บทที่ 87 คุณปิดบังอะไรกันแน่
ชิวหันเยียนมองพวกเขาเดินจากไป กระทั่งได้ยินเสียงประตูปิดลง ค่อยเก็บสีหน้ากลับคืน ใบหน้าชั่วร้ายขึ้นมาทันที
เธอไม่รู้ว่าคนพวกนั้นทำอะไรกับฉินอีหลิน แต่ให้ปล่อยฉินอีหลินไปง่ายๆแบบนี้ เธอไม่พอใจ
ทำไมถึงปล่อยฉินอีหลินไปง่ายขนาดนั้น คนพวกนั้นไม่ควรฉีกฉินอีหลินเป็นชิ้นๆหรือไง เหยียบย่ำ ย่ำยีเธออย่างโหดเหี้ยมสิ
ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้?
ชิวหันเยียนคว่ำโต๊ะวางถ้วยชาตรงหน้า ใบหน้าโกรธแค้นมือเธอกำแน่น เล็บมือยาวจิกลึกเข้าไปในฝ่ามือ ใบหน้าฉาบไปด้วยความเกรี้ยวกราด แตกต่างจากผู้หญิงบอบบางที่เป็นอยู่ในทุกๆวันราวฟ้ากับเหว
เธอไม่พอใจ เท้าถีบโต๊ะพลิกคว่ำ ชิวหันเยียนเข่าทรุดลงบนพื้น ใบหน้าบิดเบี้ยว
ตอนนี้เธอไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฉินอีหลินแล้ว เวลาห้าปีทำให้ฉินอีหลินเปลี่ยนไปราวกับคนละคน ไม่ว่าจะเป็นความสามารถหรือไหวพริบก็เทียบไม่ได้ นึกถึงคำพูดเย็นชาของลี่โม่อวี่เมื่อห้าปีที่แล้ว เธอได้รับคำดูถูกมามากมายขนาดนั้น จะให้ปล่อยฉินอีหลินไปแบบนี้หรอ?
เปลือกตาปิดลงทั้งตัวยังคงสั่นเกร็ง ใบหน้าชิวหันเยียนดุร้ายน่ากลัว
เพียงนึกถึงฉินอีหลิน เธอแทบอยากให้หล่อนตายๆไปซะ
ครั้งนี้เป็นโอกาสที่ดีแล้วแท้ๆ อีกแค่นิดเดียวเธอก็สามารถทำให้ฉินอีหลินไม่มีโอกาสปรากฏตัวต่อหน้าลี่โม่อวี่อีกต่อไปแล้ว……
แต่ทว่า ต้องปล่อยฉินอีหลินไปราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น คิดมาถึงตรงนี้ ท่าทางของเธอก็เกรี้ยวกราด เล็บมือฝังลึกเข้าไปมากกว่าเดิม
เรื่องในครั้งนี้ ฉินอีหลินรู้แล้วว่าเธอมีส่วนร่วม ถ้าเกิดหล่อนบอกลี่โม่อวี่……….คิดแบบนี้แล้ว ชิวหันเยียนก็แทบบ้า
เพียงนึกถึงภาพความห่วงใยของลี่โม่อวี่ที่มีต่อฉินอีหลินเมื่อสักครู่ หัวใจของเธอราวกับโดนอะไรบีบรัดแน่น เจ็บปวดราวกับหัวใจแตกสลาย ลี่โม่อวี่เย่อหยิ่งไม่สนใจใคร เขาก็วันที่มีคนอยู่ในใจเหมือนกันหรอ?
ฉินอีหลิน….เธอกลับมาทำไม?
เล็บมือคนจิกลึกเข้าไปบนฝ่ามือ เลือดสีแดงไหลฉาบเล็บสวย ทว่าชิวหันเยียนกลับไม่รู้สึกอะไร ความโกรธเกลียดและเคียดแค้นผสมปนเปอยู่ในใจ
ฉินอีหลิน เธอมีสิทธิ์อะไรถึงได้รับความรักจากลี่โม่อวี่?
ยัยโง่มู่หลิงนั้นก็เศษสวะ
เวลาสามปีเต็มๆยังไม่สามารถทำให้ลี่โม่อวี่รักเธอได้ แววตาฉายแววอำมหิต หมากอย่างมู่หลิงนับว่าไร้ค่า ถึงเก็บไว้ก็ไม่มีประโยชน์อะไร คงต้องหาโอกาสกำจัดเธอ เพื่อเลี่ยงไม่ให้เธอพูดในสิ่งที่ไม่สมควร
อีกด้าน ลี่โม่อวี่ขับรถพาฉินอีหลินมาถึงโรงพยาบาลในเครือของเขา ใบหน้าเยือกเย็นอุ้มฉินอีหลินเข้าไปในโรงพยาบาล ฝ่ามือชื้นไปด้วยเหงื่อ เขาไม่กล้าคิด หากเกิดอะไรขึ้นกับฉินอีหลิน เขาจะจัดการฝังคนพวกนั้นไปพร้อมกัน
เข้ามาในโรงพยาบาล หมอทั้งโรงพยาบาลต่างพากันแตกตื่น ไม่เพียงแต่ฐานะของลี่โม่อวี่เท่านั้นที่กดดัน แต่พวกเขาไม่เคยเห็นลี่โม่อวี่อุ้มผู้หญิงคนไหนเข้ามาในโรงพยาบาลเลย
หมอพยาบาลผู้หญิงหลายคนซุบซิบ พากันพูดถึงว่าผู้หญิงในอ้อมแขนของลี่โม่อวี่เป็นใครกันแน่?
ผู้หญิงคนไหนถึงได้โชคดีถูกลี่โม่อวี่อุ้มเข้ามา?
ใบหน้าลี่โม่อวี่เคร่งขรึม ให้หมอที่ดีที่สุดตรวจร่างกายฉินอีหลิน หมอคนอื่นๆพากันรออยู่นอกห้องผู้ป่วย ออกไปทำงานตามเวลา
ลี่โม่อวี่และหลงอี้เซวียนยืนรอผลตรวจอยู่ด้านนอกเช่นกัน ทั้งคู่ไม่มีใครไม่สนใจอีกฝ่ายเลยสักนิด
ไม่นาน หมอก็เดินออกมา เขาบอกลี่โม่อวี่อย่างนอบน้อม “คุณฉินนอกจากอาการเสียเลือดไปมาก ในร่างกายยังมียาสลบ นอกนั้นร่างกายก็ไม่มีปัญหาอะไรครับ”
ในตอนนั้นเอง อานหน้ามาถึงพอดี ได้ยินที่หมอบอกดังนั้นจึงจับคว้าหลงอี้เซวียนเอาไว้พร้อมเอ่ยถาม “พี่สาวเธอเสียเลือดมากได้ยังไง?”
หมอคนนั้นฉลาดหลักแหลม เขามองอานหน้า พลันก็เข้าใจว่าหญิงสาวที่นอนอยู่ด้านในกับผู้หญิงท่านนี้มีความสัมพันธ์อะไรกัน ดังนั้นจึงเอ่ยตอบอย่างระมัดระวัง “ที่แขนของคุณฉินมีรอยเข็ม คาดว่าเป็นรอยเข็มเจาะสูบเลือดครับ”
ทั้งสามพอได้ยินดังนั้น ในใจเกิดความสงสัย ลงทุนทำขนาดนี้ เพื่อที่จะสูบเลือด?
อานหน้าเม้มปากแน่นอย่างตกใจ สายตาของเธอวิตกกังวลมากกว่าเมื่อสักครู่ที่ฉินอีหลินหายตัวไปด้วยซ้ำ
เธอมองฉินอีหลินที่นอนอยู่บนเตียงอย่างหวาดหวั่น รีบเดินเข้าไปหา ขยับผ้าห่มให้อย่างใส่ใจ หลังจากนั้นกุมมือลูกสาวเอาไว้แน่น
แม้ผู้หญิงคนนั้นจะปิดบังเต็มที่ แต่เธอก็ควบคุมตนเองไม่ให้สั่นไม่ได้
หลงอี้เซวียนเห็นท่าทีของอานหน้า คล้ายกลับเข้าใจความผิดปกติของเธอ เขาขยี้ผมอย่างไม่เป็นสุข นั่งลงบนเตียงผู้ป่วย
ทำไมคนพวกนั้นต้องเอาเลือดพี่สาวเขาไป พวกเขาเอาเลือดของพี่สาวไปทำอะไร?
คนพวกนั้นจับพี่สาวเขาไปแล้วปล่อยออกมาง่ายๆ ต้องการเพียงแค่เลือดงั้นหรอ?
ลี่โม่อวี่เห็นท่าทางของอานหน้าและหลงอี้เซวียน เดาว่าพวกเขาต้องรู้อะไรเป็นแน่ ตอนนี้ห่วงความปลอดภัยของฉินอีหลิน ลี่โม่อวี่ไม่อยากพลาดเรื่องเล็กๆน้อยๆที่เกี่ยวข้องกับฉินอีหลินแม้เพียงเล็กน้อย
เอ่ยถามหมอออกมาอีกครั้ง “คุณมั่นใจนะว่าคุณฉินปลอดภัยไม่มีอะไรผิดปกติ ทำไมเธอถึงสลบจนป่านนี้ยังไม่ฟื้น?”
หมอคนนั้นบอกอย่างหนักแน่น “ร่างกายคุณฉินไม่มีปัญหาแน่นอนครับ ที่ยังไม่ฟื้นเพราะฤทธิ์ยาสลบที่ยังมีอยู่ในร่างกาย”
“แล้วเธอจะฟื้นขึ้นมาเมื่อไหร่?” ลี่โม่อวี่ถาม
“ยาหมดฤทธิ์ก็ฟื้นครับ คาดว่าคงใช้เวลาไม่นานเท่าไหร่”
หมอคนนั้นมีไหวพริบไม่กำหนดเวลาที่แน่นอน หากบอกไปแล้วถึงเวลานั้นฉินอีหลินยังไม่ฟื้น ดูจากความเป็นห่วงเป็นใยที่ลี่โม่อวี่มีให้ฉินอีหลิน เกรงว่าเขาคงต้องออกจากงานไป
แต่ลี่โม่อวี่ฉลาดกว่าที่เขาคิดเยอะ เอ่ยออกมา “บอกเวลาที่ชัดเจนกับผม”
หมอคนนั้นเริ่มมีเหงื่อซึมตามขมับ เอ่ยบอกอย่างเกรงกลัว “คงจะใช้เวลาหนึ่งถึงสองชั่วโมงครับ ต้องดูสภาพร่างกายของคุณฉิน”
ลี่โม่อวี่พยักหน้า โบกมือให้หมอพยาบาลคนอื่นๆ บอกใบ้ให้ทุกคนออกไป
หมอคนนั้นผ่อนลมหายใจเบาๆ ออกไปพร้อมกับเหงื่อท่วมหัว
หมอพยาบาลที่รออยู่ด้านนอกต่างก็รับรู้ถึงความห่วงใยที่ลี่โม่อวี่มีต่อผู้หญิงคนนั้น ทุกคนปล่อยมือแล้วเดินตามหลังหมอท่านนั้นไป ยังไงซะหางานสักงานคงจะไม่ง่าย ใครก็ไม่อยากถูกไล่ออก
ลี่โม่อวี่เดินเข้าไปในห้องผู้ป่วย มองอานหน้าที่ลูบหัวอีหลินอย่างกังวล แววตาครุ่นคิด
เขาเลื่อนสายตาไปยังหลงอี้เซวียน มองใบหน้าของหลงอี้เซวียนที่ดูคิดหนักหาทางออกไม่ได้ ในใจนั้นคิดว่าอานหน้าและหลงอี้เซวียนจะต้องมีเรื่องที่เขายังไม่รู้
เดินเข้าไปใกล้หลงอี้เซวียน คว้าตัวหลงอี้เซวียนเอาไว้ ไม่ให้อีกฝ่ายได้ทันไหวตัว ลี่โม่อวี่ลากเขาออกจากห้องพักผู้ป่วยอย่างไม่เกรงใจ
พอออกมาด้านนอก ไม่รอให้หลงอี้เซวียนได้เอ่ยปาก ลี่โม่อวี่ก็กดหลงอี้เซวียนชิดพนัง จ้องมองชายตรงหน้าอย่างเยือกเย็น น้ำเสียงเย็นยะเยือกแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน “หลงอี้เซวียน พวกคุณปิดบังอะไรอยู่กันแน่?”