ประธานจอมหื่นสุดซ่า – ตอนที่ 96

ตอนที่ 96

บทที่ 96 เหนื่อยหน่ายกับปัญหา

ขณะที่ฉินอีหลินกำลังจะหมุนตัวเดินจากไปนั้น เธอก็ได้ยินเสียงเยาะเย้ยของลี่โม่อวี่ขึ้นมาจากด้านหลัง

“ฉินอีหลิน ผมคิดว่าผมทำมาหลายเรื่องตลอดหลายวันที่ผ่านมา ผมพยายามทำให้คุณมีความสุข ไม่ทำให้คุณโกรธ อย่างน้อยก็ทำให้คุณรู้สึกดีได้ แต่พอมาดูตอนนี้ คนที่จิตใจเย็นชาไม่ใช่ผมหรอก กลับเป็นคุณมากกว่า ฉินอีหลิน!”

ฉินอีหลินกะจะไม่สนใจเขา แต่สุดท้ายก็หยุดฝีเท้าลง สายตาที่มองไปข้างหน้าอย่างสงบราบเรียบมาตลอด กลับค่อยๆ ลดต่ำลงอย่างช้าๆ เห็นได้ชัดว่าดูมืดหม่น

พอเห็นแววตาที่สับสนของลูกๆ จ้องมองมาที่ตัวเอง ฉินอีหลินก็พยายามเรียกสติตัวเองกลับมา ก่อนจะพูดกับแอนนาว่า : “พวกแม่พาเด็กๆ กลับไปก่อนเถอะ อีกเดี๋ยวหนูจะตามกลับไปเองนะ”

พอหลงอี้เซวียนฟังจบ ก็พูดค้านทันที : “ไม่มีทาง ถ้าจะไปก็ให้แม่พาจิ่นเซวียนกับหมิงเจ๋อไปก่อน เดี๋ยวผมจะอยู่เป็นเพื่อนพี่เอง”

แอนนาได้ยินก็พูดด้วยสีหน้าเดือดดาล : “อีหลิน ลูกอย่าคิดจะไปพูดอธิบายอะไรกับผู้ชายคนนี้เลย เขาก็เป็นแค่คนบ้าๆ เท่านั้นล่ะ!”

คำสุดท้ายนั้น แอนนาจ้องไปที่ลี่โม่อวี่เขม็ง พลางพูดอย่างกัดฟันด้วยความเกลียดชัง

ลี่โม่อวี่ยังคงทำหน้าเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ในเมื่อฉินอีหลินยังยอมอยู่ที่นี่กับเขาสักช่วงเวลาหนึ่ง อารมณ์ที่บูดบึ้งของเขาก็ผ่อนคลายลง เพียงแต่สีหน้าของเขายังคงแข็งเหมือนกับหิน โดยที่ไม่ได้ผ่อนคลายตามไปด้วยเท่านั้น

ฉินอีหลินส่งสายตาบอกให้แอนนาสบายใจ ก่อนจะคุกเข่าลงพูดกับลูกๆ ทั้งสองคนว่า : “ลูกๆ ต้องเชื่อฟังคุณยายด้วยนะ รู้ไหม? เดี๋ยววันนี้แม่อาจจะกลับไปหาตอนดึกๆ สักหน่อยนะ”

จิ่นเซวียนกับหมิงเจ๋อพยักหน้ารับอย่างว่าง่าย โดยที่ยังยืนอยู่ข้างๆ แอนนาอยู่ หลงอี้เซวียนก็เหมือนจะพูดอะไรบางอย่าง แต่กลับถูกแอนนาส่งสายตามาบอกว่าให้หยุดไว้

เพราะมันมีเรื่องบางเรื่องที่ต้องเคลียร์ต้องแก้ไข จะให้หลบหนีไปตลอดก็คงไม่ได้

ที่ฉินอีหลินกลับมานั้น ไม่ใช่เพราะเรื่องทั้งหมดนี้หรือไง?

หลงอี้เซวียนเห็นแบบนั้นก็พยักหน้าอย่างหดหู่ใจ เขาทำได้เพียงหยุดเท่านั้นตอนนี้

แต่อย่างไรเขาก็ไม่มีทางวางใจได้ลง ก่อนจะพูดกับฉินอีหลินขึ้นต่อ : “พี่ ถ้าหากมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นพี่ต้องโทรหาผมทันทีนะ ผมจะไม่ปล่อยให้พี่อยู่คนเดียวแน่”

ต่อจากนั้นเขาก็หันไปเตือนลี่โม่อวี่อย่างดุร้าย : “ถ้านายกล้าทำอะไรพี่สาวของฉันล่ะก็ ฉันไม่ให้อภัยนายแน่!”

ลี่โม่อวี่ไม่สนใจใยดีอะไรกับคำพูดของหลงอี้เซวียนทั้งนั้น แม้แต่แอนนาที่กำลังพาเด็กๆ จากไป เขาก็ไม่ได้ออกปากห้ามอะไรด้วย

เพราะขอแค่ฉินอีหลินยังอยู่ข้างๆ เขาแบบนี้ ก็พอแล้วล่ะ

หลังจากที่แอนนาออกไปเรียบร้อย ลี่โม่อวี่ก็ยิ้มเยาะขึ้น “อีหลิน คุณไม่เข้าใจอีกหรือไงว่าผมรู้สึกอย่างไรกับคุณ หลายปีมานี้ผมไม่ได้ยินข่าวคราวคุณเลย มาตอนนี้คุณกลับมา แต่กลับทำกับผมเหมือนเป็นคนแปลกหน้าเสียอย่างนั้น นี่คุณยังมีหัวใจอยู่หรือเปล่าฉินอีหลิน?”

ฉินอีหลินก้มหน้าก้มตา ปล่อยให้ลี่โม่อวี่พูดความในใจแบบนั้นออกมา โดยที่ตัวเองไม่ได้พูดอะไรเลยแม้แต่นิด ในใจลึกๆ ของเธอเริ่มรู้สึกกดดันไม่น้อย เรื่องที่ผ่านไปแล้วก็ให้มันผ่านไปสิ เธอไม่อยากจะไปยุ่งพัวพันกับมันให้มากมายอีกแล้ว

ลี่โม่อวี่เห็นว่าเธอไม่พูดอะไร จึงคิดว่าคำพูดของตัวเองเมื่อสักครู่นี้มีผลอยู่ จึงเดินไปข้างหน้าสองสามก้าว ก่อนจะประคองแขนของฉินอีหลินขึ้น แต่ถูกฉินอีหลินหลบอีกครั้ง

“ฉันพูดไปแล้วนะลี่โม่อวี่ เรื่องที่ผ่านไปแล้วก็ให้มันผ่านไป ฉันไม่อยากจะพูดถึงมันอีก”

“อย่างนั้นก็ได้ ถ้าเป็นแบบนั้นพวกเราก็มาเริ่มต้นกันใหม่ ให้เหมือนวันแรกที่เจอกันอย่างไรล่ะ!” ลี่โม่อวี่ยังคงมีความหวังสุดท้ายอยู่ เขาไม่มีทางยอมแพ้แน่ๆ

บางทีความมุมานะของคนนั้น ก็สร้างความมั่นคงและแข็งแกร่งให้ในยามที่มีปัญหา

ฉินอีหลินรู้สึกมีบางอย่างที่ไม่เข้าใจขึ้นมา เธอไม่ได้สูญเสียความทรงจำแต่อย่างใด แต่เธอเลือกที่จะทำเป็นลืมเรื่องก่อนหน้านี้ให้เหมือนกับว่าไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนมากกว่า เรื่องในอดีตมันเยอะขนาดนั้น ถ้าให้เธอกลับมาเริ่มใหม่เหมือนกระดาษขาวแผ่นหนึ่งล่ะก็ เธอคงทำไม่ได้แน่นอน

ฉินอีหลินรู้สึกว่าถ้ายังโต้เถียงกันแบบนี้ต่อไป ตัวเองคงต้องรู้สึกเหนื่อยมากๆ แน่ๆ และก็คงไม่มีผลดีด้วย ดังนั้นขณะที่ลี่โม่อวี่กำลังพูดอยู่นั้น เธอก็รีบพูดขัดทันที : “ลี่โม่อวี่ พวกเราพูดเรื่องของลูกกันดีๆ เถอะนะ”

ลี่โม่อวี่ได้ยินก็นิ่งอึ้งไป แต่ก็พยักหน้าอย่างนิ่งขรึมโดยไม่ได้รู้สึกประหลาดใจอะไร

ฉินอีหลินเห็นเขาให้ความร่วมมือแบบนี้ แววตาของเธอก็อ่อนโยนลง ต่อจากนั้นเธอก็มองไปทางมู่หลิงด้วยสีหน้าเรียบเฉย แต่กลับไม่ได้พูดอะไรออกมาสักคำ

ลี่โม่อวี่ก็มองตามสายตาเธอไป ก็พบว่าในห้องยังมีคนเหลืออยู่อีกคนหนึ่ง

เดิมทีมู่หลิงไม่คิดจะเดินออกไป แต่พอเห็นทั้งสองคนสังเกตเห็นถึงตัวเองนั้น หากตัวเองไม่ไปมันก็จะรู้สึกกระอักกระอ่วนใจหน่อยๆ จึงหาข้ออ้างเพื่อที่จะหลบออกไป

เพียงแต่ว่ามู่หลิงไม่ได้คิดจะออกไปจริงๆ เธอแสร้งทำเป็นเดินออกไปแล้วไปหลบอยู่ที่มุมๆ หนึ่งของห้อง เธอไม่ชอบเวลาที่เรื่องต่างๆ มันไม่ได้อยู่ในการควบคุมของตัวเองเลย เพราะฉะนั้นเธอต้องแอบดูการกระทำทุกสิ่งอย่าง ระหว่างฉินอีหลินกับลี่โม่อวี่ให้หมด

ทันทีที่ทั้งห้องเหลือเพียงฉินอีหลินกับลี่โม่อวี่สองคน ฉินอีหลินก็เปิดปากพูดขึ้นอย่างช้าๆ : “ลี่โม่อวี่ ก่อนหน้านี้ฉันเองก็พูดชัดเจนไปแล้วนะ ฉันหวังว่าครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายแล้วนะ ฉันเหนื่อยเหลือเกินที่คุณคอยมาก่อกวนแบบนี้”

ก่อกวนงั้นหรือ? ลี่โม่อวี่ได้ยินแบบนั้น ก็รู้สึกเหมือนในสมองมีแต่เสียงหวึ่งดังสนั่น ทุกวันทุกคืนเขาอยากอยู่กับเธอ แม้แต่วินาทีเดียวก็ยังดี ตัวเขาเองอุตส่าห์ทำทุกอย่างเพื่อเธออย่างลำบากขนาดนี้ แต่ในสายตาเธอกลับคิดว่านี่เป็นการก่อกวนเท่านั้นงั้นหรือ?

ฉินอีหลินเองก็เห็นว่าอารมณ์ของลี่โม่อวี่ไม่ปรกติ พอเห็นว่าเขาจะทำอะไรเธอจึงรีบออกปากห้าม : “คุณฟังฉันให้จบนะลี่โม่อวี่ ที่ฉันยังอยู่ที่นี่ฉันไม่ได้อยากมาคุยเรื่องนี้หรอกนะ”

ลี่โม่อวี่ส่งสายตาที่เยือกเย็นและนิ่งขรึมแบบนั้นต่อต้านอย่างเงียบๆ

จะให้ฉินอีหลินสนใจเยอะขนาดนั้นเองก็ไม่ไหว เพราะฉะนั้นวันนี้เธอต้องพูดให้รู้เรื่อง : “ฉันไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไมคุณถึงต้องพาลูกกลับมาด้วย ถึงฉันจะไม่อยากรู้ แต่ตอนนี้ฉันอยากจะให้คุณเข้าใจ ว่าที่ฉันส่งพวกเขาไปหาพ่อของฉันที่นู่น ก็เพื่อไม่ให้ลูกมีอันตราย”

ลี่โม่อวี่มองฉินอีหลินอย่างสงสัย เขารู้ดีว่าเธอมักจะมีอันตราย แต่ลูกๆ…เขาไม่เข้าใจจริงๆ

เพียงแต่มองเห็นท่าทางที่เรียบเฉยของฉินอีหลินแบบนี้ ดูไม่เหมือนว่าเธอกำลังหาข้ออ้างมาพูดอะไร ซึ่งตอนนี้เธอก็พาลูกๆ ไปแล้ว โดยไม่มีเหตุผลอะไรมารั้งไว้เลย

ลี่โม่อวี่ไม่ได้รีบพูดขึ้น เขาขมวดคิ้วแน่น เกือบเหมือนกำลังพิจารณาดูว่าคำพูดของฉินอีหลินนั้นจริงไม่จริง

ฉินอีหลินเองก็ไม่ได้รีบร้อนอะไรเหมือนกัน เธอพูดขึ้นอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่สงบราบเรียบ : “ฉันไม่รู้จะพูดอะไรกับคุณดีเลยด้วยซ้ำ แต่ฉันก็หวังว่าคุณจะเชื่อฉันและเคารพในการตัดสินใจของฉันนะ ฉันไม่อยากให้พวกเขาเกิดเรื่องอะไรขึ้น”

“ผมเองก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน” ลี่โม่อวี่แสดงท่าทีจริงจัง ไม่ว่าฉินอีหลินจะปฏิเสธอย่างไร เขาก็ไม่มีทางสลัดเรื่องที่จิ่นเซวียนกับหมิงเจ๋อเป็นลูกของเขาเลย ซึ่งเธอเองก็เข้าใจจิตใจของฉินอีหลินได้

ยิ่งไปกว่านั้น เขาก็เห็นเรื่อง อุบัติเหตุ ลอบฆ่า ลักพาตัว เหล่านั้น ด้วยตาของเขาเอง

พอทั้งสองคนเห็นพ้องต้องกันแล้ว ชั่วขณะนั้นจึงไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรต่อดีเลย

บรรยากาศตอนนี้เหมือนเข้าสู่ช่วงที่กระอักกระอ่วน ทั้งสองคนต่างยืนนิ่งไม่พูดอะไรเลย

มู่หลิงที่ยืนแอบฟังอยู่ด้านนอกมาตลอด ในใจของเธอตอนนี้แอบเดาเหตุการณ์ต่างๆ ขึ้นมาจนยุ่งเหยิงไปหมด ความอันตรายที่สุดของฉินอีหลินน่าจะเป็นชิวหันเยียนมากกว่า หรือว่าชิวหันเยียนจะลงมือไปแล้วหรือ?

ถ้าดูตามแบบนี้ล่ะก็ ชิวหันเยียนน่าจะลงมืออย่างรวดเร็วอยู่แน่ๆ เพียงแต่ตอนนี้ฉินหันเยียนรู้แล้ว และก็ไม่รู้ด้วยว่าเรื่องราวมันเปลี่ยนไปแบบไหนบ้างหรือยัง

ตอนนี้อารมณ์ของมู่หลิงเปลี่ยนไปมา เธอมองการกระทำของทั้งสองคนในห้องเขม็ง ไม่กล้าที่จะลงรายละเอียดอะไรมากมาย

ประธานจอมหื่นสุดซ่า

ประธานจอมหื่นสุดซ่า

Status: Ongoing

ยืนอยู่หน้าประตูบาร์ เธอไม่รู้จะทำอย่างไร ครั้งนี้เป็นครั้งที่สองที่เธอเข้าบาร์ ตอนเช้าของวันนี้ มีข่าวซุบซิบบันเทิงดังไปทั้งเมือง คุณหนูตระกูลใหญ่ไปกับผู้ชายเมื่อคืน หน้าหนังสือพิมพ์ยังมีรูปภาพที่เธอถูกผู้ชายกอดเข้าโรงแรม

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท