ประธานจอมหื่นสุดซ่า – ตอนที่ 65

ตอนที่ 65

บทที่ 65 ทะเลาะกับสามีเก่า

“คุณโวยวายพอหรือยัง?”

ลี่โม่อวี่ใบหน้าเย็นชาผลักหญิงสาวตรงหน้าออกห่าง สายตาแสดงถึงความรังเกียจอย่างไม่ปิดบัง

“คุณคิดว่าผมคิดแต่เรื่องแบบนั้นหรือไง? มู่หลิง อย่าคิดทำอีก”

พูดจบ ชายหนุ่มหมุนตัวเดินออกไปด้วยความโมโหไม่แม้แต่จะหันกลับมามอง

มู่หลิงได้ยินเสียงประตูใหญ่ปิดลง ล้มลงไปบนพื้นอีกครั้ง น้ำตาไหลลงอาบแก้ม

เธอยกมือโอบกอดขาตัวเอง ราวกับว่าทำแบบนี้แล้วจะทำให้ความหนาวเหน็บในใจนั้นมลายหายไป

ไม่มีใครรู้ว่าตลอดห้าปีที่ผ่านมาเธอผ่านมันมายังไง ลี่โม่อวี่ไม่เคยแตะต้องเธอ ต่อให้เธอถอดเสื้อผ้าออกหมดทั้งตัวเขาก็คงไม่คิดจะชายตามองสักนิด เธอไม่รู้จริงๆว่าตัวเองสู้ฉินอีหลินไม่ได้ตรงไหน?

เธอรู้จักกับเขาก่อนด้วยซ้ำ

ความโกรธแค้นในดวงตาของมู่หลิงลุกโชนขึ้น ทำไมฉินอีหลินไม่ตายไปตั้งแต่ห้าปีที่แล้ว ทำไมเธอต้องกลับมาเมืองกั่งซื่ออีกครั้ง ทำไมเธอต้องกลับมารบกวนชีวิตเธอมู่หลิงอีก?

เธอค่อยๆเก็บเสื้อผ้าขึ้นมาทีละชิ้นๆ น้ำตาไหลอาบแก้มซึมลงไปในเสื้อ มู่หลิงพลันหัวเราะไม่มีเสียงขึ้นมา

ในเมื่อลี่โม่อวี่สนใจฉินอีหลินขนาดนั้น งั้นเธอก็จะทำลายเธอซะ ในเมื่อเธอไม่ได้ คนอื่นก็ต้องไม่ได้เหมือนกัน

อีกทั้งมู่เนี่ยนเจ๋ก็กำลังเติบโต ตอนนี้เขานับวันยิ่งไม่เหมือนลี่โม่อวี่แล้ว

เธอกลัวว่าผู้ชายฉลาดคนนั้นจะเกิดสงสัยในตัวเด็ก ถ้าเขารู้ความจริงขึ้นมา เธอก็คงจะตายไร้ที่ฝังศพเป็นแน่

ดังนั้นมู่หลิงจึงหวังจะร่วมเตียงกับลี่โม่อวี่สักครั้ง เพื่อให้สถานะตำแหน่งคู่ครองนี้มั่นคงขึ้น

หลังจากที่ลี่โม่อวี่ออกไป เขาขับรถกลับไปที่คอนโดที่เดิมที่เคยใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับฉินอีหลินอยู่ช่วงหนึ่ง

ถึงแม้ว่าที่นี่เดิมจะเคยเป็นความทรงจำระหว่างเขากับมู่หลิง แต่ตั้งแต่ผู้หญิงบอบบางอย่างฉินอีหลินย้ายเข้ามา ที่นี่ก็เปลี่ยนไป

ตอนนี้เธอไม่อนุญาตให้มู่หลิงเข้าใกล้ที่แห่งนี้เลยแม้แต่น้อย ที่นี่เป็นความทรงจำสุดท้ายที่ฉินอีหลินเหลือไว้ให้เขา เขาจะไม่ยอมให้ใครทำลายที่นี่เด็ดขาด

อีกด้าน ฉินอีหลินร้องไห้ไม่ได้หัวเราะไม่ออกมองดูเด็กทั้งคู่ สุดท้ายจึงตักอาหารเข้าปากเพื่อเลี่ยงจะตอบคำถามเหล่านั้น

“มามี๊ มามี๊ได้หาพ่อให้หนูกับจิ่นเซวียนแล้วหรือยังครับ พวกเราต้องการพ่อ”

“มามี๊ พี่ชายบอกว่ามามี๊จะหาพ่อให้พวกเรา แล้วเมื่อไหร่เราจะได้เจอพ่อคะ? ตอนที่เจอพ่อเราต้องซื้อเสื้อผ้าใหม่หรือเปล่าคะ?”

“พวกเธอนี่ รีบทานข้าวได้แล้ว”

ฉินอีหลินแทบจะรับมือไม่ไหววางตะเกียบลง ตีหน้านิ่งขรึม ตั้งใจใช้ไม้นี้ปิดปากพวกเขาทั้งคู่ให้หยุดพูด

อานหน้าเห็นหลานชายและหลานสาวถูกบีบบังคับ ก็ไม่พอใจขึ้นมาทันที

“จิ่นเซวียนกับหมิงเจ๋อพูดไม่ถูกหรอ? นี่ก็เป็นเรื่องที่สำคัญอันดับต้นๆในตอนนี้เลยนะ เธอมีคนที่ถูกใจบ้างหรือยัง พอดีให้น้องชายเธอได้ช่วยดู จิ่นเซวียนและหมิงเจ๋อต้องการพ่อเพื่อมาโน้มนำให้พวกเขาเจริญเติบโตนะ”

“เกรงว่าเรื่องนี้คงจะยากแล้วล่ะครับ”

หลงอี้เซวียนที่กำลังนั่งทานข้าว ได้ยินที่แม่พูดดังนั้น จึงเอ่ยออกมา

“เมื่อวานผมทะเลาะกับสามีเก่าของพี่ไปแล้วรอบหนึ่ง เรียกนักข่าวมาได้ไม่น้อยเลย เกรงว่าเรื่องนี้คงรู้กันไปทั่วเมืองกั่งซื่อแล้ว บางทีอาจทำให้พี่มีข่าวเสียหายก็ได้”

“สามีเก่า?”

จิ่นเซวียนทำหน้าสงสัยมองไปยังน้าชาย พร้อมหันหน้าไปมองอานหน้า รอยยิ้มไร้เดียงสาปรากฏ “คุณยาย คุณน้าทะเลาะกับสามีเก่าของมามี๊?”

อานหน้ารู้ตั้งแต่หลงอี้เซวียนเริ่มพูด เด็กสองคนนี้ฉลาดไม่หยอกเลยทีเดียวจะโกหกนั้นไม่ง่ายเลย

ชายหนุ่มผู้รู้แล้วว่าตัวเองเผลอพูดคำที่ไม่ควรออกไปมองสายตาที่ทุกคนจ้องมาที่เขา จึงได้แต่ก้มหน้าอย่างรู้สึกผิด ทานข้าวของตัวเองต่อไป ราวกับว่าทำแบบนี้แล้วจะทำให้เด็กทั้งสองนั้นยอมละเลยคำพูดของเขา

จริงๆแล้วเกี่ยวกับลี่โม่อวี่ พวกเขาตระกูลหลงต่างพากันรักษาท่าทีในระดับหนึ่ง ในตอนที่เด็กทั้งสองยังเล็ก ทุกคนบอกกับพวกเขาว่า พ่อของพวกเขาเสียตั้งแต่พวกเขาทั้งสองยังไม่เกิด และพวกเขาก็เชื่อไม่เคยสงสัยกับความเชื่อนี้

แต่ตอนนี้กลับถูกหลงอี้เซวียนหลุดพูดออกมา จิ่นเซวียนคนฉลาดรีบจับประเด็นสำคัญ

“มามี๊ “สามีเก่า” คนนั้น คือคุณพ่อใช่ไหม พ่อของพวกเราไม่ใช่ป่วยตายแล้วหรอคะ?”

หมิงเจ๋อแทะปูอยู่นั้น กล่าวต่อจากพี่สาวทันที เอ่ยถาม

“งั้นมามี๊แต่งงานใหม่ แล้วหย่าอีกหรอครับ?”

จิ่นเซวียนเห็นว่าแม่ตนเองไม่พูด ดวงตาใสแจ๋วนั้นหันไปมองหลงอี้เซวียน

“แค่ก…แค่ก..”

ถูกสายตาไร้เดียงสามองมา หลงอี้เซวียนก็ต้องพ่นไวน์แดงออกมาทันที เหงื่อเม็ดโตผุดออกมาเต็มหน้าผาก เขามองไปยังพี่สาวตัวเองอย่างขอความช่วยเหลือ

รู้สึกถึงสายตาของหลงอี้เซวียนที่มองมา ฉินอีหลินจ้องหน้าแทบจะคว้านน้องชายตัวเอง ใครใช้ให้เขาพูดออกมา สมน้ำหน้า

“มามี๊?”

เห็นว่าน้าชายไม่ตอบคำถาม จิ่นเซวียนจึงหันกลับมาหาฉินอีหลิน

“เอ่อ….เดี๋ยวมามี๊ไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ”

วางตะเกียบอย่างลำบาก ฉินอีหลินสามารถใช้คำว่าหนีกระเจิดกระเจิงมาใช้บอกกับตัวเองในตอนนี้ได้เลย

บางทีอาจเพราะได้รับผลกระทบจากเด็กทั้งสอง เธอขับรถมาถึงคอนโดเก่าอย่างไม่ทันรู้ตัว

มองหน้าต่างมืดมิดบนตึกนั้น เธอนึกถึงเรื่องราวเมื่อห้าปีก่อน

ตอนนั้น เธอทำกับข้าว เขาก็ล้างจาน เธอดูโทรทัศน์ เขาก็นั่งอยู่ข้างๆเป็นเพื่อนเธอ บางครั้งยังปลอกแอปเปิลให้เธอด้วย

ตอนนั้นก็ยังไม่ได้รู้สึกอะไร แต่มาคิดดูตอนนี้ เธอกลับรู้สึกว่าเหตุการณ์เหล่านั้นช่างอบอุ่นเหลือเกิน

ตอนนี้หมิงเจ๋อโตขึ้นนับวันยิ่งเหมือนเขา โดยเฉพาะดวงตาและปากนั้น ราวกับลี่โม่อวี่ฉบับเด็กน้อยชัดๆ

บางครั้งเธอมองดูหมิงเจ๋อแล้วนึกถึงเขา ลี่โม่อวี่ตอนเด็กๆจะน่ารักแบบนี้ไหมนะ หมิงเจ๋อโตขึ้นมีรักไปทั่วเหมือนพ่อเขาไหมนะ

คิดไปคิดมา ใจของเธอนั้นก็เจ็บปวด ราวกับพิษดอกความรักที่ถูกเขียนไว้ในสมัยราชวงศ์ถัง

แต่เธอไม่สามารถควบคุมตัวเองให้คิดถึงอดีตได้ ความรู้สึกแบบนั้นราวกับสูบฝิ่น รู้ทั้งรู้ว่ามันมีพิษแต่ก็ยังห้ามไม่ได้

คิดไปเรื่อยๆ ฉินอีหลินฟุบหน้าลงที่พวงมาลัยแล้วถอนหายใจ แต่เพียงเงยหน้าขึ้น เธอก็พบว่าตรงหน้ามีรถโรลส์-รอยซ์คันสวยที่คุ้นเคยจอดอยู่ตรงหน้า

ลี่โม่อวี่………

ฉินอีหลินลุกลี้ลุกลน เธอพึ่งจะดึงตัวเองออกมาจากความทรงจำระหว่างทั้งคู่ แต่ตอนนี้กลับพบคนที่กำลังคิดถึงมาอยู่ตรงหน้า เธอไม่รู้ว่าจะเผชิญหน้ากับความสับสนนี่ยังไง

เท้าซ้ายของเธอเหยียบคลัตช์ จิตสำนึกของเธอพาเธอกลับรถแล้วขับออกไป

แต่ความกะทันหันรีบร้อนของรถคันนั้นทำให้ลี่โม่อวี่รู้สึกตัวออกมาจากความคิด เขาหันกลับไป บังเอิญคนที่นั่งอยู่ตรงตำแหน่งคนขับนั้นกลับเป็นคนที่เขากำลังคิดถึง

“อีหลิน”

ลี่โม่อวี่ตะโกนเรียก กลับพบว่ารถคันนั้นขับเร็วกว่าเดิม ราวกับจะหนีให้พ้นจากสายตาเขา

เขาไม่เสียเวลา สาวเท้าก้าวขึ้นรถ รีบออกรถ ขับตามเธอไป

เขาไม่ยอมให้เธอหนีเขาไปอีกแล้ว

ประธานจอมหื่นสุดซ่า

ประธานจอมหื่นสุดซ่า

Status: Ongoing

ยืนอยู่หน้าประตูบาร์ เธอไม่รู้จะทำอย่างไร ครั้งนี้เป็นครั้งที่สองที่เธอเข้าบาร์ ตอนเช้าของวันนี้ มีข่าวซุบซิบบันเทิงดังไปทั้งเมือง คุณหนูตระกูลใหญ่ไปกับผู้ชายเมื่อคืน หน้าหนังสือพิมพ์ยังมีรูปภาพที่เธอถูกผู้ชายกอดเข้าโรงแรม

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท