“ทรมานมานานหลายปี จนเจ้าเหลือเวลาไม่มากแล้ว”
“หลังจากพิธีในวันนี้เสร็จสิ้นแล้ว หากเจ้าใช้เลือดเนื้อของข้าเป็นตัวนำยา จะทำให้เจ้ามีชีวิตต่ออีกเป็นร้อยปี”
“กู้อ้าวเวยรับปากข้าแล้วว่าจะไม่ทำร้ายเจ้าอีก ขอให้เจ้ามีชีวิตที่ดี”
คำพูดอีกมากมาย ก็เป็นเพียงบอกถึงที่ซ่อนทรัพย์สมบัติของตนเองให้แก่นาง ทุกคำทุกประโยคล้วนขอให้นางสงบจิตสงบใจ แขนทั้งสองข้างของซูพ่านเอ๋อก็สั่นเทาขึ้นมา ในหัวสมองวาบภาพเมื่อกี้ตอนที่เมี่ยวหารชักมีดกลับ แล้วก็ค่อยๆเข้าใจขึ้นมา
ด้านนอกกำแพง กู้อ้าวเวยเห็นจดหมายของเมี่ยวหารแต่แรกแล้ว
เกิดเป็นคนมาสองชาติ นับว่านางเคยเห็นคนมาทุกประเภท แต่คนที่รักอย่างจริงจังหมือนเมี่ยวหารเช่นนี้ นางยังไม่เคยเห็น มาวันนี้เมื่อได้เจอ ค่อยรู้ว่าคนประเภทนี้ ถือเป็นคนที่จิตใจไร้ความความกังวลแต่แรกแล้ว เพียงแค่ต้นหญ้าต้นเดียวก็ทำให้เขาถึงกับมอบชีวิตที่เหลือทั้งหมดไป
เมี่ยวหารสงบจิตใจก่อนตาย คงเพราะตอนนั้นที่ยังมีชีวิตอยู่ ก็เป็นเพียงเหมือนศพเดินได้ ต้องการเพียงความรู้สึกอย่างเป็นพิธีเท่านั้น
ภายในห้องมีเสียงร้องไห้ดังขึ้น กู้อ้าวเวยลุกขึ้นแล้วเดินตรงไปยังระเบียงยาว
ยังคงได้ยินเสียงร้องไห้ทางด้านหลัง หิมะปุยบนชายคากำลังจะถูกสลัดหล่นลงมา กู้อ้าวเวยไปจากที่นี่อย่างไม่หันกลับมาอีก บนใบหน้ายังคงอมยิ้ม สายเชือกสีแดงบนข้อมือก็เผยออกมาให้เห็นเพราะนางยกมือขึ้น นางหันหน้ามาจากบนระเบียงยาว มองดูซ่านจินจื๋อพร้อมพูดว่า “ฟังจุดจบของนางแล้ว พานางไปหาอาจารย์กับอาจารย์หญิงของพวกเจ้า ในนามศิษย์น้อง ในนามพ่อของลูกที่ยังไม่ได้เกิดออกมาของข้า”
กู้อ้าวเวยกำลังหัวเราะ ซ่านจินจื๋อ กลับไม่รับรู้ถึงความดีใจภายในน้ำเสียงของนางเลย
หลังจากนั้นมานานหลายปี ซูพ่านเอ๋อเฝ้าสุสานให้กับอาจารย์อาจารย์หญิง ตื่นมามีชีวิตอยู่ไปวันๆจนถึงอายุร้อยปี ทุกข์ทรมานจนตาย เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในภายหลัง
เหมือนดั่งผีเสื้อในฤดูใบไม้ผลิ กู้อ้าวเวยแทบจะก้าวเท้าออกไปอย่างแผ่วเบา มุ่งหน้าไปยังลานยู่จุนกับซ่านต้วนเฟิง เดินผ่านคนใช้กับองครักษ์ลับภายในลาน นางเห็นซ่านต้วนเฟิงถูกยู่จุนขังไว้ในคุกไม้ อ่อนแอยิ่งกว่าลูกสัตว์ร้าย ทำได้เพียงอยู่ภายใต้การควบคุมของยู่จุน มองดูอยู่อย่างไม่พอใจ
ยู่จุนได้ยินเสียงฝีเท้าของนาง จึงวางถ้วยยาที่ว่างเปล่าในมือลง ช่วยเช็คคราบยาตรงมุมปากให้กับซ่านต้วนเฟิงจนสะอาด พร้อมพูดขึ้นอย่างดีใจว่า “เช่นนี้ พวกเราก็สามารถมีชีวิตต่อไปได้แล้ว”
“นี่ไม่ใช่ยาอายุวัฒนะ”กู้อ้าวเวยหุบยิ้มบนใบหน้า แล้วเดินไปหยุดตรงด้านข้างนาง
ยู่จุนยื่นถ้วยยาที่ว่างเปล่าในมือให้กับคนใช้ที่อยู่ด้านข้าง พร้อมพูดขึ้นอย่างจริงจังว่า “ไม่ว่าจะเป็นยาอายุวัฒนะอะไร ขอเพียงสูตรนี้สามารถถอนพิษรากถุงน้ำดีหงส์ ก็จะสามารถถอนพิษไฟจากฟ้า”
นางค่อยๆลุกขึ้น เหมือนกำลังพิจารณาดูท่าทีของกู้อ้าวเวย
นางกลับเห็นเพียงความสงบบนใบหน้าของกู้อ้าวเวย ดวงตาทั้งคู่ไร้ชีวิตชีวา ครุ่นคิดเชื่อมโยงทุกสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างช้าๆอยู่ภายในใจ
การขนลำเลียงยาพิษทางน้ำของบ้านริมน้ำโล่เสียส่งขุนนางจากครอบครัวยากจนไปฟ้องขุนนางคนสำคัญในตอนนั้น ต้วนโฉงขอยาอายุวัฒนะจากคนปลูกยาในแถบชานเมือง แม้กระทั่งที่ใส่ร้ายซ่านจินจื๋อในตอนนั้น ต้วนโฉงก็จะฆ่าให้หมด ยิ่งมีหยุนหว่านแม่แท้ๆที่พูดถึงของเก่า ยู่จุนหยูนซีทั้งสองผิดใจกัน
เรื่องใหญ่ถมทับเรื่องเล็ก เรื่องเล็กซ่อนอยู่ภายใต้เรื่องใหญ่
ล้วนเป็นเพราะเรื่องเดียว
นางหันไปมองดูยู่จุนอย่างนึกขึ้นมาในทันใด เอามือไขว้หลังก้าวถอยหลังหนึ่งก้าว พร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้านอนไปนานขนาดนี้ เพียงเพราะร่างกายไม่สบายจริงๆหรือ?”
“เจ้าคิดว่าอย่างไรล่ะ?”ยู่จุนหัวเราะเยาะ ก้าวเดินมาหากู้อ้าวเวยหนึ่งก้าว พร้อมพูดขึ้นว่า “เรื่องบางเรื่องก็ต้องมีทางหนีทีไล่ หากข้าหลับไป เรื่องบางเรื่องระหว่างทั้งสองฝ่ายก็จะสามารถชะลอ แต่พวกเราต่างก็คิดไม่ถึงว่าตระกูลฉางจะมีความแค้นที่ฝังลึกขนาดนี้ จนทำให้ต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่เดินหน้าก็ไม่ได้ถอยหลังก็ไม่ได้”
พูดจบ ยู่จุนก็มองกู้อ้าวเวยอย่างแปลกใจอยู่เนิ่นนาน สุดท้ายแล้วก็พูดขึ้นด้วยเสียงเบาว่า “เจ้าเข้าใจไหม?”
ตระกูลฉาง?
ฉางอีฉินเป็นถึงภรรยาเอกขององค์ชายสาม บอกคนภายนอกว่าป่วยนอนติดเตียง ส่วนภายในจวนองค์ชายสามก็ปลูกลูกเอ่อตันแดง
เมื่อคิดดูดีๆแล้ว เส้นสายสุดท้ายก็บรรจบกันได้แล้ว ปลายนิ้วมือของกู้อ้าวเวยสัมผัสปลาย คาง สุดท้ายแล้วก็หันไปมองทางด้านห้องของซูพ่านเอ๋อ ซ่านจินจื๋อก็เดารู้แต่แรกแล้วหรือเปล่า?
ในขณะที่นางกำลังสงสัย ผู้คนทั้งรอบด้านก็ล้อมรอบนางไว้
“เจ้ากับซ่านจินจื๋อต่างก็เป็นคนฉลาด เดิมข้าอยากให้เจ้าเข้าใจซ่านจินจื๋อผิด อยากให้เจ้าคิดว่าเพื่อคนที่เขารักแล้ว เขาได้ทอดทิ้งลูกแท้ๆของตนเองอีกครั้ง แต่ตอนนี้ดูแล้ว พวกเจ้าทั้งสองต่างก็กำลังแสดงละคร เพียงแค่ข้าไม่รู้ว่าภายใต้สายตาของข้า พวกเจ้าจะเสแสร้งยังไง”
สายตายู่จุนหรี่ลง แล้วก็ยกมือจับข้อมือของนางไว้ นิ้วมือสัมผัสผ่านสายเชือกสีแดงบนข้อมือของนาง
“หยินเอ่อกลัวคนแปลกหน้า ไม่รู้จักซ่านเชียนหยวน กลับรู้จักจินจื๋อ แสดงว่าหยินเอ่อเติบโตมาภายใต้การเลี้ยงดูของจินจื๋อ” กู้อ้าวเวยแกะมือของตนเองออกมา เอามือกอดอกพร้อมมองดูยู่จุน และพูดขึ้นว่า “ข้ายังรู้ได้ว่าทุกอย่างนี้เป็นเรื่องโกหก ไม่มีทางที่เจ้าจะไม่รู้”
“ข้าวางแผนไว้แต่แรกแล้ว” ยู่จุนพยักหน้าอย่างจริงจัง ลูบผมกู้อ้าวเวยหนึ่งที ค่อยพูดขึ้นว่า “เกรงว่าอี้จื๋อคงถูกต้วนโฉงพาตัวไปแล้ว ข้าไม่มีเหตุผลอะไรที่จะสามารถกลับตัวเจ้าไว้แล้ว….”
“ในเมื่อเจ้ารู้แต่แรกแล้วว่าไม่มีตัวประกัน แล้วทำไมยังดีกับข้าขนาดนี้?”กู้อ้าวเวยยกมือลูบตรงที่เขาจับเมื่อกี้
“ข้าแค่รู้สึกผิดต่อเจ้า อยากรู้ว่าเมื่อเกิดมหันตภัยไฟจากฟ้าอีกครั้ง เจ้าจะมองดูพวกเขาเอาชีวิตไปทิ้งไหม….” ยู่จุนตั้งใจพูดลากเสียงยาว ภายใต้สายตาไม่อยากเชื่อของกู้อ้าวเวย นางยังพูดต่อว่า “หรือว่า…. เอาวิธีถอนพิษพวกนี้ไปช่วยเหลือพวกเขา มีชีวิตอยู่ต่อเหมือนศพเดินได้ นี่เป็นความดีที่ข้าติดค้างเจ้าไว้ จะไม่มีทางติดหนี้บุญคุณเจ้า”
นางได้ปล่อยพิษไปแล้ว
ในใจกู้อ้าวเวยหนักอึ้ง คิดอยากที่จะดึงมือยู่จุนไว้ กลับถูกคนที่อยู่ด้านหลังดึงไว้ เสียงของยู่จุนดังขึ้นอีกว่า “แต่ชีวิตของเจ้าอยู่ได้อีกไม่นาน ทางเลือกนี้ค่อนข้างที่จะเลือกยาก”
“ประชาชนเป็นผู้บริสุทธิ์”กู้อ้าวเวยตะโกนพูดขึ้น ผู้คนตรงหน้ากลับยิ่งอยู่ยิ่งเยอะ
ยู่จุนเดินฝ่าผู้คนมากมายตรงหน้าไป มองดูใบหน้าแปลกประหลาดแต่ละคนด้านข้าง นี่เป็นใบหน้าของคนตำบลเหยสุ่ยพวกนั้น และพวกคนที่ต้องการมีชีวิตรอดพวกนั้นต่างก็แห่กันมา น้ำเสียงยังคงดังแว่วขึ้นว่า “การยินดีในความแค้น ไม่สามารถทำให้เห็นอกเห็นใจกัน มีเพียงพร้อมใจกัน ถึงจะเท่าเทียมกัน”
“เป็นความเข้าใจผิด”กู้อ้าวเวยตะโกนพูดออกมาได้เพียงประโยคนี้ ภาพตรงหน้ามืดลง ในหัวสมองกลับยังปรากฏภาพที่ยู่จุน เคยสั่งให้คนนำสูตรยาไปให้กับหยูนซี
ดังนั้น ยู่จุนรู้แต่แรกแล้วว่าจะมีวันนี้
ไม่เพียงมีนางคนเดียว ที่เป็นผู้หญิงตระกูลหยุน แล้วรู้สูตรยาอายุวัฒนะ
หยูนซีก็รู้
พร้อมกับความคิดที่กำลังคิดอยู่เช่นนี้ กู้อ้าวเวยรู้สึกได้ถึงพวกผู้หญิงด้านข้างต่างก็ล้อมรอบเข้ามา ห่อหุ้มตัวนางไว้แล้วก็พาไปยังบนเตียง พร้อมต่างก็พูดร้องขอให้นางช่วยชีวิตของทุกคนไว้ บูชานางไว้เหมือนอย่างเทพ พึมพำพูดว่าอยากที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป
ภายใต้คำอธิฐานพวกนี้ กู้อ้าวเวยกลับรู้สึกว่าร่างกายเบาหวิว
ยู่จุนเป็นใครไม่สำคัญ
ที่สำคัญก็คือเหล่าผู้พร้อมที่จะสังหารโลก เป็นประชาชนที่หลงเชื่อยู่จุนอย่างไม่มีข้อแม้เพื่ออยากจะมีชีวิตรอด
ไม่ใช่คนที่มีจิตใจดี ทำไปเพียงเพื่อขอให้มีชีวิตรอด
กู้อ้าวเวยนอนหลับไปอย่างปวดหัวที่สุด ไม่ได้ยินเสียงคนรอบข้างพูดกันอีกมากมาย
น้ำที่หกไปแล้วยากที่จะเก็บ(สิ่งใดที่พูด หรือทำไปแล้วนั้นยากนักที่จะไปเปลี่ยนแปลงแก้ไขได้)ไม่จำเป็นต้องมีเหตุผลอื่น