บุบผาร้อยเสน่ห์ – ตอนที่ 1103

ตอนที่ 1103

บทที่ 1103 แผนการหลอกลวงที่เห็นแก่ตัว

ราวกับความฝันตื่นหนึ่ง

เมื่อตอนที่กู้อ้าวเวยฟื้นขึ้นมานั้น นางก็ได้กลับมายังจวนอ๋องจิ้งเสียแล้ว เหล่าสาวใช้คนรับใช้กำลังพากันร้องไห้กระซิกบอกกล่าวว่านางหลับไปตั้งหลายวันกว่าจะฟื้นขึ้นมา นางเพิ่งจะฟื้นคืนสติจึงยังรู้สึกเหน็ดเหนื่อยหมดแรง แก้มทั้งสองข้างก็ร้อนผ่าวกง่าปกติ

เด็กรับใช้ผู้ชายร้องไห้จนน้ำมูกน้ำตาไหลพราก ยังพูดขึ้นว่า “เมื่อตอนที่ท่านอยู่ที่หอเยาเยว่ ยังทานอาหารดีๆอยู่เลย แต่แล้วก็หมดสติไปอย่างฉับพลัน ท่านอ๋องเลยพาท่านกลับมา ทั้งยังให้คนไปตามท่านหมอจางมาช่วยรักษาอาการของท่านด้วย แต่ท่านก็ยังคงนอนหลับไปจนกระทั่งมาตื่นขึ้นในวันนี้เอง ศีรษะของเหล่าข้าน้อยเองก็เกือบจะ……..”

คำพูดของเด็กรับใช้ผู้ชายยังไม่ทันจบประโยค หัวหน้าคนรับใช้ที่ยืนด้านข้างก็ตบหน้าเขาเข้าอย่างจัง

กู้อ้าวเวยยังไม่ทันที่จะได้เอ่ยถามอีกสักคำ หัวหน้าคนรับใช้ก็ร้องเอะอะโวยวายว่าคนผู้นี้พูดจาไม่รู้เรื่องจนล่วงเกินฮูหยิน ทั้งยังให้คนมาฉุดลากเด็กรับใช้คนนั้นออกไป ก่อนจะคุกเข่าบนพื้นพูดกับกู้อ้าวเวยว่า

“ฮูหยินก็แค่ถูกลมเย็นพัดจนป่วยเท่านั้นเอง พักฟื้นสักหลายวันก็หายแล้วเพคะ”

หากว่าเป็นเช่นนี้จริง ก็คงไม่จำเป็นจะต้องลงโทษโบยเด็กรับใช้คนนั้นที่ไม่มีความผิดตั้ง 30 ไม้แล้วล่ะ

นางพยายามฝืนหันศีรษะกลับมา ถึงได้รู้สึกว่าในลำคอบวมขึ้นมา จะพูดจาออกมาสักคำก็รู้สึกลำบาก เด็กรับใช้สองสามคนรีบนำน้ำอุ่นมาให้นางดื่ม นางถึงได้ฝืนทนเอ่ยคำพูดออกมาว่า “ข้าหลับไปกี่วันแล้ว?”

ทุกคนเงียบกริบไม่กล้าเอ่ยพูดสักคน

ผ่านไปเนิ่นนาน ถึงได้ยินเสียงฝีเท้าอันเร่งรีบของซ่านจินจื๋อเดินเข้ามา กู้อ้าวเวยหรี่ตามองไปยังประตู แล้วก็คาดไม่ถึงว่าจะเห็นรอยคราบเลือดที่เท้าของเขา ทั่วร่างชายหนุ่มพลันรู้สึกหนาวยะเยือก ก่อนพุ่งร่างเข้าหานางที่ข้างเตียง ทุกฝีเท้าของเขาที่เยื้องย่างเข้ามานั้นราวกับกำลังเหยียบย่ำไปที่หัวใจของนาง

น้อยครั้งมากที่นางจะเห็นท่าทางกระวนกระวายใจเช่นนี้ของซ่านจินจื๋อ

มือของเขาช่วยพยุงด้านหลังของนาง ประคองให้นางลุกขึ้นนั่ง ดั่งว่ากู้อ้าวเวยจะไม่เห็นว่าในมุมที่นางมองไม่เห็นนั้นชายหนุ่มกำลังแอบลอบถอนใจ กู้อ้าวเวยปล่อยให้ชายหนุ่มขยับร่างของนางตามอำเภอใจ แล้วก็พลางยิ้มน้อยๆออกมา

เรื่องที่นางนอนสลบไสลไปหลายวันนี้ ตัวของนางเองกลับไม่ได้หวาดกลัวอะไรเลย กลับเป็นซ่านจินจื๋อนั่นเองที่หวาดกลัวไปก่อน

“ตื่นมาก็หัวเราะยิ้มแย้ม นับว่ายังมีชีวิตชีวาไม่เลวเลย”

ซ่านจินจื๋อยิ้มตามนางบ้าง เขาให้กู้อ้าวเวยแอบอิงที่อ้อมอกของเขา ค่อยๆโอบกอดนางเข้ามาในอ้อมแขนอย่างแนบแน่น

“สุดท้ายวันนี้ก็ต้องมาถึง แต่เมื่อเทียบกับยู่จุนแล้ว ข้ากลับเชื่อลูกศิษย์ของข้ามากกว่า”

กู้อ้าวเวยแอบอิงอ้อมกอดของชายหนุ่มตามสัญชาตญาณ

เพียงวันเดียวที่ได้กลับมา นางก็กลับต้องนอนหลับไปตั้งหลายวัน อาการรุนแรงจนถึงขนาดที่แม้แต่จะยกมือขึ้นก็ยังทำแทบไม่ไหว ซ่านจินจื๋อเองก็ไม่ได้ตำหนิต่อว่านาง หรือพานางเข้าวังหลวงไปพบกับอี้จื๋อ คงเพราะว่านางทำให้เขาตกใจไปก่อนแล้ว

“ข้าจะให้คนไปตามชิงจือกับอี้จื๋อมา……”

“ไม่ต้องหรอก”

กู้อ้าวเวยกล่าวตัดบทของเขา ใช้เรี่ยวแรงที่ยังพอเหลืออยู่ฉุดดึงชายเสื้อของเขา นางใช้เรี่ยวแรงมากเสียจนดวงตาเริ่มแดงก่ำ พร้อมพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ดัง “ไม่ต้องให้พวกเขามาเห็นข้าในสภาพเช่นนี้ ข้าเพียงแค่อยากรู้ว่าพวกเขาไม่เป็นไรเท่านั้นก็พอ……”

“เจ้าพูดจาเหลวไหลอะไรกัน” ซ่านจินจื๋อกดมือของนางลงไป พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงขุ่นเคืองว่า “เฉิงซาน ไปจวนอ๋องจงผิง……”

“ไม่ต้องแล้ว”

กู้อ้าวเวยกัดฟันดึงเสื้อของเขา เบิ่งตาคู่โตพร้อมพูดว่า “ยังมีโอกาส ใช่ว่าจะไร้ซึ่งหนทางเสียเมื่อไหร่”

คำพูดเพิ่งหลุดออกจากปาก นางก็ถูกดึงเข้าสู่อ้อมอกอันแข็งแรงแน่นหนาทันที

ซ่านจินจื๋อกอดนางเอาไว้แน่นขึ้น อยากที่จะบดขยี้ร่างของนางเข้าไปในกระดูกของตนเองให้ได้

รู้สึกว่าบริเวณบ่าของตนเองก็เปียกชื้นไปแล้วกว่าครึ่ง จิตใจของกู้อ้าวเวยเปลี่ยนเป็นไม่สงบสุข นางอยากที่จะโอบกอดซ่านจินจื๋อแต่ก็ไร้ซึ่งเรี่ยวแรง ทำได้เพียงแค่อิงแอบที่หน้าอกของเขาอยู่อย่างสงบเท่านั้น

เดิมทีนางคิดว่ากว่าตนเองจะขยับไม่ไหว ยังคงมีเวลาอีกเดือนสองเดือน

ไม่รู้ว่าหิมะแรกของฤดูหนาวจะยาวนาน พบเจอพวกเด็กๆ อีกครั้งให้สมปรารถนาก่อนดีกว่า

เป็นเรื่องยากกว่าที่นางจะสงบจิตใจลงได้ รอจนอบอุ่นผ่อนคลายลงได้แล้ว นางถึงได้ตะกายไหล่ของซ่านจินจื๋อยันตัวลุกขึ้น ใช้ใบหน้าขาวซีดจดจ้องเขา ก่อนพูดว่า “อย่าเพราะเพื่อข้า แล้วต้องทำร้ายพวกเขา แม้สักคนเดียว”

ชายหนุ่มที่อยู่เบื้องหน้าถึงกับสั่นสะท้าน เขากัดฟันแน่นไม่ยอมเอ่ยพูดสักคำ

ลำคอเริ่มคันขึ้นมา กู้อ้าวเวยฉุดดึงไหล่ของเขาอย่างไม่ยินยอม ก่อนจะไอออกมาหลายครั้ง พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงขุ่นเคืองว่า “รับปากข้าสิ!”

“ได้ได้ อะไรข้าก็รับปากเจ้าทั้งสิ้น” ซ่านจินจื๋อมือไม้ปั่นป่วนขณะรับผ้าเช็ดหน้าจากคนรับใช้ ช่วยนางเช็ดคราบเลือดที่มุมปาก เขาทำอะไรไม่ถูกก่อนจะพูดพร้อมกับลูบแผ่นหลังให้นาง และพูดด้วยอย่างร้อนรนว่า “ไปเรียกจางเหลียงซานมา เจ้าเองก็พักผ่อนสักสักนะ”

กู้อ้าวเวยขุ่นเคืองที่ไม่อาจไอเอาถุงน้ำดีออกมาเสียได้ นางพยักหน้าน้อยๆ แล้วจึงเอนกายลงนอน นิ้วมือยังพันเกี่ยวกับนิ้วของซ่านจินจื๋อ ก่อนที่จะสงบจิตใจลงบ้าง

ซ่านจินจื๋อนั่งเงียบๆอยู่เตียง สั่งให้ทุกคนถอยออกไปทั้งหมด เขาเฝ้าดูแลนางเพียงลำพัง

ท้องฟ้าด้านนอกหน้าต่างเริ่มสว่างขึ้นมา มีเสียงหยดน้ำแข็งตรงชายระเบียงดังติ๋งๆ เมื่อได้ฟังเสียงหยดน้ำนั้น ใบหน้าของซ่านจินจื๋อจึงค่อยสงบลงลง ปลายนิ้วของเขาเขี่ยไปที่ปลายนิ้วของกู้อ้าวเวยทีละครั้งๆ ใบหน้าเผยรอยยิ้มน้อยๆ

ไร้ซึ่งความกลัดกลุ้มและความกระวนกระวายเหมือนเมื่อครู่

เฉิงซานก้าวเข้ามาในห้อง เมื่อมองเห็นท่าทีเคลิบเคลิ้มของท่านอ๋องเช่นนั้น เขาเลยได้แต่เพียงประคองถ้วยชาเดินมายังเบื้องหน้า มองดูซ่านจินจื๋อตักถ้วยยานั้นไปยังริมฝีปากของกู้อ้าวเวย ทั้งยังมองเห็นว่าแม้กระทั่งอยู่ในห้วงความฝันคิ้วของนางยังขมวดแน่น และกลืนยานั้นลงไปอย่างลำบาก นิ้วมือของชายหนุ่มลูบไล้ไปตามลำคอเรียวระหงของนางด้วยความอาลัยอาวรณ์ ก่อนที่จะวนลากลงไปที่บ่าของนาง

ตรงที่ทรวงอกนั้น เขาเองที่เคยใช้มีดแทงเข้าไปด้วยตนเอง

รูม่านตาของเขาพลันหดเล็กลง ราวกับว่าซ่านจินจื๋อเหมือนถูกไฟฟ้าดูดเข้าอย่างนั้น เขาเกิดอาการอกสั่นขวัญแขวนขณะที่จ้องมองดูนางขมวดคิ้วแน่นท่ามกลางความฝัน มองเห็นเงามืดผ่านขนตาคู่นั้น แต่เขาก็ยังมองไม่ทะลุถึงในดวงตา ก่อนที่จะผ่อนลมหายใจออกมา

“ข้าทำได้เพียงส่งมอบข้าและนางไปเท่านั้น ให้ยู่จุนทำตามสัญญา นำตัวซูพ่านเอ๋อจากเมืองเฮยสุ่ยส่งมาให้ข้า ส่วนเมี่ยวหารก็แล้วแต่นางจะจัดการ”

เขายกมือช่วยขยับมุมผ้าห่มให้กับกู้อ้าวเวยอีกครั้ง มองดูนางอย่างไม่ละสายตา

“พวกเราสามารถยื้อแย่งด้วยตนเอง” เฉิงซานพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ถ้าหากว่าต้องให้แม่นางยู่จุนช่วยเหลือ ก็จะกลายเป็นติดหนี้บุญคุณน้ำใจนี้”

“ต่อไป นางยังจำเป็นจะต้องพึ่งพาข้า”

ซ่านจินจื๋อมองด้วยความเกรี้ยวกราด ใบหน้าเคร่งเครียดแฝงด้วยรังสีอาฆาต

แม้ว่าทุกวันนี้ยู่จุนจะมีอำนาจชี้เป็นชี้ตายก็ตาม แต่นางเองก็ยิ่งอยากที่จะเห็น ยาอายุวัฒนะที่หลงเหลือหลังจากวางยาพิษในเมืองหลวง หรือว่าเอาแผ่นดินตระกูลซ่านยกมอบคืนมาอยู่ในมือของพวกนางใหม่

ซึ่งเรื่องทั้งหมดนี้ จะต้องถูกหารือขึ้นก่อนที่จะทำการรักษากู้อ้าวเวยให้หายดีแล้ว

สิ่งที่ซ่านเซิ่งหานต้องการคือนาง สิ่งที่ซ่านจินจื๋อต้องการก็คือนางเช่นกัน

ยู่จุนไร้หนทางให้ถอยแล้ว

ก็เฉกเช่นเดียวกับที่ซ่านจินจื๋อคิดเอาไว้ทั้งหมด ยู่จุนรีบตกปากรับคำในทันที นางร่วมมือกับคนของเมืองเฮยสุ่ยรั้งตัวของซูพ่านเอ๋อกับเมี่ยวหารเอาไว้เพื่อที่จะใช้ประโยชน์ ตอนนี้จำเป็นจะต้องมอบคนหนึ่งให้กับซ่านจินจื๋อ ก็ไม่เห็นจะเป็นไร

ส่วนกู้อ้าวเวยนั้นพอถึงค่อนคืนนางก็พลันตื่นขึ้นมา

ซ่านจินจื๋อเองตื่นขึ้นมาด้วยเช่นกัน พร้อมกับขอบดวงตาคู่ดำขลับ

“หิวแล้วหรือไม่?” ประโยคอันแสนนุ่มนวล เรียกให้นางตื่นขึ้นมาจากภวังค์

นางส่ายหน้าอย่างช้าๆ กู้อ้าวเวยพยายามเอียงกายแต่แล้วก็รู้สึกทรมาน นางกัดฟันไม่ยอมไอออกมา ขยับร่างกายอย่างสั่นเทา พูดขึ้นด้วยเสียงอันแผ่วเบาว่า “จางเหลียงซานพูดว่าอย่างไร?”

“เขาบอกว่าเจ้าจำเป็นต้องพักผ่อน อย่าคิดมาก” ซ่านจินจื๋อเอียงกายช่วยป้อนน้ำอุ่นให้นาง พลางพูดขึ้นด้วยเสียงเบาว่า “อีกอย่าง ชิงจือยังร้องห่มร้องไห้อยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะถูกหยวนเอ๋อพาตัวกลับไป”

“พวกนางมากันหรือ?” กู้อ้าวเวยตกตะลึงไปเล็กน้อย นางคาดไม่ถึงว่าตนเองจะหลับลึกถึงขนาดนี้?

ซ่านจินจื๋อมองดูนางดื่มน้ำอุ่นถ้วยนั้นลงไป สายตาเริ่มสับสนบ้าคลั่ง พร้อมพูดขึ้นมาว่า “มาแล้ว เพียงแต่ก่อความวุ่นวายไปบ้าง จางเหลียงซานบอกว่าเจ้าไม่อาจทนเสียงเอะอะโวยวายได้ ส่วนหยวนเอ๋อเองก็เกรงว่าข้าจะทำร้ายพวกเขา……”

“ช่างเถอะ” กู้อ้าวเวยดื่มน้ำอึกสุดท้ายลงไป ไม่ได้สังเกตเห็นถึงความผิดปกติแต่อย่างใด

บุบผาร้อยเสน่ห์

บุบผาร้อยเสน่ห์

Status: Ongoing

ฟิ้ววว นางข้ามพภแล้ว!!!แพทย์โดดเด่นทันสมัยกู้อ้าวเวยข้ามภพกลายเป็นลูกสาวคนโตของเฉิงเสี้ยง อยากฆ่าข้าหรือ?มีดผ่าตัดของข้าสามารถทำให้เจ้าพิการทั้งตัวเลยนะ เปิดร้านยา ช่วยชาวบ้าน ถึงจะเป็นฮ่องเต้ก็อยากมาคบหาข้า นี่ท่านอ๋องชายเลว เจ้ากำลังแกล้งข้าอยู่รึ?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท