม่มีแววสว่างไสว เต็มไปด้วยอาการป่วยอย่างอ่อนแอ จนซ่านจินจื๋อรีบปล่อยมืออย่างตกใจ พร้อมขมวดคิ้วพูดว่า “เจ็บหรือ?”
“ไม่เจ็บ”กู้อ้าวเวยพูดขึ้นด้วยเสียงแหบแห้ง ร่างกายโน้มไปจับขอบเตียงด้านหน้า “ครั้งนี้ ข้ากลายเป็นซูพ่านเอ๋อแล้ว หรือว่าเจ้ากลายเป็นอ๋องจิ้งผู้สูงศักดิ์”
อมยิ้มอยู่อย่างน่าสังเวช ตั้งแต่ตื่นขึ้นมา พวกสาวใช้ที่อยู่ในนี้ต่างก็แย่งกันจะเข้ามารับใช้ นางส่ายหัวให้อย่างเบาๆ ทุกคนจึงโน้มตัวทำความเคารพแล้วก็ถอยออกไปก้มหน้าก้มตาอยู่ด้านข้างไม่กล้าหันมามอง ตื่นตระหนกเหมือนเมื่อนางมาจวนอ๋องจิ้งครั้งแรก
ฟังคำพูดของนางแล้ว ร่องหว่างคิ้วของซ่านจินจื๋อยิ่งลึกกว่าเดิม
“ข้าไม่เคยทำร้ายพวกเขาเลยแม้เพียงนิด”
“งั้นเจ้าเอาอี้จื๋อมาคืนข้า” กู้อ้าวเวยยื่นมือไปคว้าจับชายเสื้อของเขา ไม่ยิ้มแย้มหยอกล้อเหมือนเมื่อก่อน นางดึงซ่านจินจื๋อมาตรงหน้า พร้อมพูดขึ้นอย่างโกรธแค้นว่า “เจ้าพาพวกเด็กๆกลับมายังเมืองเทียนเหยียน เพื่อเอายาของยู่จุนมาใช้กับข้าหรือ?….. ”
“จางเหยียงซาน เทียบกับยู่จุนไม่ได้” ซ่านจินจื๋อคว้าจับข้อมือผอมของนางไว้อย่างบางเบา รับน้ำหนักทั้งหมดของนางไว้อย่างอ่อนโยน พร้อมพูดปลอบอย่างอ่อนโยนว่า “รอเมื่อเจ้าหายดีแล้ว ทุกอย่างนี้ก็จะจบลง ไม่ว่าจะเป็นวัดอารามหรือยุทธภพ ข้าก็จะไปกับเจ้า ไม่ดีหรือ?”
เวลานี้แววตาของซ่านจินจื๋อและดูบริสุทธิ์และเต็มไปด้วยความหวัง
เหมือนเขาเป็นเพียงชายหนุ่มที่ใฝ่หาผู้เป็นที่รัก ต้องการที่จะแสดงความจริงใจทั้งหมดออกมาให้คนรักเห็น แต่เมื่อกู้อ้าวเวยได้ยิน คำพูดนี้กลับฟังดูเสียดหูอย่างมาก
“ข้าเสียใจที่กลับมาจริงๆ….”
“ข้าจะไม่ทำให้เจ้าต้องเสียใจ” ซ่านจินจื๋อดึงมือของนางมาแนบอก เพื่อให้นางรับรู้ถึงเสียงหัวใจเต้น มองข้ามใบหน้าที่เจ็บปวดของกู้อ้าวเวย พร้อมพูดต่อว่า “คนที่เจ้าไม่อยากทำร้าย ข้าจะปกป้องทุกคนให้ดี อย่าโกรธข้าเลย ดีไหม?”
“หากระหว่างข้ากับอี้จื๋อ สามารถเลือกได้เพียงคนเดียวล่ะ?”
กู้อ้าวเวยหันหน้ากลับมาหัวเราะเย้ย รู้อยู่แล้วว่าจะไม่ได้คำตอบ
ซ่านจินจื๋อที่คิดว่าตอนเองตอบคำถามแล้วยื่นมือมา แววตายังคงเต็มไปด้วยความทนุถนอม ระหว่างนั้นไม่มีความลังเลเลยสักนิด
พูดขึ้นอย่างเงียบๆว่า “เราผูกพันกันมาตั้งนานหลายปี จะเอาคนอื่นมาเปรียบได้ยังไง”
กู้อ้าวเวยโกรธจนพูดขับไล่เขาออกไป เวลานี้ซ่านจินจื๋อก็ยอมออกไปอย่างว่าง่าย เพียงแต่ก่อนออกไป ได้มองดูเห็นนางนั่งอยู่ข้างเตียงด้วยผมเพ้ายุ่งเหยิง จากนั้นก็หันไปมองพวกสาวใช้ตรงหน้าด้วยสายตาเย็นชา พูดขึ้นด้วยความโมโหว่า “หากเกิดอะไรขึ้นกับอ้าวเวย ทุกคนในห้องนี้ก็เปลี่ยนทิ้งให้หมด”
พูดจบ ซ่านจินจื๋อก็หันไปมองดูกู้อ้าวเวยอย่างยิ้มหวาน
เขาก้าวเข้าสู่สายลมหิมะอีกครั้ง นิ้วมือของกู้อ้าวเวยจับขอบเตียงไว้แน่นจนขาวซีด คำพูดเมื่อกี้ เป็นการพูดกับนางชัดๆ
“ขอฮูหยินโปรดไว้ชีวิต”
สาวใช้คนรับใช้ต่างก็คุกเข่าลงพื้นร้องขอ เสียงหัวโคกพื้นดังสนั่น
กู้อ้าวเวยโกรธจนแทบกระอักออกมาเป็นเลือด สุดท้ายกลับทำได้เพียงสงบสติอารมณ์ รวบรวมสติขึ้นมาใหม่ นางไม่เคยนั่งรอความตาย ยอมให้คนอื่นทำอะไรก็ได้
ส่วนใต้ชายคานอกหน้าต่างไกลออกไป ต่อให้บดบังไว้ด้วยหิมะหลายชั้น ซ่านจินจื๋อก็ยังมองเห็นสีหน้าไม่แยแสของกู้อ้าวเวยได้อย่างชัดเจน สีหน้าแบบนี้เขาไม่ได้เห็นมานานมากแล้ว เมื่อได้เห็นในตอนนี้ ก็เหมือนมองเห็นกู้อ้าวเวยตอนที่เพิ่งเข้ามาในจวนอ๋องจิ้ง ถูกขังอยู่ตรงนี้ ยังคงยืนนิ่งไม่ขยับ
ในขณะที่เฉิงซานขมวดคิ้วกำลังจะพูด ซ่านจินจื๋อก็กระซิบพูดขึ้นว่า
“ข้าชอบท่าทีตอนที่นางว่าง่ายมากกว่า”
เฉิงซานรู้สึกเย็นวาบไปทั่วแผ่นหลัง ส่วนซ่านจินจื๋อก็พูดต่อว่า “นางเฉลียวฉลาดมาตลอด รู้ว่าชีวิตของอี้จื๋อ นางต้องไปพบยู่จุนด้วยตัวเองถึงจะสามารถต่อรอง…”
“แต่ถ้ายู่จุนไม่ได้เจอคุณหนูใหญ่ แล้วจะรักษายังไง?”เฉิงซานไม่เข้าใจ
“รอเมื่อทุกอย่างจบลงแล้ว ก็ยังไม่สาย” ซ่านจินจื๋อเหล่มองดูเฉิงซาน เงยคางขึ้นเล็กน้อย ท่าทางหยิ่งผยองเหมือนปกติ พูดขึ้นด้วยเสียงเย็นชาว่า “สั่งคนในเรือนดูแลปรนนิบัติให้ดี อย่าให้นกสักตัวบินออกไปจากเรือนนี้ ห้ามใครเข้าไปเด็ดขาด เอาตัวจางเหยียงซานมาขังไว้ในนี้ เรื่องซื้อยาต้องผ่านมือยู่จุน”
หลังจากเฉิงซานนิ่งอึ้งไป จนเห็นสายตาเยือกเย็นของซ่านจินจื๋อแล้วค่อยได้สติมาเงยหน้ารับคำสั่ง
ไม่ฟื้นมาสามวันติดกัน ซ่านจินจื๋อได้พาพวกเด็กๆส่งไปที่จวนอ๋องจงผิง เวลาสั้นๆเพียงวันเดียว ทั่วทั้งเรือนนอกจากหิมะสีขาวแล้ว ยังมีพวกองครักษ์สวมชุดเกราะกำดาบสีเงินเฝ้ารอบๆเรือนหลังเล็กนี้อย่างมิดชิด จางเหยียงซานถูกขังไว้ตรงอีกด้านของกำแพง นอกจากตรวจจับชีพจร เขียนใบสั่งยาต่อหน้าสาวใช้คนรับใช้แล้ว ก็ห้ามไม่ให้พูดจาสักคำ
สติสุดท้ายของกู้อ้าวเวยขาดหาย ส่งคนไปตามซ่านจินจื๋อมา
พวกสาวใช้คนรับใช้ต่างก็กลัวจนตัวสั่น กลับเห็นซ่านจินจื๋อเข้ามาในเรือนด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม โอบกอดกู้อ้าวเวยต่อหน้าทุกคน นิ้วมือเกาะอยู่บนไหล่ของนาง พร้อมพูดขึ้นด้วยเสียงเบาว่า “คิดได้แล้วใช่ไหม?”
“ข้าอยากเจอยู่จุน”
กู้อ้าวเวยดิ้นรนออกมาจากอ้อมกอดเขา นิ้วมือวางบนขาของเขา พร้อมพูดว่า “เจ้าอยากให้ข้ามีชีวิตอยู่ไม่ใช่หรือ? ขอเพียงข้าหายป่วย อี้จื๋อก็จะกลับมา……”
“อี้จื๋อเป็นสายเลือดของเรา ต่อไป…เขายังมีทางเลือกอีกเยอะ”
พูดตัดคำพูดของนาง ฝ่ามือซ่านจินจื๋อค่อยๆเลื่อนลงไปตรงเอวของนาง แล้วโอบไว้แน่น
มองดูสีหน้าที่เมื่อกี้ไม่แยแสของกู้อ้าวเวยกลายเปลี่ยนเป็นโมโห แล้วยิ้มพูดขึ้นว่า “ข้าเข้าใจเจ้าอย่างที่สุด แต่ตอนนี้ไม่ควรพูดถึงเรื่องนี้ ข้าอยากพาเจ้าออกไปในค่ำคืนนี้”
“เป็นไปไม่ได้”กู้อ้าวเวยโกรธจัด
“งั้นพรุ่งนี้ข้าจะช่วยเจ้าเปลี่ยนคนทั้งห้องนี้ให้หมด”ซ่านจินจื๋อจูบบนหน้าผากของนาง พร้อมทั้งหันไปมองสาวใช้คนรับใช้รอบๆด้วยสายตาเย็นชา
ร่างกายคนที่อยู่ในอ้อมกอดแข็งทื่อ มองดูพวกเด็กสาวที่อายุเพิ่งสิบสามสิบสี่ แล้วกัดฟันยอมตกลง