บทที่ 90 อย่ากัด เจ็บ
ฟื้นตัวมาได้หนึ่งคืนแล้ว ฉินอีหลินแม้จะไม่ได้ไร้เรี่ยวแรงเหมือนตอนรู้สึกตัวใหม่ๆ ไม่กล้าขยับตัว
เธอหรี่ตามองแสงสว่างนอกหน้าต่าง บอกไม่ถูกถึงอารมณ์ภายในใจ แม้ไม่ได้เจอกันเพียงหนึ่งวัน แต่เธอคิดถึงลูกๆทั้งสองมาก
จิ่นเซวียนร่างกายอ่อนแอ เมื่อวานร้องไห้หนักขนาดนั้น วันนี้จะไม่สบายหรือเปล่านะ?
หมิงเจ๋อเธอไม่ห่วงเท่าไหร่ เด็กคนนั้นเข้มแข็งมาก แม้ว่าปกติจะชอบงอแง แต่เมื่อเกิดเรื่อง เขาก็กลายเป็นสุภาพบุรุษคนหนึ่ง
นึกถึงรูปร่างหน้าตาของหมิงเจ๋อ ฉินอีหลินจึงถอนหายใจเบาๆ
เวลาล่วงเลยไป เด็กคนนั้นก็ยิ่งคล้ายลี่โม่อวี่ โดยเฉพาะดวงหน้าที่ดื้อรั้น รวมทั้ง……การเอาอกเอาใจผู้หญิง เหมือนพ่อเขามากจริงๆ
บางครั้งฉินอีหลินก็รู้สึกเป็นห่วง กลัวว่าหมิงเจ๋อโตขึ้นจะกลายเป็นเพลย์บอย
พลิกตัวเบาๆ แขนด้านขวาของฉินอีหลินเจ็บแปลบๆ เธอรู้ว่าเป็นอาการปวดจากรอยเข็ม
เธอไม่เข้าใจจริงๆว่าทำไมแก๊งKถึงต้องการเลือดของเธอ คงไม่ใช่กำลังทดลองอะไรอยู่นะ?
ยิ้มหยันให้ตัวเอง ฉินอีหลินพบว่า ตอนนี้เธอนับวันยิ่งคลายความเครียดให้ตัวเองได้แล้ว แต่พอนึกถึงเรื่องที่อานหน้าบอกว่าตอนเด็กๆเธอก็เคยถูกจับไป เธอคิดไม่ออกจริงๆ คนพวกนั้นจับตัวเธอไปแล้วปล่อยเธอออกมา
แม้กระทั่งชิวหันเยียนก็ยังไม่กล้ากำจัดเธอ หัวใจฉินอีหลินเย็นวาบ
ตอนนี้ผู้หญิงคนนั้นเป็นถึงภรรยาที่รักของหัวหน้าใหญ่แห่ง“ขวานรบ” แต่ก็ยังไม่กล้ากำจัดเธอ เธอพบว่าอำนาจของแก๊งKยิ่งใหญ่กว่าที่เธอคิดไว้มากทีเดียว
ในขณะที่กำลังคิดทบทวน ฉินอีหลินพลันได้ยินเสียงจากทางประตู อานหน้าและหลงอี้เซวียนถูกเธอไล่กลับไปพักผ่อนแล้ว จึงพลิกตัวกลับพร้อมมองตรงไปยังประตู
เธอไม่คิดว่าจะเจอเขา ผู้ชายคนนั้นอยู่ในชุดสูทดูดีแต่กลับปกปิดใบหน้าซีดเซียวเอาไว้ไม่มิด ตอนนี้เขายังจ้องมองเธออยู่เช่นนั้น คล้ายกับการมองอยู่แบบนี้จะทำให้เขาเพียบพร้อมไปหมดทุกอย่าง
ฉินอีหลินต้านทานสายตาแบบนั้นไม่ไหว เธอรู้สึกว่าสายตาคู่นั้นซ่อนอะไรไว้มากมาย เธอตอนนี้ก็ไม่อยากไปคิด หวังเพียงแต่ว่าตนเองจะเป็นนกกระจอกเทศตัวหนึ่ง สามารถเอาหัวมุดไปในหลุมทราย ไม่ดู ไม่ฟัง ไม่คิด
“คุณผอมแล้ว….”
เดิมฉินอีหลินอยากถามว่าเขามาได้ยังไง แต่เพียงเปิดปากพูด เธอกลับพูดออกไปว่า “คุณผอมแล้ว”
ลี่โม่อวี่ได้ยินประโยคแสดงความใส่ใจนั้น จึงตกใจมองไปยังหญิงสาวบนเตียง ไม่มีเสียงตอบรับอยู่ชั่วขณะ เมื่อผ่านไปสักพัก ลี่โม่อวี่ค่อยหาเสียงตัวเองเจอ “ไม่เท่าไหร่”
เขาพยายามยิ้มเต็มที่ยิ้มออกมาเป็นธรรมชาติ แต่ใบหน้าที่แข็งกระด้างของเขา คล้ายกับกล้ามเนื้อบนใบหน้าขยับไม่ได้
คำพูดของฉินอีหลินหลุดออกไปแล้ว จึงได้แต่ทำอะไรไม่ถูก เธอเหมือนจะปฏิเสธ ผลักไส ตอนนี้กลับถามสามคำนั้นออกมา ทำให้เธออยากจะหาสักที่แล้วมุดเข้าไป
“นี่หมายความว่ายังไง?”
ฉินอีหลินมองเลยไปที่ประตู กลับพบว่าหน้าประตูมีคนสองคนยืนเฝ้าอยู่
ทั้งสองคนนั้นไม่ถือว่าบึกบึน ผู้ชายด้านซ้ายออกจะผอมไปด้วยซ้ำ ใบหน้าไร้ความรู้สึกของพวกเขามองตรงไปด้านหน้า แต่ฉินอีหลินกลับสัมผัสได้ว่า ทั้งสองคนนั้นมีกลิ่นอายคละคลุ้งของกลิ่นคาวเลือด
ความโหดร้ายนี้ใช่ว่าคนธรรมดาจะมีได้ ฉินอีหลินรู้สึกว่า ภาระที่พวกเขาแบกเอาไว้คงไม่ใช่แค่ชีวิตสองชีวิต
ลี่โม่อวี่ค่อยมีสติกลับคืนมา เขาวางกล่องข้าวในมือลง เดินมาหยุดอยู่ข้างเตียงและก้มหน้าลงมองคนบนเตียง
สีหน้าของเธอไม่ซีดเซียวเหมือนเมื่อวาน ดวงตาก็มีสติแล้ว ตอนนี้เริ่มมีท่าทีปฏิเสธเขาปรากฏออกมาอีกแล้ว
ความจริงลี่โม่อวี่เกลียดท่าทางแบบนี้ของเธอมาก เขาไม่คิดว่าตัวเองไม่ได้มีอะไรที่ไม่เหมาะสมกับเธอ ทำไมเธอไม่ให้โอกาสเขาสักครั้ง
แต่ตอนนี้ เขาทำได้เพียงขอบคุณสวรรค์ ขอบคุณสวรรค์ที่ทำให้ผู้หญิงของเขาได้ลืมตาขึ้นมา อีกทั้งยังต่อต้านเขาได้อย่างมีสติครบถ้วน
ตอนนี้ลี่โม่อวี่เข้าใจแล้ว ความจริงขอแค่ฉินอีหลินมีชีวิตปลอดภัย เขาไม่สนว่าเธอจะต่อต้านเขา ยังไงเขาเองก็ไม่นับว่าแก่ ยังมีเวลามากมายเพื่อพิสูจน์หัวใจของเขา
“นี่เป็นบอดี้การ์ดที่ผมหามาให้คุณ ล้วนเป็นทหารที่ปลดประจำการจากหน่วยรบพิเศษทั้งนั้น”
“ทหารรับจ้าง?”
ฉินอีหลินตะลึงไปครู่หนึ่ง เธอมองสำรวจสองคนนั้นอีกครั้ง ต่อมาหันมาสบตากับลี่โม่อวี่
เธอรู้จักทหารรับจ้าง เป็นอีกทางที่ทหารหน่วยรบพิเศษ ชอบทำเมื่อปลดประจำการ พวกเขาทำภารกิจแลกกับเงินมหาศาล
เมื่อสองปีที่แล้วเธอเคยเจอที่ห้องหนังสือของพ่อคนหนึ่ง กลิ่นอายกลิ่นคาวเลือดบนตัวคนนั้นก็เหมือนสองคนนี้
ฉินอีหลินรู้ได้ทันทีว่าราคาสองคนนี้ไม่ธรรมดา กำลังจะปฏิเสธลี่โม่อวี่ก็เอ่ยขัดขึ้น
“อีหลิน ผมรู้ว่าตระกูลหลงของคุณมีอิทธิพลมากพอ แต่นั่นอยู่ที่อังกฤษ ตอนนี้คุณอยู่เมืองกั่งซื่อ คุณอยู่กั่งซื่อมีอันตราย พลังมังกรก็ไม่อาจสยบมารได้นะ คุณไม่คิดถึงตัวเอง ก็ต้องคิดถึงลูกทั้งสองด้วย”
“เด็กทั้งสองไม่มีแม่ไม่ได้”
ลี่โม่อวี่มองร่างผอมบางของฉินอีหลินอย่างเป็นห่วง ช่วงนี้เขามักจะนึกถึงเธอเมื่อห้าปีก่อน ตอนนั้นแม้เธอจะผอม แต่ก็ไม่เหมือนตอนนี้ ปลายคางแหลมไปหมด เนื้อสักนิดก็ไม่มี
นิ่งไปพักหนึ่ง ลี่โม่อวี่จึงเอ่ยคำพูดที่คั่งค้าง “อีหลิน ผมก็ไม่มีคุณไม่ได้”
ฉินอีหลินเบิกตากว้าง แม้หลายวันมานี้ เธอมักจะได้ยินคำสารภาพรักจากเขาอยู่บ่อยๆ แต่ก็ไม่เคยชินสักที
เธอเจ็บปวดตั้งแต่ปลายเล็บเข้าไปยังหัวใจ ความเจ็บนั้นไม่ได้รุนแรง คล้ายกับโดนเข็มทิ่ม แถมยังมีความรู้สึกแสบๆชาๆ เลียบไปตามเส้นประสาท รอยย่น กระตุ้นเข้ามายังสมอง
ล้วนบอกว่าสิบนิ้วเชื่อมใจ ตอนนี้เธอเข้าใจแล้ว นั่นเป็นความเจ็บปวดแบบไหน
ฉินอีหลินกัดริมฝีปากล่างไม่กล้าเอ่ยคำพูด เธอไม่รู้ว่าเธอจะพูดอะไร และไม่รู้ว่าต้องตอบสนองยังไง เธอได้แต่จ้องมองผู้ชายที่กำลังยืนอยู่ข้างเตียงผู้ป่วย
ลี่โม่อวี่เห็นท่าทางของฉินอีหลินจึงหัวเราะออกมาอย่างเอ็นดู ไม่ว่าผู้หญิงคนนี้จะเปลี่ยนไปมากแค่ไหน เธอก็ไม่เคยทิ้งท่าทางแบบนี้ของเธอเลย
ยื่นมือไปสัมผัสริมฝีปากบางที่ถูกกัด ลี่โม่อวี่เอ่ยเบาๆ “ไม่กัด เจ็บ”
ฉินอีหลินค่อยๆคลายออกอย่างเชื่อฟัง หลังจากนั้นยังคงจ้องลี่โม่อวี่อยู่
ลี่โม่อวี่ถูกท่าทางของฉินอีหลินทำให้ใจแทบละลาย เขากุมมือผู้หญิงตรงหน้า มาวางลงบนหน้าอกของเขาเบาๆ ใบหน้าอ่อนโยน “อีหลิน คุณเป็นแบบนี้ ผมเจ็บปวดจริงๆ เฮ้อ ผมไม่ได้เป็นจิ้งจอกตาขาวเหมือนคุณ จากไปตั้งห้าปี ไม่มีข่าวคราวเลยสักนิด”
ลี่โม่อวี่ตั้งใจทำท่าทางทุกข์ระทมเพื่อผ่อนคลายบรรยากาศ ในตอนที่เห็นฉินอีหลินหัวเราะออกมา ในที่สุดผู้ชายคนนี้ก็ยกยิ้ม เขาจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของฉินอีหลิน น้ำเสียงสั่นเทาอย่างไม่รู้ตัว
“อีหลิน ให้โอกาสผมอีกสักครั้ง ให้ผมได้ช่วยบังลมบังฝนให้คุณ ให้ผมได้ดูแลคุณ ชาตินี้คุณคงเป็นภัยพิบัติที่ผมหลบเลี่ยงไม่ได้”